ทดลองขับ(formula)
ถึงใจเกินคาด ! กับการทดลองสมรรถนะของ Volvo S60 ซีดานขุมพลังไฮบริดรุ่นใหม่ สมทบด้วยรุ่น V60 และ XC40
ช่วงหลายปีที่ผ่านมาค่ายรถ Volvo มีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในบ้านเราอย่างคึกคัก โดยมีจุดเด่น คือ ระบบความปลอดภัยที่ล้ำหน้า และขุมพลังที่ทันสมัยแบบพลัก-อิน ไฮบริด ได้แก่ สเตชันแวกอน V60 เปิดตัวในงาน Thailand International Motor Expo 2019 และล่าสุดกับซีดาน S60 ถูกเสริมมาดสปอร์ทรอบคัน แต่การทดลองขับในครั้งนี้จะแตกต่างออกไป กับการขับขี่แบบเน้นสมรรถนะมากกว่าครั้งไหนๆ ฉีกแนวภาพลักษณ์ดั้งเดิมที่มักจะมองว่า Volvo เป็นรถยนต์สำหรับครอบครัวเท่านั้น
ซีดานรุ่นล่าสุดของ Volvo มาพร้อมขุมพลังพลัก-อิน ไฮบริด ที่ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร เสริมพละกำลังด้วยซูเพอร์ชาร์จ และเทอร์โบในบลอคเดียวกัน ทำให้มีกำลังสูงสุดถึง 320 แรงม้า ที่ 5,700 รตน. เสริมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 87 แรงม้า คิดเป็นกำลังสูงสุดทั้งระบบที่ 407 แรงม้า เลยทีเดียว อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 4.4 วินาที (ตามที่ผู้ผลิตระบุ) จัดว่าร้อนแรงไม่น้อย นอกจากนี้ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ 4 ล้อตลอดเวลา โดยเครื่องยนต์เบนซินขับเคลื่อนล้อคู่หน้า และมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อคู่หลัง ชุดแบทเตอรีความจุ 11.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง เมื่อชาร์จเต็มสามารถแล่นด้วยไฟฟ้าล้วนได้เป็นระยะทางสูงสุด 49 กม. (ภายใต้การขับขี่ที่เหมาะสม)
สเปคเครื่องยนต์ถือว่าจัดจ้านไม่เบา แต่การทดลองขับครั้งนี้จะมาพิสูจน์ความคล่องแคล่วของการบังคับควบคุมด้วย เราเริ่มด้วยการขับผ่านสลาลอม มีไพลอนวางเรียงกันในแนวขวางจำนวน 3 ตัว ต้องใช้การหักเลี้ยวมากขึ้น และสลับซ้าย/ขวาต่อเนื่อง พวงมาลัยมีการตอบสนองฉับไวเกินคาด แต่ยังคงรักษาความนุ่มนวล และต่อเนื่อง รวมถึงน้ำหนักของพวงมาลัยที่ค่อนข้างเบาเล็กน้อย ตัวรถสามารถลัดเลาะผ่านไพลอนแต่ละจุดได้ง่ายดาย ถัดมา คือ สถานีที่มีโค้งต่อเนื่อง มุมแคบ S60 มีอาการโคลงไม่มากนัก แม้ระบบรองรับจะเน้นความนุ่มนวล ยังสามารถควบคุมทิศทางได้ดี แม้ยางจะออกอาการส่งเสียงเล็กน้อย แต่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อช่วยให้ตัวรถเกาะโค้งได้อย่างเฉียบคม
หลังจากผ่านด้านการทดสอบเรื่องการหักเลี้ยวต่อเนื่อง ส่วนถัดมา คือ ทางตรงยาว ได้ทดสอบสมรรถนะเต็มที่ ทำให้เราได้เห็นว่าการ “Kick Down” รถรุ่นนี้ จนถึงปุ่มที่ติดตั้งอยู่หลังแป้นคันเร่ง พละกำลังร่วม 407 แรงม้าจะตอบสนองอย่างฉับไว จากระบบซูเพอร์ชาร์จ เทอร์โบ และมอเตอร์ไฟฟ้า รวมพลังเข้าด้วยกัน ระบบรองรับถูกปรับแต่งมาอย่างดี หน้ารถจึงไม่มีการกระดกเงยขึ้นมา ผนวกกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ไม่มีอาการล้อหมุนฟรีให้สัมผัส อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้องระวัง คือ การเบรค หลังจากทำอัตราเร่งในทางตรงมาสุดกำลัง การเบรคต้องออกแรงอย่างจริงจัง จึงจะสามารถชะลอความเร็วก่อนถึงโค้งได้ทันท่วงที ก่อนจะเป็นการหักเลี้ยวแบบฉุกเฉิน เสมือนการเจอสิ่งกีดขวางกะทันหัน S60 สามาถทำได้ดี คล่องแคล่ว แฝงความขับสนุกในตัว เป็นอารมณ์การขับขี่ที่ไม่เคยคาดหวังจากรถยนต์ของ Volvo แต่เอาเข้าจริง กลับตอบสนองได้ยอดเยี่ยม และเป็นรถยนต์รุ่นเดียวที่เสริมความเร้าใจด้วยแพดเดิล ชิฟท์ หลังพวงมาลัย (ในรุ่น R-Design)
หลังจากพิสูจน์สมรรถนะ และความคล่องแคล่วของ Volvo S60 เราเปลี่ยนรุ่นมาลองสเตชันแวกอนที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ นั่นคือ V60 กับรูปทรงที่เน้นความเป็นรถสำหรับครอบครัว เส้นสายเรียบหรู แต่ขุมพลังมีพละกำลังไม่น้อยหน้า S60 (รวมถึงรถยนต์รุ่นใหญ่กว่า เช่น S90 , XC60 และ XC90 ในรุ่น T8 Twin Wngine) นั่นคือ กำลังสูงสุดที่ 407 แรงม้า จากระบบพลัก-อิน ไฮบริด อย่างไรก็ตาม ตัวถังที่มีขนาดใหญ่กว่า S60 โดยเฉพาะส่วนท้ายถูกเสริมให้มีการใช้งานที่อเนกประสงค์กว่าตัวถังซีดาน โดยรุ่นทอพของ V60 มีชื่อเรียกว่า Inscription มีตัวถังที่เหรียบหรูกว่ารุ่น R-Design ของ S60
ในแง่ของอัตราเร่ง ทั้ง S60 และ V60 มีความสูสีกันมาก ทางฝั่งสเตชันแวกอนอาจมีอัตราเร่งช้ากว่าเพียงชั่วเสี้ยววินาที แต่ในการขับขี่จริงแทบไม่รู้สึก อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างของทั้ง 2 รุ่นอยู่ที่การหักเลี้ยว และความคล่องแคล่ว แม้จะใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาเหมือนกัน แต่ส่วนท้ายที่ใหญ่กว่าของ V60 ทำให้การหักเลี้ยวต่อเนื่องมีอาการโคลงมากกว่าตัวถังซีดานของ S60 เล็กน้อย แต่ยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ส่วนหนึ่งมาจากระบบรองรับด้านหลังที่ปรับแต่งมาแตกต่างกัน ของ V60 จะลดความสูงลงมาเล็กน้อย รวมถึงมีความนุ่มนวลเผื่อเหลือสำหรับการใช้งานอเนกประสงค์ด้านการบรรทุกสัมภาระ
หลังจากขับผานแต่ละสถานีด้วยรถยนต์ 2 รุ่น แต่มีสายพันธุ์ร่วมกัน นั่นคือ Volvo S60 และ V60 ในแง่ของอัตราเร่งถือว่าสูสีกันมาก จากกำลังสูงสุดที่ 407 แรงม้า นอกจากนี้ความคล่องแคล่วถือว่าทำได้น่าพอใจ แม้จะเผื่อเหลือให้ความนุ่มนวลบางส่วน S60 ยังสามารถตอบสนองการหักเลี้ยวได้ดังใจ แม้จะไม่หนึบแน่นเท่าคู่แข่งสัญชาติเยอรมัน แต่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อทำให้ตัวรถเกาะโค้งได้ยอดเยี่ยม จัดเป็นสปอร์ทซีดานที่ขับสนุกไม่น้อยหน้าใคร ส่วน V60 ทำได้ดีมากในแง่ของการเป็นสเตชันแวกอนสำหรับการใช้งานครอบครัว และเน้นความอเนกประสงค์ การหักเลี้ยวต่อเนื่องอาจมีอาการโคลงมากกว่า S60 เล็กน้อย แต่ปราศจากความอุ้ยอ้าย ควบคุมทิศทางได้อยู่มือเช่นกัน เป็นคุณลักษณะการขับขี่ที่ทาง Volvo สามารถปรับแต่งมาได้อย่างลงตัว มั่นใจได้ ภายใต้ระบบความปลอดภัยที่จัดเต็มไม่เปลี่ยนแปลง
เนื่องจากเวลาจำกัด เราจึงได้ทดลองขับรถยนต์ของ Volvo เพียงบางรุ่น ก่อนจะตัดสินใจปิดท้ายด้วยครอสส์โอเวอร์น้องเล็กของค่าย นั่นคือ XC40 กับรุ่น T5 AWD เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 252 แรงม้า จัดว่าเยอะพอสมควร เมื่อเทียบกับขนาดตัวที่กะทัดรัด และส่งผลดีต่อการหักเลี้ยวที่ทำได้คล่องแคล่วเกินคาด อัตราเร่งทันใจ (แม้จะไม่มากเท่ารุ่นพี่ร่วมค่ายระบบพลัก-อิน ไฮบริดที่ 407 แรงม้า ก็ตาม) แม้ระยะฐานล้อสั้น แต่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา ทำให้หักเลี้ยวได้ดี มีความคล่องตัว สาเหตุที่เราเลือกทดลองขับ XC40 เพราะ มีความเป็นไปได้ว่า รุ่นขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า นั่นคือ XC40 Recharge อาจจะถูกนำเข้ามาทำตลาดในบ้านเราเร็วๆ นี้ นับว่าน่าสนใจมาก กับครอสส์โอเวอร์ที่มีความคล่องแคล่ว ผสานเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าที่โดดเด่นด้วยแรงบิด ตอบสนองคันเร่งได้รวดเร็ว จะต้องเป็นรถที่ขับสนุกอย่างแน่นอน มาติดตามกันว่าครอสส์โอเวอร์พลังงานไฟฟ้าจะเปิดตัวเมื่อไร !?!
- ราคาของรถยนต์ Volvo แต่ละรุ่น
- ขอขอบคุณ Volvo Thailand สำหรับกิจกรรมทดลองขับครั้งนี้ ณ สนามปทุมธานี สปีดเวย์
เรื่องโดย : ภูเขม หน่อสวรรค์
คอลัมน์ Online : ทดลองขับ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/317345