เรื่องเด่น Quattroruote
MINI COUNTRYMAN
รุ่นล่าสุดมาพร้อมมิติตัวถังที่มีความยาวเพิ่มขึ้น และเส้นสายที่บึกบึนกว่าเดิม โดยยังสามารถรักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิมเอาไว้ครบถ้วน ภายใต้น้ำหนักโดยรวมที่ลดลง จอแสดงผลทรงกลมแลดูโดดเด่นมาก กับเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตรก่อนหน้านี้เราได้เห็นภาพจากผู้ผลิต แสดงให้เห็นหน้าจอแสดงผลแบบทรงกลมโดดเด่น ติดตั้งตรงกลางของคอนโซลหน้า ความรู้สึกของเรา คือ ความแปลกตาที่ชวนสงสัย และการใช้งานที่จะสะดวกเหมือนหน้าจอปกติหรือไม่ หลังจากการทดสอบเป็นเวลา 2-3 วัน ทีมงานของเราต้องเปลี่ยนใจอย่างสิ้นเชิง หน้าจอแอลอีดีของ MINI COUMTRYMAN (มีนี คันทรีแมน) รุ่นล่าสุดแบบทรงกลมซึ่งมีติดตั้งให้ใช้งานเป็นครั้งแรกในรถยนต์ที่ทำตลาดจริง มีการใช้งานที่สะดวกสบายลงตัวดีมาก รูปทรงของหน้าจอยังกลมกลืนกับการออกแบบห้องโดยสารโดยรวมที่เปี่ยมด้วยสไตล์เฉพาะตัว ฟังค์ชันการใช้งานต่างๆ ยังคงมีอยู่อย่างครบครันตามแบบฉบับรถยนต์ของ MINI บางคนอาจสงสัยว่ารถยนต์สไตล์เรทโรรุ่นนี้ยังจะสามารถรังสรรค์สิ่งใหม่ได้อีกหรือไม่ ? ประการแรกเลย คือ พวงมาลัยแบบ 3 ก้าน แม้อันที่จริงจะเป็นพวงมาลัยแบบ 2 ก้านก็ว่าได้ แต่ตรงกลางด้านล่างเป็นแถบผ้าเชื่อมระหว่างตรงกลางของพวงมาลัย และคอพวงมาลัย นอกจากนี้ ยังมีรูปแบบการส่องสว่างของไฟในห้องโดยสาร บริเวณคอนโซลหน้ามีการส่องสว่างที่แปลกตา มีสีสัน และรูปแบบที่หลากหลาย โดยไฟส่องสว่างดังกล่าวไม่ใช่หลอดไฟแบบแอลอีดีทั่วไป แต่เป็นการส่องสว่างผ่านพโรเจคเตอร์ขนาดเล็ก ซ่อนอยู่หลังจอแสดงผลทรงกลม
โดยรวมแล้ว รถยนต์สัญชาติอังกฤษดั้งเดิม กับการทำตลาดเป็นรุ่นที่ 3 ของ MINI COUNTRYMAN ยังคงมีจุดเด่นที่ความเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร รูปแบบโดยรวมที่เน้นความเรียบง่าย แต่ยังคงให้การขับขี่ที่ลงตัว อุปกรณ์ครบครัน และยังมีขนาดโดยรวมที่ใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้านี้
ย้อนกลับไปยัง MINI COUNTRYMAN รุ่นแรก เปิดตัวในปี 2010 จะพบว่ามีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับรุ่นล่าสุด หากพิจารณาความยาว และรูปทรงโดยรวมของรุ่นแรก พบว่าองค์ประกอบโดยรวมใกล้เคียงกับรถเอสยูวีระดับบี-เซกเมนท์ ขณะที่รุ่นปัจจุบันมีขนาดตัวถังใกล้เคียงกับรถยนต์ระดับซี-เซกเมนท์ด้วยซ้ำ (เห็นได้จากความยาวทั้งหมดของตัวรถที่ 4,440 มม.) และมีความเหมาะสมสำหรับการเป็นรถยนต์ใช้งานสำหรับครอบครัวอย่างแท้จริง ไม่ใช่รถยนต์เน้นสไตล์เท่านั้น แต่อาจจะต้องเป็นครอบครัวที่มีฐานะค่อนข้างดี เพราะยังคงมีข้อเท็จจริงที่ว่า ราคาของรถยนต์รุ่นนี้อยู่ในระดับ 40,000-50,000 ยูโร แต่หากพิจารณาคู่แข่งแล้ว เราพบว่าหลายยี่ห้อก็มีการเพิ่มราคาสูงขึ้นเช่นกัน และนี่คือราคาของเอสยูวีที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป (COUNTRYMAN ที่เราทดสอบใช้เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร แบบ 3 สูบเรียง) เพราะนอกจากนี้ยังมีทางเลือกกับรุ่นรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว (เปิดการจองล่วงหน้าแล้ว และมีกำหนดเปิดตัวเร็วๆ นี้) ซึ่งมีราคาที่สูงกว่ารุ่นเครื่องยนต์สันดาปพอสมควร
หากไม่นับราคาที่ค่อนข้างสูงของรถยนต์รุ่นนี้ สิ่งที่สร้างความพึงพอใจให้แก่ทีมงานของเรา คือ การออกแบบห้องโดยสารที่มีสไตล์ มีรูปแบบที่เรียบเนียนสบายตา การใช้งานต่างๆ จะต้องทำผ่านหน้าจอแอลอีดีทรงกลม ทำให้ปุ่มใช้งานแบบดั้งเดิมถูกลดจำนวนลงอย่างชัดเจน การใช้งานระบบความบันเทิง แม้จะต้องทำผ่านหน้าจอ แต่มีการออกแบบให้มีการใช้งานระบบสัมผัสที่ให้ความรู้สึกคุ้นเคยไม่เปลี่ยนแปลง ไม่เหมือนรถยนต์จากค่ายรถบางรายที่เน้นความล้ำสมัยเกินพอดี การใช้งานกับหน้าจอทรงกลมมีความเป็นธรรมชาติ ตอบสนองการสัมผัสได้อย่างฉับไว โดยเฉพาะการที่ใช้งานบางระบบที่ผู้โดยสารต้องกระทำเป็นประจำ เช่น การปรับอุณหภูมิของระบบปรับอากาศ รถยนต์คันนี้ต้องใช้งานผ่านหน้าจอหลักเช่นกัน แต่มีความสะดวกสบายมากกว่ารถยนต์รุ่นอื่นๆ นอกจากนี้ ระบบยังรองรับการสั่งงานด้วยเสียง ช่วยให้ผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนนข้างหน้า และไม่ต้องเอื้อมมือมาใช้งานผ่านหน้าจอบ่อยเกินไป
จุดเด่นของ MINI COUNTRYMAN รุ่นที่ 3 ยังมีอีกมากมายหลายประการ หนึ่งในนั้น คือ วัสดุผ้าที่ติดตั้งครอบคลุมทั่วพื้นที่ของคอนโซลหน้า รวมถึงแผงประตูด้านใน ทำให้บรรยากาศโดยรวมของห้องโดยสารมีชีวิตชีวาไม่น้อย การสัมผัสส่วนใช้งานต่างๆ มีการตอบสนองที่ดีมาก แม้วัสดุที่เลือกติดตั้งในหลายจุดของห้องโดยสารเป็นพลาสติคแข็งที่มองเห็นได้ชัดเจนรอบห้องโดยสารของรถยนต์รุ่นนี้ และสิ่งที่ยังคงทำได้ดีเสมอมา คือ การติดตั้งจุดวางของตามตำแหน่งต่างๆ ของห้องโดยสารอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นจุดวางของตรงกลางของเบาะคู่หน้า มีส่วนฐานรองที่ใช้วัสดุผ้าแบบเดียวกับบนคอนโซลหน้า และมีแถบผ้าสำหรับหยิบยกขึ้นมาได้สะดวก
การเป็นรถยนต์หรูที่มีสไตล์เฉพาะตัว ปรากฏให้เห็นรอบรถยนต์ของ MINI รุ่นนี้ รูปแบบการใช้งานที่คุ้นเคยกันดี นั่นคือ ปุ่มใช้งานสำหรับการสตาร์ทเครื่องยนต์บริเวณด้านล่างของหน้าจอหลัก ถูกแทนที่ด้วยปุ่มหมุนสำหรับสตาร์ทเครื่องยนต์ ส่วนถัดมาด้านข้างเป็นคันเกียร์ขนาดเล็ก พร้อมปุ่มใช้งานโหมดขับเคลื่อนต่างๆ มีชื่อเรียกว่าระบบ EXPERIENCES โดยมีโหมดให้เลือกทั้งหมด 7 รูปแบบ (รวมถึงหนึ่งโหมดสำหรับการปรับแต่งตามใจชอบ) สามารถปรับแต่งการทำงานได้หลากหลาย นอกจากนี้ ยังมีโหมดการปรับแต่งที่มีความละเอียดเกินคาด เช่น การปรับแต่งจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ รวมถึงการทำงานของเครื่องยนต์ และยังปรับให้การทำงานของไฟส่องสว่างของห้องโดยสาร และการแสดงผลของกราฟิคบนหน้าจอสัมพันธ์กับการทำงานของเครื่องยนต์ด้วย รวมทั้งหมดแล้วมีโหมดการขับขี่ถึง 8 รูปแบบก็ว่าได้ แต่เอาเข้าจริง ผู้ขับเน้นการใช้งานกับโหมดที่ทางค่ายรถปรับแต่งมาให้ สามารถครอบคลุมการใช้งานได้มากพออยู่แล้ว หรือเมื่อใดก็ตามที่ผู้ขับต้องการความเร้าใจคล้ายการขับขี่โกคาร์ท สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ตามต้องการทันใด
รุ่นใหม่ สะดวกสบายกว่าเดิม
ในแง่ความคล่องแคล่วของการขับขี่ ถือเป็นหนึ่งในจุดเด่นของ MINI เสมอมา เราย้อนอดีตไปยังช่วงเวลาที่ได้ทดสอบ COUNTRYMAN รุ่นแรก กับการบังคับเลี้ยวที่ตอบสนองได้อย่างแม่นยำ ไม่มีจุดบอดของพวงมาลัยแม้แต่น้อย การเข้าโค้งทำได้สนุกเร้าใจ สามารถควบคุมรถได้ไม่ยากเย็น มาถึงรุ่นปัจจุบัน การตอบสนองการหักเลี้ยวยังคงทำได้แม่นยำไม่เปลี่ยนแปลง แต่มีการปรับแต่งให้เหมาะสมกับบุคลิกโดยรวมของตัวรถ กับความสมดุลระหว่างน้ำหนักพวงมาลัยที่หนักแน่น และความฉับไวของการตอบสนอง ภายใต้ระบบรองรับที่มีความลงตัวไม่แพ้กัน ดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดีมาก เสริมด้วยวัสดุเก็บเสียงรบกวนจากภายนอก ช่วยให้ห้องโดยสารมีความสะดวกสบายยิ่งขึ้น แม้ขณะที่กำลังขับขี่แบบเน้นสมรรถนะ COUNTRYMAN รุ่นนี้ยังตอบสนองด้านความสะดวกสบายได้ดีมาก ภายใต้น้ำหนักโดยรวมที่มากกว่ารุ่นก่อนหน้านี้เล็กน้อย โดยรุ่นที่ทดสอบมีน้ำหนักกว่า 1,700 กก. เลยทีเดียว แต่ไม่ส่งผลต่อระดับความคล่องแคล่วของตัวรถแต่อย่างใด การทรงตัวทำได้ดี และมีความมั่นคงที่น่าพอใจมาก แม้ขณะที่กำลังหักเลี้ยวกะทันหันก็ตาม จากการทดสอบการหักเลี้ยว 2 ครั้งติดต่อกันในช่วงความเร็วสูง ตัวรถมีการยึดเกาะที่ยอดเยี่ยม ไม่เสียการทรงตัวแม้แต่น้อย
สำหรับคนที่มองหาพละกำลังที่มากกว่านี้ ยังมีทางเลือกเครื่องยนต์ที่เสริมกำลังด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (กำลังสูงสุดที่ 204 หรือ 313 แรงม้า) หรือรุ่น JOHN COOPER WORKS (จอห์น คูเพอร์ เวิร์คส์) กำลังสูงสุดระดับ 300 แรงม้า และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา ในส่วนของเครื่องยนต์สันดาปไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก โดยรุ่นที่นำมาทดสอบใช้เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 3 สูบเรียง ขนาด 1.5 ลิตร พัฒนาโดยค่ายรถ BMW (บีเอมดับเบิลยู) ถูกออกแบบให้ติดตั้งระบบไฮบริดขนาดเล็ก มอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 19 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 5.6 กก.-ม. เสริมกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ ทำหน้าที่สตาร์ทเครื่องยนต์ และส่งกำลังควบคู่กับเครื่องยนต์สันดาปในหลายจังหวะ แต่ไม่มีส่วนในการขับเคลื่อนแม้แต่น้อย แม้เป็นระยะทางสั้นๆ ก็ตาม ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจ หากพิจารณาพละกำลังของเครื่องยนต์สันดาปที่แทบไม่แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้านี้เลย ภายใต้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในตัวเมืองที่ 14.0 กม./ลิตร การขับทางไกลจะเป็น 17.0 กม./ลิตร แต่หากใช้ความเร็วสูงบนทางด่วน ตัวเลขจะเป็น 13.3 กม./ลิตร ถึงอย่างนั้นรถคันนี้สามารถแล่นได้ไกล จากความจุของถังเชื้อเพลิงที่ 50 ลิตร
รุ่น FAVOURED
ราคา
ของรถทดสอบ 40,690 ยูโร (ประมาณ 1,765,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้า)
เครื่องยนต์
เบนซิน เทอร์โบ 3 สูบเรียง+มอเตอร์ไฟฟ้า
1,499 ซีซี
กำลังสูงสุด 170 แรงม้า
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
จากผู้ผลิต 14.5 กม./ลิตร
จากการทดสอบ 14.5 กม./ลิตร
ความคุ้มค่าโดยรวม 12.29/100 กม.
อัตราการปล่อยไอเสีย
จากผู้ผลิต 155 กรัม/กม.
จุดแข็ง
ระบบความบันเทิงที่ทันสมัย มีฟังค์ชันการใช้งานมากมาย และใช้งานได้สะดวก ห้องโดยสารมีความกว้างขวาง ประโยชน์ใช้สอยจัดเต็ม และที่เก็บสัมภาระท้ายมีความจุเหลือเฟือ มากกว่ารุ่นก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน
จุดอ่อน
การขับขี่ในบางสภาวะ หากมีโหมดการเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเองมาให้จะดีมาก จากระบบเกียร์แบบอัตโนมัติ โดยโหมดดังกล่าวจะมีในรุ่น JOHN COOPER WORKS เท่านั้น ขณะเลี้ยว ในส่วนของเสา และกระจกมองข้างบดบังทัศนวิสัยเล็กน้อย
ห้องโดยสาร จุดเด่น คือ การใช้งานที่หลากหลาย
รถคันนี้ คือ MINI ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ตั้งแต่การเริ่มต้นยุคปัจจุบันของค่ายรถแห่งนี้ในปี 2010 นั่นคือ เป้าหมายของรถยนต์ที่ชื่อ COUNTRYMAN และเห็นเด่นชัดกับรุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัว กับมิติตัวถังที่มีขนาดใหญ่ขึ้นในแทบทุกสัดส่วน เพื่อจุดได้เปรียบในเรื่องของพื้นที่ของห้องโดยสารด้วย และเรายังพบว่าจุดได้เปรียบดังกล่าวยังเกิดขึ้นกับความจุที่เก็บสัมภาระท้ายด้วย โดยมีความจุเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้านี้ถึง 100 ลิตร ส่วนบริเวณผู้ขับ ยังคงมีการออกแบบที่คล้ายกับ COUNTRYMAN รุ่นก่อนหน้านี้ รหัส F60 ซึ่งเริ่มทำตลาดในปี 2017 สัดส่วนมิติตัวถังโดยรวมทั้งพื้นที่เหนือศีรษะ พื้นที่บริเวณช่วงศอก และพื้นที่ช่วงขาของผู้โดยสารเบาะแถวที่ 2 ยังใกล้เคียงกับรุ่นก่อนหน้านี้ แสดงให้เห็นถึงความกว้างขวาง และความสะดวกสบายของผู้โดยสารจำนวน 4 คน พื้นที่ของเบาะแถวที่ 2 มีความหลากหลายยิ่งขึ้น สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้มากมาย กับการพับเก็บได้แบบ 40:20:40 และสามารถเลื่อนหน้า/หลังได้สูงสุด 100 มม. และสามารถปรับเอนพนักพิงหลังแบบแยกกันได้ด้วย จุดที่น่าสนใจ คือ ความจุของสัมภาระถึง 421 ลิตร แม้จะเลื่อนเบาะแถวที่ 2 ถอยหลังจนสุดก็ตาม (และยังมีที่เก็บของใต้พื้นห้องโดยสารอีก 44 ลิตร) ระยะช่วงขาโดยเฉลี่ยที่ 240 มม. ดังนั้นหากเลื่อนเบาะแถวที่ 2 ไปข้างหน้าจนสุดจะมีระยะช่วงขาถึง 340 มม. เลยทีเดียว สุดท้ายแล้ว เบาะผู้ขับมีความสูงมากกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ที่ 10 มม. (ทำให้มีความสูงของช่วงเอวผู้ขับจากพื้นถนนที่ 280 มม.) และความสูงของตัวเบาะจากพื้นถนนเพิ่มขึ้นจาก 570 มม. เป็น 610 มม. ทำให้การขึ้น/ลงห้องโดยสารสะดวกขึ้นด้วย
ตัวเบาะที่กว้างขวาง และสะดวกสบาย
ภาพด้านบน: ส่วนที่เก็บของอยู่ตรงกลางระหว่างเบาะคู่หน้า ถูกหุ้มด้วยวัสดุผ้าเหมือนกับส่วนคอนโซลกลาง ส่วนถัดมาเป็นช่องแอร์ และช่องต่อ USB-C จำนวน 2 ตำแหน่ง ภาพด้านข้าง: ตรงกลางของเบาะแถวที่ 2 สามารถใช้งานเป็นพนักพิงแขน หรือที่วางขวดน้ำก็ได้
ส่วนคอนโซลหน้า
การออกแบบคอนโซลหน้ามีความเรียบหรู ลงตัว และการประกอบที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ เป็นผลดีจากการเลือกใช้วัสดุแบบผ้าชั้นดีในหลายส่วนของห้องโดยสาร
1. ปุ่มใช้งานระบบช่วยเหลือการขับขี่ระดับที่ 2
2. วัสดุผ้าคาดเชื่อมระหว่างด้านล่างของพวงมาลัย และตรงกลาง ดูคล้ายพวงมาลัย 3 ก้าน
3. ปุ่มใช้งานระบบสั่งงานด้วยเสียง และระบบเครื่องเสียง
4. ระบบแสดงผลสะท้อนผ่านกระจกหน้า
5. จอแสดงผลหลักของระบบความบันเทิง
6. แสงที่ส่องมาจากชุดพโรเจคเตอร์ที่ถูกติดตั้งหลังหน้าจอ
7. ปุ่มใช้งาน รวมถึงการใช้งานโหมดเกียร์ ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ และเปลี่ยนโหมดการขับขี่ ปุ่มลัดของการใช้งาน และปุ่มไฟฉุกเฉิน
8. แท่นชาร์จมือถือแบบไร้สาย (เช่นเดียวกับภาพด้านบนฝั่งขวา)
9. ที่เก็บของตรงกลางคอนโซล พร้อมที่วางแก้ว 2 จุด
10. ที่เก็บของตรงกลางผู้โดยสารด้านหน้า
ข้อมูลจำเพาะของรถทดสอบจากผู้ผลิต
เครื่องยนต์
- วางด้านหน้าตามขวาง
- เบนซิน เทอร์โบ 3 สูบเรียง ฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง อินเตอร์คูเลอร์
- กระบอกสูบ 94.6 มม.
- ช่วงชัก 82.0 มม.
- กำลังสูงสุด 156 แรงม้า ที่ 4,700-6,500 รตน.
- แรงบิดสูงสุด 24.5 กก.-ม. ที่ 1,500-4,400 รตน.
- เสื้อสูบ และฝาสูบ ใช้วัสดุโลหะน้ำหนักเบา เพลาปรับสมดุล 1 ชุด ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ วาวล์แปรผัน 2 ชุด วาล์วไอดีแปรผัน 4 วาล์วต่อลูกสูบ (สายพานโซ่)
- ชุดกรองไอเสีย
ระบบไฮบริด
- ระบบไฟฟ้าแบบ 48 โวลท์
มอเตอร์ไฟฟ้า
- กำลังสูงสุด 19 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 5.6 กก.ม.
- แบทเตอรี ลิเธียม-ไอออน
กำลังสูงสุดทั้งระบบ
- 170 แรงม้า
ระบบส่งกำลัง
- ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา
- เกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ
รูปแบบตัวถัง
- ตัวถังวัสดุโลหะ ทรง 1 กล่อง 5 ประตู 5 ที่นั่ง
- ระบบรองรับด้านหน้า แมคเฟอร์สัน สตรัท คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง
- ระบบรองรับด้านหลัง มัลทิลิงค์ คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง
- ชอคอัพแบบไฮดรอลิค
- ระบบเบรคแบบ จาน พร้อมช่องระบายความร้อน เอบีเอส และอีเอสพี
- พวงมาลัยฟันเฟือง และตัวหนอน ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า
- ความจุถังน้ำมัน 50 ลิตร
ยาง
- PIRELLI P-ZERO 245/40 R20 99Y
- พร้อมชุดปะยาง
มิติตัวถัง และน้ำหนัก
- ระยะฐานล้อ 2,690 มม.
- ความกว้างฐานล้อคู่หน้า/คู่หลัง ไม่ระบุ
- ความยาว 4,440 มม. กว้าง 1,840 มม. สูง 1,660 มม.
- น้ำหนักโดยรวม 1,545 กก. น้ำหนักบรรทุกสูงสุด ไม่ระบุ น้ำหนักลากจูงสูงสุด ไม่ระบุ
- ความจุที่เก็บสัมภาระ 450-1,450 ซีซี
สถานที่ผลิต
- เมืองไลป์ซิก (ประเทศเยอรมนี)
พัฒนาการที่ต่อเนื่อง
MINI COUNTRYMAN รุ่นล่าสุด มีความยาวเพิ่มขึ้นจากรุ่นแรกถึง 340 มม. เอสยูวี รุ่นนี้ถือเป็นรถยนต์แบบ 5 ประตูรุ่นแรกของ MINI ยุคปัจจุบัน แต่ความเป็นจริงแล้วชื่อ COUNTRYMAN เคยถูกใช้มาแล้วกับ AUSTIN MINI ที่ทำตลาดช่วงปี 1960
2010 (R60)
- ความยาว 4,100 มม.
- ความกว้าง 1,790 มม.
2017 (F60)
- ความยาว 4,300 มม.
- ความกว้าง 1,820 มม.
2023 (U25)
- ความยาว 4,440 มม.
- ความกว้าง 1,840 มม.