ระเบียงรถใหม่
Zeekr 9X ทำไมถึงขายดีในจีน มียอด Pre-Order กว่า 42,667 คัน ใน 1 ชม.
ZEEKR 9X สร้างปรากฏการณ์ยอดจองทะลุ 42,667 คัน ภายใน 1 ชั่วโมงแรก หลังจากที่ ZEEKR เริ่มเปิดให้ Pre-order รุ่น 9X อย่างเป็นทางการในงาน Chengdu Auto Show 2025Highlight
Zeekr 9X (ซีเคอร์ 9 เอกซ์) อัครยานยนต์เอสยูวี ผู้ท้าชิงบัลลังก์ใหม่จากแดนมังกร มียอดจองล่วงหน้า (Pre-order) ทะลุ 42,667 คัน ภายใน 1 ชั่วโมงแรก ณ เวทีมหกรรมยานยนต์ Chengdu Auto Show 2025 ที่ผ่านมา แสงสปอทไลท์ได้สาดส่องไปยังดาวเด่นดวงใหม่ที่กำลังจะมาปฏิวัติวงการเอสยูวีหรูระดับโลก นั่นคือ Zeekr 9X ยานยนต์ Plug-in Hybrid (PHEV) รุ่นแรกจากค่าย Zeekr ที่ไม่ได้มาเพียงเพื่อเปิดตัว แต่มาเพื่อประกาศสงครามกับเจ้าตลาดเดิมด้วยเทคโนโลยี ขุมพลัง และความหรูหราที่เหนือกว่าในทุกมิติ
แบรนด์ Zeekr ถือกำเนิดขึ้นในปี 2021 ในฐานะแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียม ภายใต้ปีกของมหาอำนาจยานยนต์อย่าง Geely Automobile (จีลี ออโทโมบิล) โดยมุ่งเน้นการสร้างสรรค์ยานยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV) ที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรม แต่ด้วยการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาด PHEV ในประเทศจีน Zeekr จึงได้ตัดสินใจขยายสมรภูมิรบ เปิดตัว Zeekr 9X ในฐานะ PHEV รุ่นแรกของแบรนด์ เพื่อท้าชนโดยตรงกับคู่แข่งระดับพระกาฬอย่าง Aito M9 (ไอโท เอม 9) และ Li Auto L9 (ลี ออโท แอล 9)
เบื้องหลังการรังสรรค์ Zeekr 9X คือ ทีมออกแบบระดับโลก นำโดย Stefan Sielaff หัวหน้าฝ่ายออกแบบของ Geely Group ผู้ซึ่งเคยฝากผลงานชิ้นเอกไว้กับแบรนด์อย่าง Audi (เอาดี) และ Bentley (เบนท์ลีย์) ปรัชญาการออกแบบจึงเป็นการผสมผสานความสง่างามเข้ากับความล้ำสมัยอย่างลงตัว
Zeekr 9X ถูกสร้างขึ้นบนพแลทฟอร์มเจเนอเรชันใหม่ล่าสุด SEA-S (Sustainable Experience Architecture-SUV) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่พัฒนาต่อยอดมาจากพแลทฟอร์ม SEA อันโด่งดังของ Geely ที่ใช้ร่วมกับแบรนด์ในเครืออย่าง Volvo (โวลโว), Polestar (โพลสตาร์) และ Lotus (โลทัส) ที่มีโครงสร้างแข็งแกร่ง สมดุล และรองรับเทคโนโลยีขั้นสูงได้อย่างสมบูรณ์แบบ ภาษาการออกแบบภายนอกสะท้อนความโอ่อ่า และทรงพลังในทุกมุมมอง
โดดเด่นด้วยฝากระโปรงหน้าขนาดใหญ่ 2.15 ตารางเมตร พร้อมกระจังหน้าโครเมียมชิ้นเดียวที่กว้างที่สุดในโลกถึง 1.2 เมตร ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก "รากฐานของพระราชวังหลวง" ชุดไฟหน้าแบบแยกส่วน "Vast Star Diamond Matrix" ประดับด้วยเหลี่ยมเพชรมากถึง 42,242 เหลี่ยม ด้านข้างมีเส้นสายที่ตรง และคมชัดสร้างบุคลิกที่สง่างาม ชวนให้นึกถึงเรือยอชท์สุดหรูที่กำลังล่องไปบนผืนน้ำ วงแหวนโครเมียมลากยาวจากเสา D ไปจนถึงด้านหน้า สร้างความต่อเนื่อง และหรูหรา ด้านหลังถูกออกแบบให้เรียบง่าย แต่แฝงไว้ด้วยความประณีต ไฟท้ายทรงเพรียวบางพาดผ่านตลอดความกว้างตัวรถ ช่วยเน้นย้ำถึงมิติที่กว้างขวางของยานยนต์คันนี้
เมื่อนำ Zeekr 9X มาวางเทียบกับคู่แข่งในตลาด ทั้งในระดับสากล และที่จำหน่ายในประเทศไทย จะเห็นได้ว่า Zeekr 9X มีมิติตัวถังยาว 5,239 มม. กว้าง 2,029 มม. สูง 1,819 มม. และระยะฐานล้อ 3,169 มม. ด้วยความยาวที่เกิน 5.2 เมตรนี้ ทำให้มันมีขนาดใหญ่กว่า BMW X7 (บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 7) (ยาวประมาณ 5,181 มม.) อย่างชัดเจน และมีขนาดใกล้เคียงจนอาจจะยาวกว่า Mercedes-Benz GLS (เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลเอส) (ยาวประมาณ 5,209 มม.) เล็กน้อย ความกว้าง และระยะฐานล้อที่มหาศาลของ Zeekr 9X บ่งบอกถึงพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางโอ่อ่า ซึ่งเป็นจุดขายสำคัญเพื่อท้าทายความสะดวกสบายของ 2 ยักษ์ใหญ่จากเยอรมนีโดยตรง และเมื่อเทียบกับ Li Auto L9 (ยาว 5,218 มม.) ซึ่งเป็นคู่แข่งสายตรงในจีน Zeekr 9X ก็ยังคงความได้เปรียบในด้านความยาวโดยรวมอยู่ดี
ภายในห้องโดยสาร คือ อาณาจักรแห่งความสะดวกสบาย และความล้ำสมัยในรูปแบบ 6 ที่นั่ง (2+2+2) คอนโซลกลางเป็นศูนย์รวมของเทคโนโลยีด้วยหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 16 นิ้ว จำนวน 2 จอ เสริมด้วยจอ Head-up Display (HUD) แสดงผลแบบ Augmented Reality ขนาด 47 นิ้ว และจอสำหรับผู้โดยสารตอนหลังขนาด 17 นิ้ว ความละเอียด 3K ที่ติดตั้งบนเพดาน ขุมพลังการประมวลผลมาจากชิพเซท Qualcomm Snapdragon 8295 ถึง 2 ตัว เพื่อให้ทุกการสั่งการลื่นไหลไม่มีสะดุด
Geely ประกาศยกระดับประสบการณ์ในห้องโดยสารของ Zeekr 9X รถเอมพีวีไฟฟ้าสุดหรูรุ่นเรือธงไปอีกขั้น ด้วยการติดตั้งระบบเครื่องเสียงระดับไฮเอนด์จาก Naim Audio แบรนด์ดังสัญชาติอังกฤษ ที่เคยเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ผลิตเครื่องเสียงคู่บุญให้แก่ซูเพอร์คาร์อย่าง Bentley มาอย่างยาวนาน "Naim Audio" ไม่ใช่แบรนด์เครื่องเสียงธรรมดาทั่วไป แต่เป็นแบรนด์ระดับตำนานที่เคยได้รับรางวัล Queen‘s Award อันทรงเกียรติของสหราชอาณาจักรถึง 3 ครั้ง และในวงการยานยนต์ Naim ได้สร้างชื่อเสียงจากการเป็นผู้พัฒนาระบบเสียงให้แก่รถยนต์ Bentley รุ่นยอดนิยม ไม่ว่าจะเป็น Flying Spur (ฟลายอิง สเปอร์), Continental GT (คอนทิเนนทัล จีที) และ Bentayga (เบนเทย์กา) ซึ่งมูลค่าของระบบเสียง Naim ในรุ่นทอพสุดของ Bentley อาจมีราคาสูงถึง 19,000 เหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 700,000 บาท)
เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงความเหนือระดับ ก่อนหน้านี้ Bentley เคยเปิดตัวระบบเสียงที่ล้ำที่สุดเท่าที่เคยมีมาอย่าง "Naim for Mulliner" สำหรับไฮเพอร์คาร์รุ่นพิเศษ Bentley Batur by Mulliner ซึ่งใช้เวลาพัฒนานานกว่า 10,000 ชั่วโมง โดยชุดเครื่องเสียงที่เป็นออพชันเสริมนี้มีราคาสูงถึง 25,000 ปอนด์ (หรือประมาณ 1.15 ล้านบาท) การที่ Zeekr สามารถดึง Naim มาพัฒนาระบบเสียงสำหรับ Zeekr 9X ได้นั้น ถือเป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการแข่งขันในตลาดรถหรู
โดยระบบเสียง Naim ใน Zeekr 9X มาพร้อมสเปคที่น่าทึ่งด้วยกำลังขับสูงสุด 3,868 วัตต์ ซึ่ง Zeekr อ้างว่าเป็น "สถิติโลกใหม่" สำหรับกำลังขับของระบบเสียงที่ติดตั้งในรถยนต์จากโรงงาน ชุดลำโพงประกอบด้วย ลำโพง 32 ตัว และตัวสั่นสะเทือน (Exciters) ที่เบาะนั่งอีก 8 ตัว เพื่อสร้างมิติเสียงที่สมจริง โดยมีแชนแนลอิสระมากถึง 40 แชนแนล การจัดวางลำโพง (Configuration) มาในรูปแบบ 9.2.4.8 ประกอบด้วย ลำโพงเซอร์ราวน์ด (Surround) 9 ตัว, ซับวูเฟอร์ (Subwoofer) 2 ตัว, ลำโพงเหนือศีรษะ (Overhead) 4 ช่อง, ลำโพงบริเวณพนักพิงศีรษะ (Headrest) 8 ช่อง ที่ให้รายละเอียดเสียงที่ครบถ้วนทุกมิติ ตั้งแต่เสียงเบสส์ทุ้มลึก ไปจนถึงเสียงแหลมที่ใสคมชัด
การติดตั้งระบบเสียงจาก Naim ด้วยสเปคระดับนี้ใน Zeekr 9X ถือเป็นการประกาศศักดาอย่างชัดเจนว่า Zeekr พร้อมที่จะมอบประสบการณ์ระดับ "ซูเพอร์ลักชัวรี" ให้แก่ผู้ใช้งาน และท้าชนกับแบรนด์รถยนต์หรูจากยุโรปได้อย่างสมศักดิ์ศรี
ขุมพลัง PHEV ที่นิยามคำว่า "ที่สุด" ขึ้นใหม่ หัวใจหลักของ Zeekr 9X คือ ระบบขับเคลื่อนที่ซับซ้อน และทรงพลัง โดยมีให้เลือกตามระดับการตกแต่ง 3 รุ่นย่อย
- รุ่น Max (ราคาเริ่มต้น 479,900 หยวน หรือประมาณ 2.45 ล้านบาท) เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ+มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กำลังรวม 885 แรงม้า แบทเตอรี 55 กิโลวัตต์ชั่วโมง วิ่งไฟฟ้าล้วนได้ 300 กม. (CLTC)
ระยะทางรวม 1,200 กม. (CLTC) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 3.9 วินาที
- รุ่น Ultra (ราคาเริ่มต้น 499,900 หยวน หรือประมาณ 2.55 ล้านบาท) สเปคพื้นฐานเหมือนรุ่น Max แต่เพิ่มออพชันความหรูหรา เช่น โต๊ะพับได้, ระบบนวด 22 จุด, ไฟหน้าอัจฉริยะ และสามารถเลือกอัพเกรดแบทเตอรีเป็น 70 กิโลวัตต์ชั่วโมง ได้
- รุ่น Hyper (ราคาเริ่มต้น 569,900 หยวน หรือประมาณ 2.91 ล้านบาท) เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ+มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว กำลังรวม 1,381 แรงม้า แบทเตอรี 70 กิโลวัตต์ชั่วโมง เป็นมาตรฐาน วิ่งไฟฟ้าล้วนได้ 355 กม. (CLTC) ระยะทางรวม 1,165 กม. (CLTC) อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 3.1 วินาที สิ่งที่น่าทึ่ง คือ เครื่องยนต์ 2.0T ที่ Zeekr พัฒนาขึ้นเองนั้นมีประสิทธิภาพเชิงความร้อน (Thermal Efficiency) สูงกว่า 46 % ซึ่งเป็นตัวเลขระดับแนวหน้าของโลก และใช้แบทเตอรี CATL 6C ที่รองรับการชาร์จความเร็วสูงเป็นพิเศษ
Zeekr 9X ติดตั้งแชสซีส์อัจฉริยะ "Haohan AI Digital Chassis" ช่วงล่างถุงลมแบบ Dual-Chamber สามารถปรับระดับความสูงได้มากถึง 110 มม. เพิ่มระยะห่างจากพื้นสูงสุดเป็น 288 มม. ชอคอับแม่เหล็กไฟฟ้า CCD ควบคุมการยุบตัว และคืนตัวได้อย่างอิสระ รวดเร็ว เพื่อความนุ่มนวล และเสถียรภาพสูงสุด เหล็กกันโคลงไฟฟ้า 48V Active Stabilizer เทคโนโลยีเดียวกับรถยนต์หรูราคาระดับสิบล้าน สามารถสร้างแรงต้านการบิดตัวได้มหาศาล ช่วยให้ตัวรถแทบไม่มีอาการโคลงขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง (Zero-Roll Performance) มาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ G-Pilot ในรุ่นทอพ (H9) ที่มีเซนเซอร์ LiDAR ถึง 5 ตัว และชิพประมวลผล Nvidia Drive Thor-U 2 ตัว (รวม 1,400 Tops) ซึ่ง Zeekr ยืนยันว่านี่คือระบบที่ "พร้อมสำหรับเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ Level 3"
Zeekr 9X สร้างปรากฏการณ์ด้วยยอดจองล่วงหน้า (Pre-order) ทะลุ 42,667 คัน ภายใน 1 ชั่วโมงแรก หลังจากที่ Zeekr เริ่มเปิดให้จอง (Pre-sale) รถยนต์รุ่น 9X อย่างเป็นทางการในงาน Chengdu Auto Show 2025 แสดงถึงความต้องการ และตอกย้ำถึงกระแสร้อนแรงจากผู้บริโภคในตลาดประเทศจีน
แล้วทำไมรถยนต์ราคาสูงเกือบ 3 ล้านบาท ถึงขายดีขนาดนี้ ? ความสำเร็จนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะโชคช่วย แต่มาจาก 3 ปัจจัยหลักที่ผสานกันอย่างลงตัว
1. "แรง" ปฏิเสธไม่ได้ว่า Zeekr 9X ไม่ใช่แค่รถหรู แต่คือ "ซูเพอร์เอสยูวี" ที่มาพร้อมขุมพลัง Plug-in Hybrid มหาศาล 1,381 แรงม้า ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.1 วินาที สมรรถนะระดับนี้ดึงดูดกลุ่มลูกค้าระดับบน ที่มองหาสิ่งที่เหนือกว่ารถยุโรปทั่วไป
2. เทคโนโลยีล้ำสมัย ในยุคที่เทคโนโลยี คือ ทุกสิ่ง Zeekr 9X จัดเต็มด้วยระบบขับขี่อัจฉริยะ G-Pilot H9 ที่พร้อมสำหรับระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 3 (L3) ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับนวัตกรรม และความสะดวกสบายสูงสุด
3. ศักดิ์ศรีของแบรนด์จีน (Made-in-China Pride) ทัศนคติของผู้บริโภคจีนเปลี่ยนไปแล้ว พวกเขาไม่ได้ยึดติดกับแบรนด์ยุโรปอีกต่อไป แต่หันมาสนับสนุนแบรนด์ระดับไฮเอนด์ของประเทศตัวเองที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีคุณภาพ, ดีไซจ์น และเทคโนโลยีที่ไม่เป็นรองใคร มีความเป็นไปได้สูงมากที่ Zeekr 9X จะถูกนำเข้ามาจำหน่ายในฐานะโมเดลเรือธง เพื่อสร้างภาพลักษณ์ และแข่งขันในตลาดเอสยูวีหรู แม้จะยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่คาดการณ์ว่าเราอาจจะได้เห็นการเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเร็วที่สุด คือ ช่วงปลายปี 2026 หรือต้นปี 2027 เพื่อต่อกรกับ BMW X7 และ Mercedes-Benz GLS ที่ครองตลาดนี้อยู่
Zeekr 9X ไม่ใช่แค่เอสยูวีพลังงานทางเลือกอีกหนึ่งรุ่น แต่คือคำประกาศจาก Zeekr และ Geely ว่าพวกเขาพร้อมแล้ว ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นแถวหน้าในเวทีระดับโลก ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงแต่ทัดเทียม แต่ยังอาจจะเหนือกว่าคู่แข่งในหลายๆ ด้าน
ABOUT THE AUTHOR

วิธวินท์ ไตรพิศ
ดูคุณพ่อจนขับรถได้ตั้งแต่ 8 ขวบ หลงใหลยานยนต์ จนได้วุฒิ Automotive Engineering ติดตัว ปัจจุบันเป็น บก.นักเขียน นักทดสอบรถ และ Instructor ที่พร้อมถ่ายทอดความรู้ แบบไม่มีกั๊ก !
ภาพโดย : CarNewsChina.com, Sina Auto (auto.sina.com.cn)คอลัมน์ Online : ระเบียงรถใหม่ (บก. ออนไลน์)
พิสูจน์อักษร โดย : ธนธรณ์ โอฬาริกสกุล