บทความ
เริ่มแล้ว ! ใบสั่งจราจรใหม่ 2568

มีผลบังคับใช้แล้ว ! ราชกิจจาฯ ประกาศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำหนด "ใบสั่งจราจร" รูปแบบใหม่ เพื่อให้เหมาะสม และสอดคล้องกับคำสั่งปรับเป็นพินัยHighlight
ใบสั่งจราจรรูปแบบใหม่ คำสั่งปรับเป็นพินัย มีผลบังคับใช้แล้ว !
ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ ประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง กำหนดแบบใบสั่งเจ้าพนักงานจราจร ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 4 สค. 68 เป็นต้นไป ประเทศไทยจะเริ่มใช้ "ใบสั่งจราจร" แบบใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการเปรียบเทียบปรับเป็นพินัย ที่ลดความเป็นอาญาในคดีจราจร และเปิดทางให้ประชาชนมีสิทธิ์มากขึ้นในการชำระค่าปรับ และอุทธรณ์ข้อกล่าวหา โดยกำหนดแบบใบสั่งเจ้าพนักงานจราจรไว้ 3 รูปแบบ ดังนี้
1. แบบใบสั่งเจ้าพนักงานจราจรให้แก่ผู้ขับขี่/มีชุดละ 4 แผ่น
- แผ่นที่ 1 เป็นสีขาว ใช้สำหรับให้กับผู้ขับขี่ติด ผูก หรือแสดงไว้ที่รถ
- แผ่นที่ 2 เป็นสีเหลือง ใช้สำหรับส่งให้หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ปรับเป็นพินัยคดีจราจรเพื่อทำการบันทึกข้อมูลใบสั่งในเครื่องคอมพิวเตอร์ของระบบสารสนเทศกลางที่เชื่อมโยงข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
- แผ่นที่ 3 เป็นสีชมพู ใช้สำหรับมอบให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้มีอำนาจปรับเป็นพินัย
- แผ่นที่ 4 เป็นสีฟ้า ใช้สำหรับเป็นสำเนาคู่ฉบับเก็บไว้เป็นหลักฐานสำหรับผู้ออกใบสั่ง
2. แบบส่งไปรษณีย์
สำหรับกรณีการตรวจจับโดยกล้องอัตโนมัติ ข้อมูลจะถูกพิมพ์ และจัดส่งทางไปรษณีย์ พร้อมสำเนาที่ถูกเก็บในระบบดิจิทอลเพื่อเป็นหลักฐาน
3. แบบอีเลคทรอนิคส์ (e-Ticket)
เป็นการออกใบสั่งผ่านอุปกรณ์อีเลคทรอนิคส์ของเจ้าหน้าที่ ใช้สำหรับแสดงไว้ที่รถในรูปแบบดิจิทอล มีรายละเอียดตามที่แนบท้าย ซึ่งข้อมูลจะถูกส่งเข้าระบบกลางแบบเรียลไทม์
การปรับรูปแบบใบสั่งครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับระบบจราจรในประเทศไทยให้ทันสมัยมากขึ้น เชื่อมต่อกับฐานข้อมูลกลาง และสอดคล้องกับหลักเกณฑ์การดำเนินคดีตามแนวทางการ “ปรับเป็นพินัย” ซึ่งจะช่วยให้กระบวนการดำเนินคดีมีความรวดเร็ว โปร่งใส และตรวจสอบได้
การปรับเป็นพินัย คือ มาตรการใหม่ที่ใช้สำหรับความผิดเล็กน้อยที่ไม่ร้ายแรง เช่น จอดรถในที่ห้ามจอด ขายของบนทางเท้า หรือไม่ติดป้ายทะเบียน เพื่อให้ผู้กระทำผิดไม่ต้องรับโทษทางอาญา
มาตรการดังกล่าวนำมาใช้แทนการ "ลงโทษอาญา" เพื่อมิให้ผู้กระทำความผิดมีประวัติอาชญากรรม และอาจถูกจำกัดเสรีภาพเหมือนกับผู้กระทำความผิดในคดีอาญาที่ต้อง "ถูกจำคุก หรือ กักขัง"
สรุปแล้ว คือ เปลี่ยนจาก "โทษอาญา" ในความผิดจราจรเล็กน้อย (เช่น จอดในที่ห้ามจอด) มาเป็น "ค่าปรับทางบริหาร" ที่จ่ายค่าปรับเเล้วจบ
ไม่ใช่โทษทางอาญา การปรับเป็นพินัย ไม่ถือเป็นความผิดทางอาญา ไม่มีการบันทึกลงในประวัติอาชญากรรม เน้นการจ่ายค่าปรับแทนการลงโทษหนัก มุ่งให้ผู้กระทำผิด ชำระค่าปรับตามกฎหมาย แทนการดำเนินคดี หรือโทษจำคุก ใช้กับความผิดเล็กน้อย ใช้กับความผิดที่ไม่ร้ายแรง กำหนดค่าปรับตามความเหมาะสม เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และสามารถชำระได้จริง ผู้ถูกสั่งปรับมีสิทธิ์อุทธรณ์คำสั่งหากไม่เห็นด้วย โดยต้องยื่นอุทธรณ์ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด