ธุรกิจ
ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์
Hyundai เปิดตัว Santa Fe ใหม่
Hyundai (ฮันเด) เปิดตัว Santa Fe (ซันตา เฟ) SUV จับกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ หวังกระตุ้นยอดขายครึ่งปีหลัง อัดแคมเปญ พร้อมราคาโดนใจ เตรียมเปิดตัวรุ่นใหม่อีกไม่น้อยกว่า 1 รุ่น คาดยอดขายปีนี้จะอยู่ที่ 3,200 คัน
เจ กิว จอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับ Hyundai การสร้างรถยนต์ไม่ใช่เพียงการผลิตพาหนะ แต่คือ การออกแบบสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการใช้ชีวิตบนโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดนิ่ง The All-New Santa Fe คือ ภาพสะท้อนของวิสัยทัศน์ระดับโลก ที่กล้าทลายกรอบเดิมๆ พร้อมยกระดับมาตรฐาน SUV สู่มิติใหม่ ทั้งด้านสมรรถนะการขับขี่ เทคโนโลยีเหนือชั้น และความยั่งยืนในระดับสากล
การออกแบบ The All-New Santa Fe เริ่มต้นจากฟังค์ชันภายในเพื่อสร้าง “พื้นที่การใช้ชีวิต” มากกว่าห้องโดยสาร โครงสร้างภายในถูกจัดวางอย่างมีชั้นเชิง ห้องโดยสาร 3 แถว 6 ที่นั่ง พร้อมเบาะแถว 2 แบบ Captain Seat เบาะผู้โดยสารแถว 2 แยกอิสระออกจากกัน พร้อมปรับไฟฟ้า และ One-Touch Relaxation Mode ที่ปรับเอนนอนได้เพียงสัมผัสเดียว ซึ่งเปรียบเสมือนเลาน์จ์ส่วนตัว ผสานกับหน้าจอคู่ Panoramic Curved Display 12.3+12.3 นิ้ว เชื่อมต่อกับ Ambient Light Colour Options มากถึง 64 สี ที่ช่วยสร้างบรรยากาศแบบหรูหรา ทันสมัยในทุกองศา
สำหรับดีไซจ์นตัวรถภายนอกถูกออกแบบให้สื่อสารถึงใน “ความเรียบหรูแต่ทรงพลัง” ผ่านเส้นสายทรงกล่องแบบ Boxy เน้นย้ำด้วยองค์ประกอบรูปตัว H ทั้งด้านหน้า และด้านท้าย ซึ่งไม่เพียงสร้างจุดเชื่อมโยงทางสายตา แต่ยังเป็นภาษาการออกแบบที่บ่งบอกถึงอัตลักษณ์ของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน ซุ้มล้อทรงเหลี่ยมที่แข็งแกร่ง เสริมภาพลักษณ์แบบ SUV พรีเมียม
แทอุค ชเว นักออกแบบอาวุโส Hyundai Motor กล่าวว่า ความสวยงามของ The All-New Santa Fe เริ่มต้นตั้งแต่การทำความความเข้าใจถึงความต้องการแฝงของผู้ใช้งาน เพื่อออกแบบคำตอบที่ลึกซึ้ง และมีความหมาย เหมือนงานสถาปัตยกรรมที่ไม่เพียงสร้างพื้นที่ แต่สร้างความรู้สึก เราฉีกกรอบกระบวนการออกแบบยานยนต์แบบเดิมๆ โดยเริ่มต้นจากส่วนประตูท้ายที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ Hyundai เคยทำมา เราเรียกว่าพื้นที่ Alpha Space ที่เชื่อมโยงระหว่างเมืองกับธรรมชาติ ความสะดวกสบายกับอิสรภาพ และฟังค์ชันกับความรู้สึก ที่มอบให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ที่สะดวกสบายยิ่งกว่าเดิม”
วัลลภ เฉลิมวงศาเวช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การเปิดตัว Hyundai Santa Fe ใหม่ ครั้งนี้ถือเป็นการพลิกกลยุทธ์การทำตลาดของ Hyundai โดยที่ผ่านมารถยนต์ Hyundai จะมีราคาค่อนข้างสูง แต่สำหรับรุ่นใหม่ บริษัทฯ ได้เสนอราคาพิเศษอย่างยิ่งโดยได้เปิดตัว 2 รุ่นย่อย ได้แก่ Exclusive ราคา 1.599 ล้านบาท และ Prestige ราคา 1.749 ล้านบาท มาพร้อม 3 เฉดสีภายนอกสุดพรีเมียม ได้แก่ Beach Sand, Pearl White และ Space Black เสริมความมั่นใจด้วยการรับประกันคุณภาพ 5 ปี หรือ 150,000 กม. และการรับประกันแบทเตอรีไฮบริด 8 ปี หรือ 160,000 กม. พร้อมดอกเบี้ยพิเศษช่วงเปิดตัว 1.99 % ดาวน์ 25 % ผ่อน 48 เดือน เมื่อออกรถภายใน 31 สิงหาคม 2568 ทั้งนี้คาดว่า Hyundai Santa Fe จะช่วยกระตุ้นตลาดในช่วงครึ่งปีหลังของ Hyundai ให้มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น
สำหรับ Hyundai Santa Fe จะสามารถส่งมอบรถแก่ลูกค้าได้แล้ว โดยรถลอทแรกนำเข้ามาแล้ว 120 คัน และจะมีเข้ามาอีกอย่างต่อเนื่อง คาดว่าครึ่งปีนี้จะมียอดขาย 800 คัน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่อีก 1 รุ่น โดยคาดว่ารุ่นใหม่จะช่วยกระตุ้นยอดขายของ Hyundai โดยปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าจะมียอดขายรวมอยู่ที่ 3,200 คัน
.......................................................................................................................
Jaecoo เปิดตัวพรีเซนเตอร์คนแรกของแบรนด์ พร้อมเผยราคาคาดการณ์ Jaecoo 5 EV
Omoda & Jaecoo (โอโมดา แอนด์ เจคู) ประกาศเปิดตัว “Mr. J” แต่งตั้ง มาริโอ เมาเร่อ เป็นพรีเซนเตอร์คนแรกของแบรนด์ Jaecoo ในประเทศไทย เพื่อสะท้อนถึงความเป็นเอกลักษณ์ และความทันสมัยของแบรนด์
การเลือก มาริโอ เมาเร่อ เป็นตัวแทนแบรนด์ครั้งนี้ สะท้อนถึงความลงตัวระหว่างบุคลิกภาพของพรีเซนเตอร์กับอัตลักษณ์ของ Jaecoo (เจคู) ทั้งในด้านความทันสมัย ความมีสไตล์ และจิตวิญญาณแห่งการผจญภัย ซึ่งตรงกับวิสัยทัศน์ของแบรนด์ที่มุ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ที่ชื่นชอบการผจญภัย
ฉี เจี๋ย ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “Jaecoo มุ่งมั่นที่จะนำเสนอประสบการณ์การขับขี่ที่แตกต่าง และไม่เหมือนใคร ด้วยการผสานเอกลักษณ์ของแบรนด์เข้ากับเทคโนโลยี เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย ที่ชื่นชอบการผจญภัย และการเดินทาง เราเชื่อว่า มาริโอ เมาเร่อ จะเป็นตัวแทนของแบรนด์ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ และเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้าของเรา”
ล่าสุด Jaecoo กำลังจะเปิดตัว Jaecoo 5 EV รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่มาพร้อมดีไซจ์นพรีเมียม พร้อมราคาคาดการณ์ไม่เกิน 69x,xxx บาท Jaecoo 5 EV มีขนาดตัวถังกว้าง 1,860 มม. ยาว 4,380 มม. สูง 1,650 มม. และมีระยะฐานล้อ 2,700 มม. เพื่อการควบคุมที่มั่นคง พร้อมระยะความสูงใต้ท้องรถ 174 มม. ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่บนทุกสภาพถนน นอกจากนี้ Jaecoo 5 EV ยังมีห้องเก็บสัมภาระขนาดใหญ่ตั้งแต่ 480-1,284 ลิตร เพื่อความยืดหยุ่นในการบรรทุก ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์อย่างลงตัว
ในงานแถลงข่าวครั้งนี้ ยังมีพิธีส่งมอบ Jaecoo 7 SHS ให้แก่ลูกค้ารายแรกอย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นการยืนยันความมุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์การขับขี่ให้แก่ผู้บริโภคชาวไทย
นอกจากนี้ ยังมี Jaecoo 6T รถทรงกล่อง (Boxy) ยอดฮิท ที่กำลังจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้ มาโชว์ตัวอีกด้วย
.......................................................................................................................
MG แนะนำ Maxus 9 Plus
บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิต และผู้จำหน่ายรถยนต์ MG (เอมจี) ในประเทศไทย สร้างความเคลื่อนไหวครั้งใหม่ในตลาดรถ E-MPV ด้วยการแนะนำ New MG Maxus 9 Plus (เอมจี แมกซัส 9 พลัส) ใหม่ รถ E-MPV ไฟฟ้า 100 % แบบ 7 ที่นั่ง โดยเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ทั้งภายนอก และภายใน ผสานเทคโนโลยีเข้ากับดีไซจ์นทันสมัย ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่มองหารถ E-MPV ที่ครบทั้งด้านสมรรถนะ ความปลอดภัย ความสะดวกสบาย ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายเพียง 1,799,000* บาท พร้อมทยอยส่งมอบให้แก่ลูกค้าภายในเดือนสิงหาคม 2568 เป็นต้นไป
พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า New MG Maxus 9 คือ รถพลังงานไฟฟ้า 100 % ที่เข้ามาพลิกโฉมตลาดรถยนต์เมืองไทย ในฐานะรถยนต์ไฟฟ้า E-MPV แบบ 7 ที่นั่ง รุ่นแรกของ MG ที่เข้ามาบุกเบิกตลาดรถยนต์ MPV ในประเทศไทย จนกลายเป็นหนึ่งในโมเดลยอดนิยม โดย MG เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนแนวทางการนำเสนอทางเลือกที่หลากหลายให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภค โดยเพิ่ม New MG Maxus 9 Plus ชูจุดเด่น “ความคุ้มค่า” ซึ่งได้มีการปรับรายละเอียดใหม่ทั้งภายนอกและภายใน พร้อมฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้มากยิ่งขึ้น อาทิ ม่านกันแดดด้านข้าง เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวภายในห้องโดยสาร ระบบเชื่อมต่อมัลทิมีเดีย Apple Car Play และ Android Auto แบบไร้สาย เบาะนั่งแบบ VIP หุ้มหนังสังเคราะห์ พร้อมลวดลายใหม่ หลังคา Sunroof สำหรับผู้โดยสารตอนหน้า และลำโพงจำนวน 8 ตำแหน่ง พร้อมทั้งยังปรับเปลี่ยนรูปแบบของโต๊ะพับสำหรับผู้โดยสารแถว 2 ให้มีความคล่องตัวในการใช้งานมากขึ้น
New MG Maxus 9 Plus มาพร้อมการเปลี่ยนแปลงดีไซจ์นภายนอกให้ล้ำสมัยยิ่งขึ้นด้วยระบบไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights) ที่พาดยาวเชื่อมไฟหน้าทั้ง 2 ข้างเข้าด้วยกัน ล้ออัลลอยดีไซจ์นใหม่ ขนาด 19 นิ้ว ที่มีเส้นสายก้านล้อแบบ Multi-Spoke เรียงกันช่วยเสริมภาพลักษณ์ความโฉบเฉี่ยว ขณะเดียวกันยังรองรับการใช้งานนอกสถานที่ด้วยฟังค์ชัน V2L (Vehicle to Load) ที่ให้กำลังสูงถึง 6.6 กิโลวัตต์ สามารถจ่ายไฟให้แก่อุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การแนะนำ New MG Maxus 9 Plus ยังคงจุดเด่นของโมเดลต้นแบบไว้อย่างครบถ้วน ทั้งระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ สมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ห้องโดยสารที่กว้างขวางเงียบสงบ และฟีเจอร์อำนวยความสะดวกที่ครอบคลุมทุกการใช้งาน
New MG Maxus 9 Plus มีสีตัวถังให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีขาวหลังคาดำ (Pearl White/Black Top) สีดำ (Black Knight) และสีเทาหลังคาดำ (Granite Grey/Black Top) จัดจำหน่ายในราคาพิเศษเพียง 1,799,000* บาท พร้อมข้อเสนอพิเศษ ดังนี้
• ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พรบ. 1 ปี
• รับประกันคุณภาพตัวรถ 5 ปี หรือ 160,000 กม. (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
• ฟรี MG Home Charger จำนวน 1 ชุด
• ฟรี ค่าติดตั้ง MG Home Charger
• รับประกันแบทเตอรีแรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อน ตลอดอายุการใช้งาน (Lifetime Warranty)
• ฟรี ชุดพรมปูพื้น
• ตั้งแต่ 9-31 กรกฎาคม 2568
*หมายเหตุ : ราคาดังกล่าวเป็นราคาคาดการณ์ เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
“การเปิดตัว New MG Maxus 9 Plus ถือเป็นการต่อยอดความสำเร็จในกลุ่มรถ E-MPV ที่โดดเด่นด้านความคุ้มค่า โดยมียอดส่งมอบสะสมแล้วกว่า 2,000 คัน ทั้งจากลูกค้ารายบุคคล และองค์กรชั้นนำ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการตอบรับที่ดีจากตลาดไทย และตอกย้ำจุดยืนของแบรนด์ที่มุ่งมั่นนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพ ในราคาที่เข้าถึงได้ เพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น รถรุ่นใหม่นี้ยังมีการปรับปรุงฟีเจอร์บางส่วนเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน ผมเชื่อมั่นว่า New MG Maxus 9 Plus จะเป็น "คำตอบที่ใช่" สำหรับผู้บริโภคที่มองหา E‑MPV ที่ให้ความคุ้มค่าอย่างแท้จริง”
.......................................................................................................................
GWM เตรียมเปิดตัว Tank 500 Diesel
GWM (Thailand) ยกระดับสู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกประเภทพลังงานที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก ด้วยแนวคิด “ครอบคลุมทุกการใช้งาน (All Scenarios) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกพลังงาน (All Powertrains) สู่การตอบสนองทุกกลุ่มผู้ใช้งานอย่างแท้จริง (All Users)” เตรียมสร้างปรากฏการณ์ใหม่ยกระดับตลาด PPV ในประเทศไทย เตรียมนำสุดยอดรถยนต์ระดับพรีเมียม New GWM Tank 500 Diesel (กเรท วอลล์ มอเตอร์ แทงค์ 500 ดีเซล) ใหม่ ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจเนอเรชันใหม่ ที่ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากผู้ใช้งานในประเทศไทย ฉีกกฏการขับขี่ และทุกความเชื่อเดิมๆ ของเครื่องยนต์ดีเซลในปัจจุบัน ด้วยการเป็น PPV เพียงหนึ่งเดียวในไทยจาก GWM ที่ผสานพลังดีเซลใหม่กับความหรูหรา สง่างาม สะดวกสบาย และอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย เพื่อมอบนิยามใหม่ของ PPV พรีเมียมอัจฉริยะในทุกมิติ สร้างมาตรฐานใหม่สู่การขับขี่ระดับพรีเมียมในทุกเส้นทางอย่างแท้จริง พร้อมเปิดตัวเป็น “ประเทศแรกในโลก” อย่างเป็นทางการ 24 กรกฎาคม 2568 นี้ รับชมการถ่ายทอดสดผ่านระบบออนไลน์พร้อมกันทั่วประเทศผ่านทาง Facebook, YouTube หรือ TikTok: GWM Thailand ตั้งแต่เวลา 16.30 น. เป็นต้นไป
นอกเหนือจากเทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีเซล 2.4T เจเนอเรชันใหม่ล่าสุด ที่ได้รับการพิสูจน์จากความสำเร็จของ GWM Tank 300 Diesel (กเรท วอลล์ มอเตอร์ แทงค์ 300 ดีเซล) ที่มอบสมรรถนะการขับขี่ที่เต็มประสิทธิภาพ ทรงพลัง แรง แต่เงียบกว่า นิ่งกว่า และนุ่มนวลกว่าแล้วนั้น New GWM Tank 500 Diesel ยังเตรียมยกระดับการเดินทางทั้ง 4 ด้านให้แก่ลูกค้าชาวไทย ได้แก่ 1) ความพรีเมียมตั้งแต่ภายนอกสู่ภายใน 2) ความสบายเหนือระดับ 3) เทคโนโลยีอัจฉริยะอันล้ำสมัย และ 4) ความปลอดภัยที่อัดแน่นสร้างความมั่นใจให้ในทุกเส้นทาง เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การเดินทาง ทั้งเพื่อธุรกิจ การเดินทางกับครอบครัว หรือทริพผจญภัย โดย New GWM Tank 500 Diesel คือ นิยามมาตรฐานใหม่ของรถ PPV 7 ที่นั่ง ระดับโลกอย่างแท้จริง
New GWM Tank 500 Diesel ให้พละกำลังสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิด 480 นิวทันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ มอบการขับขี่ที่ลื่นไหล คล่องตัว โดดเด่นด้วยดีไซจ์นภายนอก-ภายในระดับพรีเมียม ห้องโดยสารตกแต่งด้วยเบาะหนัง Nappa และไฟ Ambient Light เพิ่มบรรยากาศพรีเมียมทุกมิติ มาพร้อมหน้าจอสัมผัสกลางขนาด12.3 และ 14.6 นิ้ว รองรับ Smart Dual Screen Interaction เพื่อประสบการณ์ใช้งานที่เชื่อมโยงอย่างลงตัว รวมถึงกล้องแสดงภาพรอบคัน 540 องศา (กล้อง 360 องศาพร้อมระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ) เสริมด้วยฟังค์ชันระดับวีไอพี เช่น Welcome Seat พร้อมระบบนวด, ระบบเสียงรอบทิศจากลำโพง 12 ตำแหน่ง, พื้นที่เก็บสัมภาระจุใจ 795 ลิตร และระบบกรองอากาศ N95 รวมถึงเทคโนโลยีความปลอดภัยระดับ L2+ ที่อัดแน่น และโครงสร้างตัวถังแบบ Cage-Type ที่แข็งแกร่ง ทนทานต่อการชน และแรงกระแทก พร้อมรับทุกความท้าทายในการเดินทางอย่างมั่นใจ มาพร้อมระบบขับเคลื่อนทั้ง 2WD และ 4WD พร้อมโหมดการขับขี่สูงสุดถึง 8 รูปแบบ (ในรุ่น 2.4T Ultra 4WD) โดยมีให้เลือก 3 รุ่นย่อย ได้แก่ 2.4T Pro, 2.4T Ultra และ 2.4T Ultra 4WD* เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้งาน โดยเฉพาะรุ่น Ultra และ Ultra 4WD ที่มาพร้อมสีตกแต่งพิเศษ “Black Warrior” ถ่ายทอดอารมณ์เข้มดุดัน และทรงพลังได้อย่างมีเอกลักษณ์ (*ผลิตภัณฑ์แต่ละรุ่นมีข้อมูล และอุปกรณ์ที่แตกต่างกัน โปรดศึกษารายละเอียดของแต่ละรุ่นย่อยเพิ่มเติม)
เตรียมนับถอยหลังไปด้วยกัน กับการเปิดตัว และประกาศราคาอย่างเป็นทางการของ New GWM Tank 500 Diesel ยนตรกรรม PPV พรีเมียมอัจฉริยะ ที่พร้อมจะปลดลอคทุกข้อจำกัด และเขียนนิยามบทใหม่ให้แก่ตลาดรถยนต์ PPV เมืองไทย ในวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 นี้ !
.......................................................................................................................
UD Trucks ฉลอง 90 ปี
ยูดี ทรัคส์ คอร์ปอเรชัน (ประเทศไทย)ฯ ฉลอง ครบรอบ 90 ปี พร้อมประกาศวิสัยทัศน์ "Better Life" มุ่งมั่นพัฒนาเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้คน และสิ่งแวดล้อม ผ่านโซลูชันภายใต้แนวคิด การขนส่งที่ยั่งยืน โดยมุ่งมั่นพัฒนาเน้นกลยุทธ์หลักด้านผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม บริการหลังการขายที่แข็งแกร่ง การขยายเครือข่าย และการสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
วิลาวัลย์ วิศปาแพ้ว กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูดี ทรัคส์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เมื่อปี 2478 UD Trucks (ยูดี ทรัคส์) เริ่มก่อตั้งในประเทศญี่ปุ่น โดยดำเนินธุรกิจเพื่อการขนส่งมาจนครบรอบ 90 ปีในวันนี้ และเติบโตจนมีฐานการดำเนินธุรกิจกว่า 59 ประเทศทั่วโลก ด้วยนโยบายหลักขององค์กรที่เน้นวิสัยทัศน์ “Better Life” โดยมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้คน และสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด “โซลูชันการขนส่งที่ยั่งยืน” ทำให้บริษัทเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมที่สำคัญอาทิ การพัฒนาเครื่องยนต์ UD อันโด่งดัง การเปิดตัวเกียร์อัตโนมัติ Escot และที่สำคัญ คือ การเป็นบริษัทแรกของโลกที่ติดตั้งระบบบำบัดไอเสีย SCR (Selective Catalytic Reduction) ในรถบรรทุก ตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของมาตรฐาน Euro5 ด้านสิ่งแวดล้อม
ชูแนวคิด "Better Life" เพื่อคน เพื่อโลก เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
UD Trucks ทั่วโลก พร้อมใจประกาศเจตนารมณ์ในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนด้วยแนวคิด “Better Life” ครอบคลุม 3 แกนหลัก ได้แก่
1. Better for Growth: ระบบเทคโนโลยีในฟีเจอร์รถบรรทุก และงานบริการ เช่นระบบ UD Connected และ Volvo I-See และอื่นๆ พร้อมแผนเพิ่มพันธมิตรขยายศูนย์บริการเสริมแกร่งด้านบริการ ดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด
2. Better for the Planet: ส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ผ่านมาตรฐาน Euro5 ทั้งแบรนด์ UD และ Volvo (โวลโว) พร้อมใช้พลังงานสะอาด และยังคงเดินหน้าทดสอบรถพลังงานทางเลือกที่ ยูดี ทรัคส์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น
3. Better for People: จัดกิจกรรม CSR อย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการให้ความรู้เรื่องความปลอดภัยในการใช้ถนนร่วมกับรถบรรทุก และโครงการตรวจสุขภาพสายตาสำหรับพนักงานขับรถ และอื่นๆ
วิลาวัลย์ กล่าวว่า ปี 2567ประเทศไทยเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยทางเศรษฐกิจโลก และภายในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการชะลอตัวของ GDP ส่งผลให้ตลาดรวมรถบรรทุกในประเทศไทยหดตัวลงกว่า 30 % มียอดขายรวม 11,658 คัน แต่ UD Trucks ยังคงรักษาส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มตลาดรถบรรทุกขนาดใหญ่ ได้ถึง 9 % และเมื่อรวมกับ Volvo Trucks อีก 1 % ทำให้บริษัทสามารถครอง Market Share รวมถึง 10 % ของตลาด ส่วนปีนี้คาดว่าตลาดจะหดจฃตัวลงอีก 10 % โดยบริษัทตั้งเป้ามีส่วนแบ่งการตลาดเท่ากับปีที่แล้ว
นอกจากนี้ ปีที่ผ่านมา UD Trucks เป็นแบรนด์รถบรรทุกแบรนด์แรกในไทยที่พร้อมเปิดตัว Euro5 ที่มาพร้อมด้วยระบบเทคโนโลยีบำบัดไอเสีย SCR ในทุกรุ่นรถเพื่อให้ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า รวมทั้งยังสามารถส่งมอบรถฟลีทใหญ่ให้แก่ลูกค้ารายสำคัญระดับประเทศ และขยายเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายเพิ่มอีก 3 แห่ง เป็น 25 สาขาทั่วประเทศ นอกจากนี้ เราปรับตัวอย่างหนัก เพื่อรองรับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ด้วยการเปิดตัวโปรโมชันไฟแนนศ์เจ้าแรกในอุตสาหกรรมรถบรรทุกไทย ที่สามารถผ่อนได้ยาวนานถึง 96 เดือน
วิลาวัลย์ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับผลประกอบการด้านงานบริการ และอะไหล่เติบโตถึง 5 % และสัญญาบริการเติบโต 7 % และเพิ่มสัญญาในการใช้ระบบ Telematics อีก 15 % ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากความมั่นใจในตัว แบรนด์สินค้า และการบริการที่เพิ่มขึ้น เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถติดตาม และจัดการการทำงานของรถบรรทุกได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับผลสำรวจภายในที่พบว่า คะแนนของแบรนด์ UD Trucks และ Volvo Trucks ดีขึ้นในปีที่ผ่านมาเช่นกัน
ยูดี ทรัคส์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย)ฯ หวังก้าวสู่ผู้นำด้านความยั่งยืนในตลาดรถบรรทุกของไทย โดยจะมุ่งเน้นการตั้งเป้าเติบโตทั้งยอดขายรถใหม่ และบริการหลังการขาย ด้วยการขยายเครือข่ายดีเลอร์ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ภายใต้แนวนโยบายการขยายเครือข่ายดีเลอร์ของ UD Trucks โดย UD Trucks เปิดกว้างกับนักลงทุนที่สนใจร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ UD Trucks เปิดศูนย์บริการ โดยมีพื้นที่เป้าหมายสำหรับดีเลอร์ใหม่ในเขตจังหวัดลพบุรี กำแพงเพชร ราชบุรี เพชรบุรี บุรีรัมย์ มหาสารคาม และเลย ทั้งนี้เพื่อยกระดับความพึงพอใจของลูกค้า สร้างภาพลักษณ์แบรนด์ให้แข็งแกร่งขึ้น
“แม้ว่าตลาดจะเผชิญกับความท้าทายมากมาย แต่เราเชื่อมั่นว่าด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และการบริการที่ครอบคลุม เรามุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งต่อองค์กร ลูกค้า และสังคม ด้วยพันธกิจ Better Life ที่เรายึดมั่น เราเชื่อว่าการขนส่งที่ยั่งยืน คือ กุญแจสำคัญของอนาคต และเราพร้อมเดินหน้าไปกับลูกค้า เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อประเทศไทยและภูมิภาค”
.......................................................................................................................
Yamaha แนะนำ TMAX 2025
5 ทริค ดูแลรถ เมื่อต้องจอดทิ้งไว้นานๆ
รถยนต์ที่เคยใช้อยู่เป็นประจำ หากคุณมีความจำเป็นต้องจอดทิ้งไว้เป็นเวลาหลายสัปดาห์ หรืออาจนานนับเดือน การดูแลรักษารถยนต์เมื่อต้องจอดทิ้งไว้นานๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญ วันนี้เรามีวิธีแนะนำสำหรับการจอดรถนานมาฝาก
1. เติมลมยางมากกว่าปกติ
ต้องเติมลมยางให้แข็งกว่าปกติประมาณ 5-10 ปอนด์ เพื่อให้มีลมมากพอที่จะรักษารูปทรงของโครงยางให้เป็นปกติ และทำให้ยางรถสามารถรับน้ำหนักที่กดทับลงมาเป็นเวลานานได้ ซึ่งหากเติมลมตามปกติแล้วจอดทิ้งไว้นานๆ เมื่อลมยางอ่อนจะทำให้น้ำหนักของรถกดทับยางจนเสียรูป และเสื่อมสภาพในที่สุด
![]()
2. เติมน้ำมันให้เต็มถัง
การเติมน้ำมันให้เต็มถังสามารถป้องกันความชื้นที่จะกลั่นตัวเป็นหยดน้ำได้ และช่วยป้องกันการเกิดสนิมภายในถังน้ำมัน สำหรับกรณีถังเป็นโลหะ อีกทั้งต้องหมั่นตรวจเชคของเหลวต่างๆ ภายในรถว่ามีคุณภาพดีอยู่หรือไม่ โดยเฉพาะการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องใหม่ ก็จะช่วยรักษาสภาพเครื่องยนต์ได้ เนื่องจากน้ำมันเครื่องที่ใช้แล้วมักมีสิ่งปนเปื้อน และมีสภาพเป็นกรด ซึ่งอาจทำร้ายชิ้นส่วนของเครื่องยนต์
3. เอาเบรคมือลงระหว่างที่จอด
เมื่อต้องจอดรถนานๆ การไม่ดึงเบรคมือนั้นดีที่สุด เพราะการดึงเบรคมือทิ้งไว้เป็นเวลานาน จะทำให้เบรคติด และอาจเจอปัญหาขยับรถไม่ได้เมื่อต้องการเคลื่อนรถ หากไม่ต้องการให้รถไหล ลองใช้บลอคไม้ หรือวัสดุอื่นที่ไม่ทำความเสียหายให้แก่ยางรถยนต์ วางไว้ที่ล้อแทนการดึงเบรคมือ และหมั่นเปิดประตู หรือกระจกเพื่อระบายอากาศบ้างในบางเวลา
4. ล้างรถ เคลือบสี แล้วคลุมผ้า
ใช้ผ้าสะอาดเนื้อนุ่มล้างเอาคราบสกปรกที่ติดแน่น และทำร้ายพื้นผิวรถยนต์ออก โดยเลือกน้ำสบู่ หรือน้ำยาล้างรถให้เหมาะสม เมื่อล้างรถจนสะอาด และเช็ดพอหมาด ให้ใช้น้ำยาเคลือบสีรถเทใส่ผ้านุ่มๆ แล้วเช็ดวนเป็นก้นหอยให้ทั่วรถ ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วเช็ดออก จากนั้นให้คลุมรถด้วยผ้าคลุมที่มีคุณภาพ ระบายความร้อน และความชื้นได้ดี ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้พื้นผิวรถมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น
5. สตาร์ทรถสัปดาห์ละครั้ง
หมั่นสตาร์ทเครื่องยนต์อาทิตย์ละครั้ง โดยให้สตาร์ททิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที เพื่อชาร์จไฟ และป้องกันไม่ให้แบทเตอรี รวมถึงระบบต่างๆ ของรถยนต์เสื่อมสภาพ อีกวิธี คือ การต่อเครื่องชาร์จไฟอัตโนมัติ ที่จะทำให้แบทเตอรีได้มีการชาร์จไฟอยู่เป็นระยะๆ ซึ่งก็เป็นการดูแลรักษาแบทเตอรีให้ใช้งานได้คงทน และยาวนาน
จอดรถนานเกิน 1 เดือน ต้องถอดขั้วแบทเตอรีออก
การที่เราจอดรถทิ้งไว้นานเป็นเดือน ประจุไฟฟ้าในแบทเตอรี จะลดลงวันละเกือบ 1 % และในบางจุดอาจเกิดกระแสไฟฟ้ารั่วได้ ถ้าต้องการรักษาแบทเตอรีที่ไม่ได้ใช้เป็นเวลานาน (เกิน 1 เดือนขึ้นไป) ให้ยังมีประจุไฟเหลืออยู่ ต้องปลดสายไฟออกจากขั้วทั้ง 2 ทั้งบวก และลบ แล้วเช็ดส่วนบนของแบทเตอรี และโคนขั้วให้สะอาด เพื่อป้องกันกระแสไฟรั่วผ่านความชื้นของเปลือกแบทเตอรี
.......................................................................................................................
Geely มอบส่วนลด 100,000 บาท
บริษัท ธนบุรีนอยสเติร์น จำกัด ผู้นำเข้า และผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ Geely (จีลี) อย่างเป็นทางการในประเทศไทย มอบข้อเสนอพิเศษแห่งปีกับแคมเปญ “The Ultimate Deal” สำหรับ Geely EX5 (จีลี อีเอกซ์ 5) รถอเนกประสงค์พลังงานไฟฟ้า 100 % ที่มาพร้อมกับความคุ้มค่า เกินราคาในแบบที่คุณคาดไม่ถึง การันตีคุณภาพระดับโลกด้วยรางวัลชนะเลิศด้านการออกแบบจาก Red Dot Design Award 2025 พร้อมคะแนนความปลอดภัยระดับ 5 ดาว จากทั้ง Euro NCAP (European New Car Assessment Programme) และ ANCAP (Australasian New Car Assessment Program) ตอกย้ำมาตรฐานยานยนต์ระดับโลก พร้อมความมุ่งมั่นของ Geely ในการพัฒนาเทคโนโลยี และการผลิตรถยนต์ที่ดีที่สุด ปลอดภัยที่สุด และทันสมัยที่สุด เพื่อส่งมอบยานยนต์คุณภาพ และความคุ้มค่าสูงสุดให้แก่ลูกค้าทั่วโลก
ทั้งนี้ข้อเสนอพิเศษแห่งปี “The Ultimate Deal” ขอมอบส่วนลดสูงสุดให้แก่ลูกค้ามูลค่า 100,000 บาท หรือเลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 0 % ผ่อนนาน 60 เดือน เมื่อซื้อ Geely EX5 ทั้ง 2 รุ่น จากราคาจำหน่ายปกติ ตั้งแต่วันนี้-31 กรกฎาคม 2568
- รุ่น Max ราคาพิเศษ 899,000 บาท (ราคาปกติ 989,000 บาท)
- รุ่น Pro ราคาพิเศษ 799,000 บาท (ราคาปกติ 899,000 บาท)
- หรือเลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 0 % ผ่อนนาน 60 เดือน จากราคาจำหน่ายปกติทั้ง 2 รุ่น
พร้อมกันนี้ข้อเสนอสุดพิเศษแห่งปี “The Ultimate Deal” ยังมอบความคุ้มค่าแบบจัดเต็ม ด้วยสิทธิพิเศษเพิ่มเติม ดังนี้
- ฟรี ประกันภัยชั้น 1 และ พรบ. นาน 1 ปี
- ฟรี รับประกันแบทเตอรี 8 ปี หรือ 180,000 กม.
- ฟรี รับประกันคุณภาพตัวรถ 6 ปี หรือ 160,000 กม.
- ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. นานสูงสุด 8 ปี
- ฟรี ฟีล์มกรองแสง Solar Gard Premium มูลค่า 22,000 บาท (เฉพาะรุ่น Max)
- ฟรี ส่วนลดพิเศษมูลค่า 25,000 บาท เมื่อซื้อ Home Charger พร้อม Portable Charger ที่โชว์รูม Geely ทุกสาขา
Geely EX5 โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี GEA (Global Intelligent Electric Architecture) พื้นฐานพแลทฟอร์มเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของ Geely ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า มีความแข็งแกร่งด้านโครงสร้างที่ผสานกับเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าขั้นสูง CTB (Cell-to-Body Integration Technology) เทคโนโลยีการติดตั้งแบทเตอรีเข้ากับพแลทฟอร์มโครงสร้างรถยนต์ เพื่อเพิ่มความปลอดภัย Short Blade Battery เทคโนโลยีแบทเตอรี LFP (Lithium Iron Phosphate) รุ่นใหม่ล่าสุดที่มีขนาดเล็ก แต่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพด้านระยะทางการขับขี่ มั่นใจยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีระบบความปลอดภัย ADAS L2 (Advanced Driver Assistance System-Level 2) ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่กึ่งอัตโนมัติที่ล้ำสมัย ครบครันด้วยฟังค์ชันความปลอดภัยรอบคัน 16 รายการ พร้อมกล้องมองภาพ 360 องศา ช่วยเพิ่มความมั่นใจ และลดภาระผู้ขับขี่ในทุกสถานการณ์ เร้าใจยิ่งขึ้นด้วยระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ 11-in-1 Intelligent Electric Drive ที่ผสานทุกเทคโนโลยีระบบการขับขี่เข้าไว้ด้วยกันสนุกทุกการขับขี่ด้วยระบบเอนเตอร์เทนเมนท์ FLYME Auto ที่สามารถเชื่อมต่อ และสั่งการด้วยเสียง พร้อมระบบเครื่องเสียงคุณภาพเยี่ยม FLYME Sound ที่ให้ครบทุกอรรถรส และมิติเสียง มาพร้อมกับชุดลำโพงระดับพรีเมียม 16 ตำแหน่ง ครบครันทุกรายละเอียดพร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่
พร้อมกันนี้ บริษัท ธนบุรีนอยสเติร์น จำกัด ยังเสริมความมั่นใจให้แก่ลูกค้าด้วยการขยายโชว์รูม และบริการหลังการขายให้ครอบคลุมพื้นที่ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องโดยปัจจุบันมีโชว์รูม และศูนย์บริการที่พร้อมเปิดให้บริการในเดือนกรกฎาคม 2568 กว่า 15 แห่งในหลายพื้นที่ ได้แก่ เชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ ขอนแก่น อุดรธานี พระนครศรีอยุธยา ระยอง บางบัวทอง มีนบุรี พัฒนาการ พระราม 3 เชียงรายดอนเมือง ตลิ่งชัน และสระบุรี โดยภายในปี 2568 ยังตั้งเป้าเปิดตัวโชว์รูม และศูนย์บริการเพิ่มเติมครบ 30 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้ลูกค้าได้มั่นใจทั้งในด้านการให้บริการการซ่อมบำรุง การตรวจเชคตามระยะ ความพร้อมของอะไหล่ ตลอดจนทีมงานผู้เชี่ยวชาญ และอุปกรณ์พิเศษตามมาตรฐานของ Geely ที่ทันสมัย เพื่อดูแลคุณภาพรถอเนกประสงค์พลังงานไฟฟ้า Geely EX5 ให้ดีที่สุดตั้งแต่วันส่งมอบจนถึงตลอดอายุการใช้งาน
