ธุรกิจ
ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์
Toyota เผยยอดขายเดือน กพ. ลดลง 6.7 %
Toyota (โตโยตา) เผยตลาดรถยนต์เดือนกุมภาพันธ์ มียอดขาย 49,313 คัน ลดลง 6.7 % ตลาดรถเดือนมีนาคม มีแนวโน้มทรงตัว มีลุ้นตลาดรถกระบะ
ศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เผยว่า ตลาดรถยนต์เดือนกุมภาพันธ์ 2568 มียอดขาย 49,313 คัน ลดลง 6.7 % เมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ของปีที่ผ่านมา กลุ่มตลาดรถยนต์นั่งลดลงที่ 4.7 % ด้วยยอดขาย 18,937 คัน ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ลดลงเช่นกันที่ 7.9 % ด้วยยอดขาย 30,376 คัน และตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ลดลง ด้วยยอดขาย 16,144 คัน ลดลง 14.3 % ในส่วนของตลาด xEV มียอดขายทั้งหมด 20,850 คัน คิดเป็นสัดส่วน 42.3 % ของตลาดรถยนต์ทั้งหมด หากเทียบกับยอดขายรวมระหว่างเดือนมกราคม และกุมภาพันธ์ของปีที่แล้ว ยอดขายรถ HEV ลดลง 2 % ด้วยยอดขาย 22,913 คัน เช่นเดียวกับรถ BEV ที่ลดลง 2 % ด้วยยอดขาย 15,172 คัน
ส่วนตลาดรถยนต์เดือนมีนาคม มีแนวโน้มทรงตัว ซึ่งเป็นผลมาจากสภาวะเศรษฐกิจโดยรวม อย่างไรก็ตาม ตลาดรถกระบะปีนี้มีลุ้นปรับตัวดีขึ้น ด้วยมาตรการใหม่ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” โดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ภายใต้โครงการค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อ “บสย. SMEs PICK-UP” ที่จะเปิดรับคำขอค้ำประกันตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้ รวมถึงค่ายรถยนต์ที่ออกเงื่อนไข และข้อเสนอพิเศษมารองรับการใช้งานของลูกค้าในกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย และ SMEs อาจช่วยผลักดันให้เกิดการใช้จ่ายลงทุนในยานพาหนะ เพื่อนำไปใช้ในธุรกิจมากขึ้น นอกจากนี้ รถยนต์รุ่นใหม่ โปรโมชันการขาย และแพคเกจที่น่าสนใจจากหลากหลายค่ายรถยนต์ ที่ถูกนำเสนอในงานบางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ในวันที่ 26 มีนาคม-6 เมษายนนี้ อาจเป็นปัจจัยบวกในการช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคได้อีกด้วย
ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนกุมภาพันธ์ 2568
1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 49,313 คัน ลดลง 6.7 %
อันดับที่ 1 Toyota 18,729 คัน ลดลง 4.9 % ส่วนแบ่งตลาด 38 %
อันดับที่ 2 Isuzu 6,832 คัน ลดลง 10.7 % ส่วนแบ่งตลาด 13.9 %
อันดับที่ 3 Honda 6,398 คัน ลดลง 25.5 % ส่วนแบ่งตลาด 13 %
2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 18,937 คัน ลดลง 4.7 %
อันดับที่ 1 Toyota 6,622 คัน เพิ่มขึ้น 35.7 % ส่วนแบ่งตลาด 35 %
อันดับที่ 2 Honda 3,066 คัน ลดลง 35.1 % ส่วนแบ่งตลาด 16.2 %
อันดับที่ 3 Mitsubishi 1,044 คัน ลดลง 38.8 % ส่วนแบ่งตลาด 5.5 %
3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 30,376 คัน ลดลง 7.9 %
อันดับที่ 1 Toyota 12,107 คัน ลดลง 18.3 % ส่วนแบ่งตลาด 39.9 %
อันดับที่ 2 Isuzu 6,832 คัน ลดลง 10.7 % ส่วนแบ่งตลาด 22.5 %
อันดับที่ 3 Honda 3,332 คัน ลดลง 13.8 % ส่วนแบ่งตลาด 11 %
4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และรถกระบะดัดแปลง PPV*)
ปริมาณการขาย 16,144 คัน ลดลง 14.3 %
อันดับที่ 1 Toyota 6,994 คัน ลดลง 19.2 % ส่วนแบ่งตลาด 43.3 %
อันดับที่ 2 Isuzu 6,107 คัน ลดลง 8.7 % ส่วนแบ่งตลาด 37.8 %
อันดับที่ 3 Ford 1,523 คัน ลดลง 30.9 % ส่วนแบ่งตลาด 9.4 %
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 2,925 คัน
Isuzu 1,123 คัน - Toyota 1,048 คัน - Ford 579 คัน - Mitsubishi 142 คัน - Nissan 33 คัน
5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 13,219 คัน ลดลง 14.9 %
อันดับที่ 1 Toyota 5,946 คัน ลดลง 19.5 % ส่วนแบ่งตลาด 45 %
อันดับที่ 2 Isuzu 4,984 คัน ลดลง 12.6 % ส่วนแบ่งตลาด 37.7 %
อันดับที่ 3 Mitsubishi 982 คัน เพิ่มขึ้น 40.1 % ส่วนแบ่งตลาด 7.4 %
สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2568
1. ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 97,395 คัน ลดลง 9.5 %
อันดับที่ 1 Toyota 36,108 คัน ลดลง 3 % ส่วนแบ่งตลาด 37.1 %
อันดับที่ 2 Honda 13,460 คัน ลดลง 20.3 % ส่วนแบ่งตลาด 13.8 %
อันดับที่ 3 Isuzu 12,969 คัน ลดลง 16.8 % ส่วนแบ่งตลาด 13.3 %
2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 37,180 คัน ลดลง 14.1 %
อันดับที่ 1 Toyota 12,466 คัน เพิ่มขึ้น 24.3 % ส่วนแบ่งตลาด 33.5 %
อันดับที่ 2 Honda 6,855 คัน ลดลง 26.5 % ส่วนแบ่งตลาด 18.4 %
อันดับที่ 3 Mitsubishi 1,992 คัน ลดลง 31.7 % ส่วนแบ่งตลาด 5.4 %
3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 60,215 คัน ลดลง 6.5 %
อันดับที่ 1 Toyota 23,642 คัน ลดลง 13.1 % ส่วนแบ่งตลาด 39.3 %
อันดับที่ 2 Isuzu 12,969 คัน ลดลง 16.8 % ส่วนแบ่งตลาด 21.5 %
อันดับที่ 3 Honda 6,605 คัน ลดลง 12.6 % ส่วนแบ่งตลาด 11 %
4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และรถกระบะดัดแปลง PPV*)
ปริมาณการขาย 31,507 คัน ลดลง 14.3 %
อันดับที่ 1 Toyota 13,578 คัน ลดลง 18.3 % ส่วนแบ่งตลาด 43.1 %
อันดับที่ 2 Isuzu 11,605 คัน ลดลง 14.8 % ส่วนแบ่งตลาด 36.8 %
อันดับที่ 3 Ford 3,200 คัน ลดลง 23.6 % ส่วนแบ่งตลาด 10.2 %
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 6,027 คัน
Isuzu 2,232 คัน - Toyota 2,116 คัน - Ford 1,283 คัน - Mitsubishi 320 คัน - Nissan 76 คัน
5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 25,480 คัน ลดลง 16.2 %
อันดับที่ 1 Toyota 11,462 คัน ลดลง 19.5 % ส่วนแบ่งตลาด 45 %
อันดับที่ 2 Isuzu 9,373 คัน ลดลง 19.3 % ส่วนแบ่งตลาด 36.8 %
อันดับที่ 3 Mitsubishi 1,964 คัน เพิ่มขึ้น 61.2 % ส่วนแบ่งตลาด 7.7 %
................................................................................................................................
Chery เตรียมบุกตลาดไทย
Chery Automobile (เชอรี ออโทโมบิล) ผู้ผลิตรถยนต์จีนอันดับ 1 ในด้านการส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเป็นเวลา 22 ปีติดต่อกัน ได้ประกาศแผนการเข้าสู่ตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการในปีนี้ เตรียมนำ Chery Arrizo 8L (เชอรี อาร์ริโซ 8 แอล), Chery Tiggo 9 (เชอรี ทิกโก 9) และ Chery Tiggo Cross (เชอรี ทิกโก ครอสส์)
ฉี เจี๋ย ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากความสำเร็จในปี 2567 ที่ Chery มียอดขายเติบโตถึง 38 % พร้อมส่งมอบรถยนต์กว่า 2.6 ล้านคันทั่วโลก คิดเป็นยอดรายได้ที่เติบโตขึ้นกว่า 50 % ประมาณ 2.2 ล้านล้านบาทไทย และยังรักษาตำแหน่งผู้ส่งออกรถยนต์อันดับ 1 ของประเทศจีนมายาวนานกว่า 22 ปีติดต่อกันนั้น ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อยนตรกรรม และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของเรา แต่ยังเป็นแรงผลักดันให้เราก้าวต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง โดยในปีนี้มีแผนนำ Chery เข้าสู่ตลาดประเทศไทย นับเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง และเทคโนโลยียานยนต์ล้ำสมัย พร้อมสร้างความเชื่อมั่น และความไว้วางใจให้แก่ผู้บริโภคชาวไทย และแสดงให้เห็นว่าเราพร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการ
Chery มุ่งมั่นที่จะเป็นองค์กรที่มีความหลากหลายด้วยความสามารถในการแข่งขันระดับโลก โดยขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม และมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศในทุกด้าน ค่านิยมหลักของแบรนด์ประกอบด้วย การแสวงหานวัตกรรมล้ำสมัย ความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ แนวทางที่เน้นผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง และความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจแบบ Win-Win ทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจของ Chery ทั่วโลก
ด้วยการขยายตัวในระดับสากล Chery ได้สร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่งประกอบด้วย ศูนย์วิจัย และพัฒนา (R&D) 16 แห่ง ฐานการผลิตในต่างประเทศ 10 แห่ง และขยายการตลาดในกว่า 110 ประเทศ และภูมิภาคทั่วโลก นอกจากนี้ ยังมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งกว่า 15 ล้านคนทั่วโลก มีพนักงานมากกว่า 100,000 คน และได้สร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับ 30 พันธมิตรระดับโลก แสดงให้เห็นถึงศักยภาพ และการเติบโตอย่างต่อเนื่องของแบรนด์
“Green, Technology, Family, Companionship” หัวใจหลักของแบรนด์ Chery
Chery ดำเนินธุรกิจภายใต้แกนหลัก 4 ข้อ ได้แก่
· Green (รักษ์โลก) โดยการมุ่งเน้นการใช้วัสดุคาร์บอนต่ำ ผ่านกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีเชื้อเพลิงเจเนอเรชันที่ 3 PHEV และรถพลังงานไฟฟ้า (BEV)
· Technology (เทคโนโลยี) Chery ลงทุนในการวิจัย และพัฒนาระดับโลก พัฒนาพแลทฟอร์มการออกแบบ ระบบขับขี่อัจฉริยะ และห้องโดยสารอัจฉริยะที่ทันสมัย
· Family (ครอบครัว) มุ่งเน้นการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย และน่าเชื่อถือ สะดวกสบาย และทนทาน มีเอกลักษณ์ และครอบคลุมการใช้งานที่หลากหลาย
· Companionship (การเป็นเพื่อนคู่คิด) นอกจากนี้ Chery ยังให้ความสำคัญกับการสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์กับลูกค้า ส่งเสริมการเติบโตของพนักงานผ่านความเป็นหนึ่งเดียวกัน พัฒนาพันธมิตรที่มีอีโคซิสเตมแบบ Win-Win และแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมผ่านกิจกรรมสาธารณประโยชน์มากกว่า 120 รายการ ใน 30 กว่าประเทศทั่วโลก
รถทุกประเภทของ Chery มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ผสมผสานระหว่างความคลาสสิค และความสวยงามที่ทรงพลัง พร้อมมอบประสบการณ์ให้ผู้ใช้แบบที่เหนือระดับ ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ห้องโดยสารที่กว้างขวาง ฟีเจอร์การใช้งานที่หลากหลาย ระบบความปลอดภัยที่ครบครัน และดีไซจ์นที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น
Chery Automobile จะนำเสนอรถยนต์ พร้อมนวัตกรรมใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย และมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลกอย่าง Chery Arrizo 8L รถยนต์ซีดานพลัก-อิน ไฮบริดสุดลักชัวรี, Chery Tiggo 9 รถเอสยูวีสำหรับธุรกิจรุ่นฟแลกชิพ และ Chery Tiggo Cross คอมแพคท์เอสยูวีไฮบริดสำหรับคนรุ่นใหม่
................................................................................................................................
Isuzu คาดการณ์ตลาดรถยนต์ยังทรงตัว
ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ ปนัดดา เจณณวาสิน ประธานที่ปรึกษา มิชิมาสะ โคโนะ รองกรรมการผู้จัดการ และวิชัย สินอนันต์พัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ร่วมเปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาดในปีนี้น่าจะใกล้เคียงกับปีที่แล้ว โดยในปีที่แล้ว มียอดขายอยู่ที่ 570,000 คัน แบ่งเป็นรถพิคอัพ 163,000 คัน สำหรับรถขนาดเล็ก Isuzu (อีซูซุ) มียอดขายอยู่ที่ 76,000 คัน รถขนาดกลาง-ใหญ่ มียอดขาย 11,000 คัน ส่วนปีนี้ปัญหาที่ทำให้ยอดขายทรงตัวก็จะเป็นเรื่องของไฟแนนศ์ แต่อย่างไรก็ต้องรอดูการแก้ไขปัญหาเศรษกิจที่ภาครัฐจะมีการออกมาตรการช่วยกระตุ้นตลาดอีกครั้ง
สำหรับมาตรการที่ภาครัฐจะออกมาช่วยกระตุ้นตลาดพิคอัพ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” ของ บสย. นั้น Isuzu ขื่นชมต่อแนวคิดของรัฐบาล โดยคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าตลาดรถพิคอัพหดตัวลง เนื่องจากข้อกำหนดที่รัดกุมของบริษัทไฟแนนศ์ ขณะนี้ บสย. อยู่ระหว่างเจรจากับธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ซึ่งยังไม่ทราบบทสรุป แต่ Isuzu คิดว่ามาตรการดังกล่าวจะเป็นประโยชน์กับลูกค้า ซึ่งน่าจะมีข้อสรุปในไม่นานนี้
“ผลตอบรับจะดีมาก-น้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับรายละเอียดที่รัฐบาลจะประกาศ ซึ่งคาดว่าจะเป็นรายละเอียดที่ดีพอสมควร สำหรับการกระตุ้นตลาดรถพิคอัพ ส่วนอัตราการค้ำประกันจาก บสย. เราไม่สามารถให้ความคิดเห็นได้ เรื่องจากยังมีรายละเอียดปีกย่อยอื่นๆ ระหว่าง บสย. กับธนาคารต่างๆ ซึ่งต้องรอรายละเอียดก่อน”
Isuzu มองว่าด้วยสถานการณ์ดังกล่าว ค่ายรถยนต์จำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาะตลาด โดยใช้กลยุทธ์ต่างๆ เพื่อสร้างการเติบโต สำหรับ Isuzu ยังคงเน้นย้ำกลยุทธ์การตลาดเพื่อสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คือ “Isuzu Trusted Buddy…อีซูซุเคียงข้างคุณ เคียงคู่ไทย” เพื่อตอกย้ำแบรนด์ Isuzu ที่ผู้ใช้ชาวไทยไว้วางใจตลอด 68 ปีที่ผ่านมา ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงตามแบบฉบับญี่ปุ่น สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ชาวไทยอย่างแท้จริง นั่นคือ คุณภาพดีที่สุด ประหยัดน้ำมันมากที่สุด ทนทานที่สุด คุ้มค่าเงินสูงสุด พร้อมการบริการดูแล และสร้างความพอใจแก่ผู้ใช้ตลอดอายุการใช้งาน อีกทั้ง Isuzu ยังให้ความสำคัญต่อคุณค่าทางสังคมไทย ด้วยการผลิตรถที่เน้นการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศมากที่สุด เช่น Isuzu D-Max (อีซูซุ ดี-แมกซ์) ที่ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปยังทั่วโลก ใช้ชิ้นส่วนไทยมากกว่า 90 % ก่อให้เกิดห่วงโซ่อุปทานยานยนต์ที่แข็งแกร่งของไทยในระดับโลก เกิดการจ้างงาน และส่งเสริมอุตสาหกรรม และเศรษฐกิจไทยตลอดมา ซึ่งเราต้องการใช้กลยุทธ์นี้สื่อสารให้ลูกค้าเข้าใจว่า Isuzu เป็น “Trusted Buddy” ที่อยู่เคียงคู่ไทย และคนไทย
ส่วนยอดขาย 2 เดือนที่ผ่านมา (มค.-กพ.) Isuzu มียอดขายรถทุกประเภท คือ พิคอัพ Isuzu D-Max, รถอเนกประสงค์ MU-X และรถบรรทุกขนาดกลาง และขนาดใหญ่ รวม 12,965 คัน เทียบกับปีที่แล้ว 15,583 คัน ลดลง 16.8 %
สำหรับเรื่องการส่งออกรถพิคอัพ อีวี ที่ Isuzu ได้ลงทุน 32,000 ล้านบาท ในระยะเวลา 4 ปี (ปี 2024-2028) ที่ยังคงเป็นการดำเนินการตามแผนเดิมที่วางไว้ คือ เป็นการลงทุนสำหรับการผลิตรถพิคอัพ อีวี รวมถึงการลงทุนปรับปรุงด้านอื่นๆ ในโรงงาน โดยจะผลิตเพื่อส่งออกรถพิคอัพ อีวี ไปยังทวีปยุโรป เริ่มต้นที่ประเทศนอร์เวย์ กลางปีนี้
................................................................................................................................
GWM เผยไม่ร่วมสงครามราคา
GWM (กเรท วอลล์ มอเตอร์) ไม่ร่วมสงครามราคา ใช้กลยุทธ์การตั้งราคาแบบลูกค้าไม่ต้องลังเล ไม่มีการลดราคา คาดตลาดรถยนต์ปีนี้ 6 แสนคัน รถยนต์ไฟฟ้า 100 % (ฺBEV) อยู่ที่ 15 % พร้อมเปิดตัวรถใหม่ไม่น้อยกว่า 5 รุ่น เริ่มใช้ฐานการผลิตที่ไทยส่งออก
วุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองประธานฝ่ายการตลาด GWM Thailand เปิดเผยว่า ในปี 2567 เป็นปีที่ตลาดเรียนรู้เรื่องราคา ทำให้สงครามราคาเกิดการแข่งขันกันอย่างรุนแรง เชื่อว่าปีนี้น่าจะนิ่งกว่าปีที่แล้ว สำหรับ GWM จะเน้นการทำตลาดที่ผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ลูกค้าให้มากที่สุด พร้อมการตั้งราคาผลิตภัณฑ์ในราคาที่เหมาะสม ลูกค้าตัดสินใจซื้อโดยไม่ลังเลว่าจะลดอีก และหวังว่าจะไม่เกิดสงครามราคา เพื่อไม่ให้ลูกค้า และตลาด เป็นอย่างที่ผ่านมา
สำหรับตลาดโดยรวมปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 600,000 คัน โดยจะเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 5 % เนื่องจากการแนะนำผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาด รวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะทำให้ตลาดเติบโต โดยคาดว่าปีนี้จะมีรถยนต์ไฟฟ้า 100 % (BEV) อยู่ที่ 15 % โดย GWM จะมีการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดไม่น้อยกว่า 5 รุ่น
ส่วนโชว์รูม และศูนย์บริการ ปีนี้จะเน้นสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ตัวแทนจำหน่าย พัฒนาการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้เกิดความพึงพอใจ ปัจจุบันมีจำนวนโชว์รูมอยู่ที่ 68 แห่ง อาจจะมีการขยายโชว์รูมในพื้นที่ที่ยังไม่มี GWM เช่น ขอนแก่น และชลบุรี
ทั้งนี้ ในส่วนของโรงงานที่จังหวัดระยอง คาดว่าจะเริ่มส่งออกได้ในปีนี้ โดยการส่งออกนั้นจะต้องดูความต้องการของแต่ละประเทศว่าต้องการรถรุ่นใด โดยจะส่งออกในเขตภูมิภาคเอเชีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
................................................................................................................................
Hyundai ชี้ตลาดรถยนต์ยังทรงตัว
Hyundai (ฮันเด) ชี้แคมเปญเก่าแลกใหม่ ต้องชัดเจน เศรษฐกิจยังชะลอ สงครามราคาฉุดไม่อยู่ ปีนี้ตั้งเป้ายอดขายรวม 4,100 คัน
วัลลภ เฉลิมวงศาเวช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า แคมเปญรถเก่าแลกซื้อรถใหม่เพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยนั้น จะต้องออกมาอย่างชัดเจน เพราะถ้าไม่กำหนดชัดเจนก็อาจจะไม่ส่งผลดี โดยมองว่าหากไม่มีการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอย่างชัดเจนปีนี้ อุตสาหกรรมรถยนต์โดยรวมก็คงจะไม่เติบโตมากนัก จากที่เคยคาดว่ายอดขายรวมปี 2568 จะอยู่ที่ 560,000-570,000 คัน อาจจะเหลือแค่ 530,000 คัน เพราะจากภาพรวมของรถยนต์ 2 เดือนแรกของปีนี้ (มค.-กพ.) ลดลง 10 %
ส่วนการแข่งขันในตลาดคงจะหนีไม่พ้นเรื่องของสงครามราคาที่ยังคงมีต่อเนื่อง และยังคงรุนแรงเพิ่มขึ้น
ด้านยอดขายปีนี้ Hyundai ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 4,100 คัน โดยการตั้งเป้ายอดขายของบริษัทฯ ปีนี้ เป็นไปตามเป้าหมายการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ที่คาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมาย
................................................................................................................................
Volvo เปิดตัวไลน์สติคเกอร์
วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย)ฯ เปิดตัวไลน์สติคเกอร์ชุดพิเศษ Volvo’s Moments of Care with Moosey ส่งต่อความห่วงใยผ่านข้อความแสนน่ารัก พร้อมลวดลายคาแรคเตอร์ของ “น้องกวางมูซีย์” แมสคอทประจำแบรนด์ Volvo (โวลโว) จากประเทศสวีเดน โดยมีให้เลือกใช้ถึง 8 ดีไซจ์น และแต่ละดีไซจ์นสื่ออารมณ์ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น และความขี้เล่นตามสไตล์มูซีย์ ผู้ใช้งาน Line ทุกท่านสามารถดาวน์โหลดสติคเกอร์ฟรี ได้ตั้งแต่วันนี้-22 มิถุนายน 2568*
ด้วยเจตนารมณ์ของ Volvo ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเสมอมา ไม่ใช่เพียงในเรื่องของการออกแบบรถ หรือเทคโนโลยีสำหรับผู้ขับขี่ แต่ยังรวมถึงความห่วงใยที่เรามีให้กับเพื่อนร่วมทางบนท้องถนน สติคเกอร์ชุดนี้จึงถูกออกแบบมาให้สื่อถึงความใส่ใจ และมอบความห่วงใยแก่คนใกล้ตัว ผ่านข้อความที่สามารถหยิบมาใช้งานง่าย เช่น “กลับดีๆ น้า”, “ถึงบ้านยัง ?” และ “เที่ยวคืนนี้ ไม่ขับน้า” สำหรับส่งความห่วงใยให้คนที่คุณรัก
ร่วมส่งต่อความห่วงใยในแบบของ Volvo ไปด้วยกัน เพียงดาวน์โหลดไลน์สติคเกอร์ ผ่านการเพิ่มเพื่อน @Volvocarth บน Line Application หรือคลิคลิงค์เพื่อเพิ่มเพื่อน https://line.me/S/sticker/35004 เพียงตอบแบบสอบถามสั้นๆ ก็สามารถส่งความห่วงใยผ่านสติคเกอร์ Volvo’s Moments of Care with Moosey ให้แก่คนใกล้ตัวได้เลย สามารถดาวน์โหลดสติคเกอร์ได้ฟรี ตั้งแต่วันนี้-22 มิถุนายน 2568*
*ผู้ใช้งานสามารถใช้สติคเกอร์ได้ 180 วัน นับจากวันที่ดาวน์โหลด
................................................................................................................................
มอเตอร์เวย์ M6 หินกอง-โคราช วิ่งฟรีช่วงสงกรานต์ 2568
เตรียมเปิดวิ่งฟรี มอเตอร์เวย์ M6 ช่วงหินกอง-โคราช ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 เริ่ม 11 เมย. นี้
มอเตอร์เวย์ M6 หินกอง-โคราช วิ่งฟรีช่วงสงกรานต์ 2568
กรมทางหลวง โดยกระทรวงคมนาคม เตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 ของโครงการทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 สายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) ช่วงหินกอง-ปากช่อง ระยะทาง 85.400 กม. ซึ่งจะเปิดให้วิ่งทางด้านซ้าย (ทิศทางเดียว) ในวันที่ 11-13 เมย. นี้ กำหนดให้รถวิ่งขาออก มุ่งหน้าสู่ อ. ปากช่อง จ. นครราชสีมา และวันที่ 14-17 เมย. นี้ วิ่งขาเข้ามุ่งหน้า ต. หินกอง อ. หนองแค จ. สระบุรี โดยเปิดให้ทดลองใช้ฟรี ตั้งแต่วันที่ 11 เมย. 68 เวลา 00.01 น.-17 เมย. 68 เวลา 24.00 น.
ปัจจุบัน M6 ช่วงปากช่อง-นครราชสีมา ได้เปิดให้ทดลองใช้บริการแล้ว ตั้งแต่ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 ที่ผ่านมา โดยเปิดให้วิ่ง 2 ทิศทาง (ไป-กลับ) ระยะทาง 77.943 กม. และในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 จะเปิดให้บริการเส้นทางช่วงหินกอง-ปากช่อง เพิ่มเติม ตั้งแต่วันที่ 11 เมย. 68 เวลา 00.01 น.-17 เมย. 68 เวลา 24.00 น. พร้อมจุดพักรถชั่วคราว 2 จุด ได้แก่ จุดพักรถทับกวาง ที่ กม. 64+900 ฝั่งขาออก และจุดพักรถสีคิ้วที่ กม. 147+000 ทั้งฝั่งขาเข้า และขาออก เป็นจุดบริการประชาชน และมีห้องน้ำบริการ แต่ไม่มีสถานีบริการน้ำมัน และสถานีชาร์จไฟฟ้า
เปิดให้วิ่ง M81 สายบางใหญ่-นครปฐม-กาญจนบุรี
นอกจากนี้ ยังเตรียมเปิดให้ทดลองวิ่งบนมอเตอร์เวย์ M81 สายบางใหญ่-นครปฐม-กาญจนบุรี โดยเปิดให้บริการ 4 ช่องจราจร (ไป-กลับ) ระยะทาง 96.41 กม. และกำหนดให้ใช้สัญจรได้เฉพาะรถยนต์ 4 ล้อเท่านั้น ใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. โดยภายหลังวันสงกรานต์ 2568 ในส่วนของมอเตอร์เวย์ M6 จะกลับไปเปิดให้บริการเฉพาะช่วงปากช่อง-เลี่ยงเมืองนครราชสีมา และมอเตอร์เวย์ M81 จะให้บริการเฉพาะวันศุกร์-วันอาทิตย์
มอเตอร์เวย์ฟรี 7 วัน
นอกจากมอเตอร์เวย์ M6 และมอเตอร์เวย์ M81 ที่เปิดให้ทดลองใช้แล้ว กรมทางหลวงยังคงเปิดให้ขึ้นมอเตอร์เวย์สายต่างๆ ฟรีในช่วงสงกรานต์ รวม 7 วัน ระหว่างวันที่ 11-17 เมย. 68 ประกอบด้วย
- มอเตอร์เวย์หมายเลข 7 (กรุงเทพฯ-บ้านฉาง)
- มอเตอร์เวย์หมายเลข 9 สายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ถนนกาญจนาภิเษก ตอนบางปะอิน-บางพลี
- มอเตอร์เวย์หมายเลข 9 สายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ถนนกาญจนาภิเษก ตอนพระประแดง-บางแค ช่วงพระประแดง-ต่างระดับบางขุนเทียน
