ทดลองขับ

Isuzu MU-X RS 4x2 3.0 ปรับโฉมใหม่...เร้าใจ และ “พีค” สุดๆ ตอบทุกโจทย์ โดนทุกไลฟ์สไตล์

30 Aug 2024

บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด จัดกิจกรรม MU-X “The Next Peak” Press Trip บนเส้นทางเชียงใหม่-เชียงราย ระยะทางกว่า 276 กม. วิ่งลัดเลาะไปตามทางหลวงหมายเลข 118 และเราได้รับเชิญไปร่วมกิจกรรมสุด “พีค” ในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน

ภายนอก มีการออกแบบใหม่ พลิกโฉมให้ตัวรถดูโดดเด่น และมีบุคลิกที่สปอร์ทมากขึ้น ผ่านเส้นสายที่มีความ Dynamic ลงตัวรอบคัน และครั้งนี้มีสีพิเศษเพิ่มขึ้นมาอีก ทำให้ภาพรวมของ Isuzu MU-X RS ดูหล่อ และพีคสุดๆ

กระจังหน้าใหม่แบบ Black Diamond Grille สะท้อนความเท่ ที่ดูคมเข้ม มาพร้อมสัญลักษณ์ RS ที่ทำจากวัสดุ Black Chrome ไฟหน้า และไฟท้ายแบบ Dynamic Blade มีดีไซจ์นที่แตกต่างจากของเดิม และชุดไฟท้ายมีเส้น Embrace Line เสริมมาดสปอร์ทมากยิ่งขึ้น

เร้าใจด้วยชุดกันชนหน้าแบบ Fighter Jet มาพร้อมม่านดักอากาศ Air Curtain ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพอากาศพลศาสตร์ ช่วยให้ตัวรถไหลลื่นมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีล้ออัลลอยลวดลายใหม่ RS Design ขนาด 20 นิ้ว สีดำเงา พร้อมสัญลักษณ์ RS เสริมมาดเข้ม และเร้าใจมากกว่าเดิม ส่วนฝาท้ายเปิด/ปิดด้วยระบบไฟฟ้า และหยุดเมื่อมีสิ่งกีดขวางด้วยระบบ Jam Protection

ครั้งนี้มีความพิเศษ สีของตัวรถที่เพิ่มเข้ามาใหม่ คือ สีเทา Eiger Gray Opaque และหลังคาดำ พร้อมสัญลักษณ์ RS ที่แต่งแต้มรอบคัน

ภายในห้องโดยสาร มีการดีไซจ์นใหม่หลายจุด อาทิ เน้นโทนสีดำ เสริมด้วยเส้นโครเมียม ทำให้งานดูแพงขึ้น และยังมีการตกแต่งด้วยเส้นด้ายสีเขียวรับกับคอนเซพท์ของตัวรถ Lime Green เบาะนั่งทรงสปอร์ท นั่งสบายในทุกตำแหน่ง ทั้งแถวหน้าและหลัง เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า ฝั่งคนขับปรับได้ 8 ทิศทาง และเบาะนั่งตอน 2 และ 3 ปรับเอนได้พร้อมพับราบสนิทกับพื้น ส่วนการเข้า/ออกเบาะตอน 3 แบบ One Touch

แผงหน้าปัด ดูสะดุดตาด้วยดีไซจ์นพิเศษ จอ Infotainment แบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย พร้อม Multitasking System เชื่อมต่อข้อมูล Integrated Mid แสดงผลหลากหลายฟังค์ชัน เช่น ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS, แสดงสถานะระบบขับเคลื่อน, ระบบแสดงองศามุมปีน มุมไต่ มุมลาดเอียง และทิศทางการเลี้ยวของล้อ และอื่นๆ

และที่ชอบมากๆ คือ พวงมาลัยไฟฟ้า EPS (Electronic Power Steering) ทรง 3 ก้าน พร้อมปุ่มควบคุมต่างๆ แบบมัลทิฟังค์ชัน ขับสบาย ให้ความคล่องตัวทั้งในเมือง และนอกเมือง

ขุมพลังวางเครื่องยนต์รหัส 4JJ3-TCX เป็นเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล 3.0 DDI Blue Power ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้าที่ 3,600 รตน. แรงบิดสูงสุด 450 นิวทันเมตร ที่ 1,60-2,600 รตน. ถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม REV Tronic และ Sequential Paddle Shift ที่พวงมาลัย ส่วนคลัทช์แบบทอร์คคอนเวอร์เตอร์

ระบบรองรับ ด้านหน้าแบบอิสระ ปีนก 2 ชั้น คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง พร้อมชอคอับแกส ด้านหลังแบบ 5-LINK Suspension และเหล็กกันโคลง พร้อมชอคอับแกส ส่วนระบบห้ามล้อ แบบจาน มีครีบระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อ สำหรับยางที่ติดรถมาจากโรงงาน เป็นยาง Bridgestone Dueler HT ขนาด 265/50 R20

สำหรับระบบความปลอดภัย จัดหนัก จัดเต็ม ได้แก่ ระบบความปลอดภัย ADAS เวอร์ชันล่าสุด เพิ่มเติมใหม่ 5 ระบบ กล้องหน้าคู่ พร้อมเรดาร์ 2 จุด และเซนเซอร์อีก 8 จุดรอบคัน, ระบบกล้อง 360 องศา, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKAS, ระบบช่วยควบคุมทิศทางของรถตามรถคันหน้า TJA, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในสถานการณ์ฉุกเฉิน ELK, ระบบช่วยควบคุมรถไม่ให้ออกนอกเลน LDP, ระบบแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกเลน พร้อม LDW, ระบบช่วยเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย RCTB, ระบบช่วยเตือนขณะถอย RCTA, ระบบช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมฟังค์ชัน Stop & Go, ระบบแจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า FCW, ระบบช่วยเตือนจุดอับสายตา BSM, ระบบเซนเซอร์ช่วยจอด, ระบบช่วยควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ AHB, ระบบช่วยตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด PMM, ระบบช่วยเบรคอัตโนมัติหลังเกิดอุบัติเหตุ MCB, ระบบช่วยตั้งค่าจำกัดความเร็วสูงสุดด้วยตัวเอง MSL

ส่วนระบบความปลอดภัย Active และ Passive Safety เช่น ระบบป้องกันล้อลอค ABS, ระบบกระจายแรงเบรค EBD, ระบบเสริมแรงเบรค BA, ระบบลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรค BOS, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS, ระบบควบคุมการทรงตัว ESC, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAS, ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC, ระบบควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย TSC และโครงสร้างห้องโดยสาร Ultra-High Tensile

ผลการทดลองขับ เราได้ลองขับรุ่น 3.0 RS 4x2 สิ่งที่ชอบสุดๆ คือ พวงมาลัยไฟฟ้า EPS ช่วยให้การควบคุมรถทำได้ง่าย และมั่นใจมากขึ้น ช่วงล่างเซทนี้ไม่มีอาการโคลงตัว ไม่ว่าเราจะขับขี่บนเส้นทางเรียบขึ้น/ลงเขา ทางโค้ง เส้นทางที่กำลังซ่อมสร้าง ผิวทางขรุขระ ช่วงล่างสามารถเก็บอาการต่างๆ ได้อยู่หมัด บอกเลยว่าเนียนมาก นุ่มนั่งสบายทั้งเบาะหน้า และเบาะหลัง

ส่วนขุมพลัง 3.0 ลิตร 190 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ถ่ายทอดกำลังได้พอดี ไม่อืด มีการปรับอัตราเร่งให้ต่อเนื่อง ให้กำลังช่วงเร่งแซงดีขึ้น เราขับที่ความเร็วเฉลี่ย 100-120 กม./ชม. ตามขบวนในรูปแบบคาราวาน อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยทำได้ 13.0 กม./ลิตร บนระยะทางกว่า 280 กม. ถือว่าประหยัด และคุ้มค่ามากกับค่าตัวเริ่มต้น 1,659,000 บาท ถ้าใครอยากได้รุ่นทอพ 3.0 RS 4WD ราคา 1,771,000 บาท ตัดสินใจเลือกกันเองครับ