ทดลองขับ(formula)
BMW i5 ยกระดับซีดานหรูจากตระกูลซีรีส์ 5 สู่ยุคพลังงานไฟฟ้า 601 แรงม้า
BMW i5 ยกระดับซีดานหรูระดับจากตระกูลซีรีส์ 5 ตำนาน เดินหน้าสู่ยุคแห่งยานยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยที่ยังคงผสมผสานสมรรถนะแบบสปอร์ทเข้ากับความหรูหรา มีระดับเอาไว้ได้อย่างลงตัว รวมเทคโนโลยีทุกด้าน ตั้งแต่ BMW eDrive รุ่นที่ 5 นวัตกรรมดิจิทัลมากมาย พละกำลังมอเตอร์ไฟฟ้า และความสะดวกสบายที่มากขึ้น
 ภายใต้รูปลักษณ์หรูหรา ปราดเปรียว BMW i5 ใหม่ มาพร้อมกับกระจังหน้าทรงไตคู่อันเป็นเอกลักษณ์ของ BMW ที่เด่นชัดมากขึ้น ด้วยกรอบที่กว้างกว่าในรุ่นก่อน และตกแต่งด้วยระบบไฟ BMW Iconic Glow
ภายใต้รูปลักษณ์หรูหรา ปราดเปรียว BMW i5 ใหม่ มาพร้อมกับกระจังหน้าทรงไตคู่อันเป็นเอกลักษณ์ของ BMW ที่เด่นชัดมากขึ้น ด้วยกรอบที่กว้างกว่าในรุ่นก่อน และตกแต่งด้วยระบบไฟ BMW Iconic Glow 

BMW i5 ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมกับชุดแต่งสไตล์สปอร์ทในแบบ M รอบคัน




i5 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีการชาร์จไฟฟ้าสูง ด้วยหัวชาร์จแบบ Combined Charging Unit (CCU) รองรับการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC กำลังไฟ 22 กิโลวัตต์ และการชาร์จแบบไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุดที่ 205 กิโลวัตต์ สามารถชาร์จไฟจาก 10% ถึง 80% ภายในเวลาเพียง 30 นาที
ภายในห้องโดยสารของ i5 ใหม่ มีความสปอร์ทในสไตล์ M เด่นชัด ด้วยพวงมาลัยหนังสไตล์ M ตกแต่งด้วย CraftedClarity ที่ทำจากแก้วคริสตัล เบาะนั่งคู่หน้าแบบ Comfort พร้อมระบบปรับด้วยไฟฟ้า เสริมความหรูหราและสะดวกสบายด้วยระบบไฟส่องสว่างทั้งภายในและภายนอกห้องโดยสาร ม่านบังแดดสำหรับผู้โดยสารที่เบาะหลัง และชุดอุปกรณ์ Travel & Comfort



ในขณะที่ i5 M60 xDrive จะมาพร้อมสี Dark Silver M accent ที่ผสมผสานเข้ากับวัสดุ Carbon Fibre และขอบสีเงิน high-gloss silver


ในขณะที่ i5 eDrive40 M Sport พร้อมส่งมอบความบันเทิงอย่างเต็มที่ ด้วยระบบเสียง hi-fi จากแบรนด์ Harman Kardon ที่ใช้ลำโพงถึง 12 ตัวและแอมป์ดิจิตอล มีกำลังขับรวม 205 วัตต์ รวมทั้งยังสามารถปรับแต่งรูปแบบเสียงได้ตามต้องการ
ส่วน i5 M60 xDrive ใช้ระบบเสียงรอบทิศทางจากแบรนด์ระดับโลก Bowers & Wilkins (เป็นครั้งแรกบนซีรีส์ 5) ลำโพงทั้งหมด 17 ตัว มีกำลังขับรวมถึง 655 วัตต์ ตัวปรับรูปแบบเสียง 7 แบนด์ และลำโพงเสียงเบสโดยเฉพาะที่ติดตั้งไว้ภายใต้ขอบโลหะบริเวณประตูรถ
แถบ BMW Interaction Bar ที่ประดับด้วยขอบคริสตัลที่ครอบคลุมทั้งแถบไปจนถึงบานประตู ให้ผู้ใช้สามารถควบคุมการใช้งานได้ผ่านหน้าจอสัมผัส ทั้งยังส่งมอบบรรยากาศภายในห้องโดยสารที่สามารถปรับแต่งได้ถึง 6 แบบตามรสนิยมเจ้าของ ได้แก่ Personal, Efficient, Sport และ Sport+, Expressive และ Relax

นอกจากนี้ ระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8.5 ของ i5 ยังมีความสนุกไปอีกขั้นด้วยการให้ผู้ใช้เข้าถึงคอนเทนท์ดิจิทัลได้หลากหลายรูปแบบยิ่งกว่าทุกครั้ง ครอบคลุมทั้งข้อมูลสำคัญและเนื้อหาด้านความบันเทิง รวมทั้งยังมีการอัพเดทที่รวดเร็วฉับไวยิ่งกว่าเดิม โดยหนึ่งในไฮไลท์สำคัญก็คือแพลตฟอร์ม AirConsole ที่ให้ผู้ขับและผู้โดยสารสามารถเล่นเกมได้อย่างสนุกสนาน ในขณะที่ยานพาหนะจอดอยู่กับที่เพื่อให้ทุกคนยังสามารถเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ด้านความบันเทิงแม้ในขณะที่กำลังจอดชาร์จรถก็ตาม

ในขณะขับขี่บนท้องถนน i5 มีระบบ Driving Assistant Professional ที่รวมทั้งระบบช่วยควบคุมพวงมาลัยและการเปลี่ยนเลน (Steering and Lane Change Assist) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชัน Stop & Go (Active Cruise Control with Stop & Go function) ที่ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 210 กม./ชม.
ในการจอดรถ ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ Parking Assistant รุ่น Plus จะใช้กล้อง ควบคู่กับระบบคลื่นอัลตราซาวน์ ผ่านระบบช่วยจอดรถ Parking Assistant ระบบช่วยถอยรถ Reversing Assistant ระบบเตือนระยะห่าง Active Park Distance Control ระบบการช่วยจอดแบบ Lateral Parking Aid และระบบกล้องรอบทิศทาง Surround View โดยผู้ขับขี่สามารถดูสภาพแวดล้อมรอบตัวรถได้ทุกที่ทุกเวลาด้วยภาพแบบ 3 มิติผ่านแอปพลิเคชัน My BMW นอกจากนี้ ยังสามารถซื้อฟังก์ชัน BMW Drive Recorder ที่บันทึกภาพเคลื่อนไหวแบบความละเอียดสูงจากกล้องรอบทิศทางได้จาก BMW ConnectedDrive Store
BMW I5 ยกระดับซีดานหรูตระกูล 5 SERIES เข้าสู่ยุคพลังงานไฟฟ้า โดยที่ยังคงผสมผสานความหรูหราเข้ากับสมรรถนะแบบสปอร์ท กับชุดมอเตอร์ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 601 แรงม้า สามารถเรียกอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.8 วินาที และทำความเร็วสูงสุดที่ 230 กม./ชม. สำหรับ i5 M60 xDrive ราคา 5,599,000 บาท ก็คุ้ม แต่ถ้าจะเลือกที่รองลงมา i5 eDrive40 M Sport ราคา 4,999,000 บาท 340 แรงม้า กับตัวเลข 6 วินาที ก็ประหยัดไปอีก 6 แสนบาท
ราคานี้รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard นาน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
https://drive.google.com/file/d/1_ti-RFAaYCpix5lGjiOapdvRoV7aSVFB/view?usp=drive_link
ทดลองขับ BMW i5 รอบนี้ บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย นำสื่อมวลชนเปิดประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับที่มาพร้อมกับสุดยอดเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ตามแบบฉบับของ BMW แบบไร้มลพิษ ในงาน BMW Beyond Electric ครั้งที่ 2 นอกจากซีดานหรู BMW i5 ใหม่ ยังจัดสุดยอดรถพลังมอเตอร์ไฟฟ้าอีกหลายรุ่น ได้แก่ i4 eDrive35 M Sport, iX xDrive40 Sport, iX xDrive50 Sport และ i7 xDrive60 M Sport
โดยการทดสอบสมรรถนะรถยนต์ครั้งนี้จัดขึ้นที่สนามแข่งรถปทุมธานี สปีดเวย์ จังหวัดปทุมธานี เพื่อให้สื่อมวลชนได้เรียนรู้เทคโนโลยีการขับขี่ เทคนิคการขับขี่และการชาร์จไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมได้ทดลองระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ล้ำสมัยในสถานีกิจกรรมต่าง ๆ ประกอบด้วย การทดสอบสมรรถนะรถยนต์ด้วยเทคนิคการขับแบบสลาลม (Slalom) การควบคุมรถขณะเข้าโค้ง (Oversteer) และฝึกการใช้งานระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) และทดสอบประสิทธิภาพระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive และระบบปรับองศาล้อหลังขณะเข้าโค้ง (Integral Active Steering) เพื่อให้สื่อมวลชนได้ทดสอบประสิทธิภาพของเทคโนโลยีและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ได้อย่างเต็มที่
สำหรับงาน BMW Beyond Electric Chapter II จะเปิดให้ลูกค้าและบุคคลทั่วไปได้ทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้าบีเอ็มดับเบิลยู ‘i’ หลากหลายรุ่น ณ สนามปทุมธานี สปีดเวย์ ระหว่างวันที่ 3 ถึง 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 พร้อมเรียนรู้เทคโนโลยีการขับขี่ เทคนิคการขับขี่และการชาร์จไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ การทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้าและทดลองระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ล้ำสมัย ในกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสร้างความมั่นใจกับการใช้ในการใช้รถยนต์ไฟฟ้ายิ่งขึ้น โดยผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนได้ที่ https://bit.ly/3Qo5Coj
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย แนะนำบริการล่าสุด Proactive Care ที่นำข้อมูลและนวัตกรรม AI มายกระดับการดูแลลูกค้าไปอีกขั้น โดยระบบจะตรวจสอบและคาดการณ์ความจำเป็นในการเข้ารับบริการ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ขับขี่ และให้ข้อเสนอแนะก่อนนำรถยนต์เข้ารับบริการ
ระบบ Proactive Care จะสังเกตการณ์ข้อมูลของตัวรถในทุกด้าน นับตั้งแต่การวิเคราะห์การทำงานของยาง การแจ้งเตือนปัญหาต่าง ๆ ไปจนถึงรอบการเข้ารับบริการ ระบบจะนำข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์ควบคู่ไปกับข้อมูลที่ผู้ขับขี่กำหนด และแจ้งข้อความแนะนำได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นทางแอป My BMW ผ่านระบบในตัวรถ ทางอีเมล ผ่านดีลเลอร์ที่กำหนด หรือแม้แต่โทรศัพท์จากบริการ Roadside Assistance นอกจากนี้ ระบบ Proactive Care ยังสามารถให้คำแนะนำในเรื่องที่เกี่ยวข้องได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการอัปเกรดซอฟต์แวร์ของตัวรถด้วยตนเอง การขอรับบริการขณะเดินทาง หรือแม้แต่การแนะนำศูนย์บริการ เป็นต้น
บริการ Proactive Care พร้อมให้ใช้งานแล้ววันนี้สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 7 (ตั้งแต่เวอร์ชั่น 07/2019) หรือใหม่กว่า โดยลูกค้าที่ใช้บริการจะต้องมีสัญญาใช้งานบริการ BMW ConnectedDrive พร้อมบันทึกข้อมูลรถยนต์ในแอป My BMW หรือหน้าเว็บ My BMW Portal ซึ่งรวมถึง BMW ID และรายละเอียดการติดต่อ และการยินยอมในเรื่องนโยบายความเป็นส่วนตัว และการอนุญาตให้ผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูอย่างเป็นทางการสามารถติดต่อได้
ลูกค้าที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.bmw.co.th หรือติดต่อผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของบีเอ็มดับเบิลยูทั่วประเทศ






