ระเบียงรถใหม่
Volvo ปล่อยทีเซอร์ EX30 เอสยูวีไฟฟ้ารุ่นเล็กของค่าย

EX30 คันนี้ Volvo คาดหวังว่าจะเป็นจิ๊กซอสำคัญ ในการบรรลุเป้าหมายที่จะเพิ่มยอดขายรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 70% ภายในปี 2025 ของ Volvo และสามารถส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 1.2 ล้านคันต่อปี ภายในกลางทศวรรษนี้ โดยรถรุ่นเรือธงอย่าง EX90 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายปี มีกระแสตอบรับเป็นอย่างดี
เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ที่ผ่านมา Volvo ได้ปล่อยทีเซอร์รถยนต์ไฟฟ้าน้องเล็กสุดอย่าง Baby EV SUV ที่ชื่อว่า "EX30" ทีเซอร์ มีความยาว 30 วินาที แสดงให้เห็นการออกแบบด้านท้ายของรถยนต์ใหม่ และการออกแบบภายในห้องโดยสารบางส่วน
Volvo EX30 ยังคงใช้ภาษาการออกแบบที่คล้ายรุ่นเรือธง EX90 ทั้งด้านหน้า และด้านท้าย ไฟหน้าที่ยังคงรูปลักษณ์ ค้อนของเทพเจ้าสายฟ้า ไฟท้ายอันเป็นเอกลักษณ์ ใช้แถบไฟแบบเต็มความกว้างในลักษณะเดียวกับ EX90 ใหม่ คาดว่าจะมีความยาวของตัวถังที่ประมาณ 4.25 เมตร ใกล้เคียงกับคู่แข่งอย่าง Hyundai Kona และรถ Mini
Volvo EX30 จะถูกสร้างขึ้นบนพแลทฟอร์มโมดูลาร์ Sustainable Experience Architecture (SEA) ของ Geely ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ทำให้น่าจะมีขนาดตัวถังใกล้เคียงกับ Smart 1 ที่พัฒนาโดย Geely ร่วมมือกับ Mercedes-Benz ที่สร้างขึ้นบนพแลทฟอร์มเดียวกัน
คาดว่า EX30 จะมีขุมกำลัง 2 ตัวเลือก คือ มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว RWD ให้กำลัง 268 แรงม้า และ รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ AWD ให้กำลัง 420 แรงม้า แบทเตอรีขนาด 68 kWh สามารถวิ่งได้กว่า 440กม./ชาร์จ ตามมาตรฐาน WLTP กำลังไฟชาร์จสูงสุด 150 KW อัตราชาร์จกระแสตรง DC 10-80% ใช้เวลาน้อยกว่า 30 นาที
Volvo EX30 จะมีกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มวัยรุ่น ที่ต้องการจะซื้อรถยนต์คันแรก ฉะนั้นราคาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ ดังนั้น การเปิดตัว EX30 จะช่วยให้เราขยายตลาด กลุ่มลูกค้าระดับล่าง บวกกับการดูแลคุณภาพตัวรถ การรับประกัน และบริการช่วยเหลือรถเสียฉุกเฉินที่ Care by Volvo มอบให้ จะช่วยเสริมจุดแข็งให้แบรนด์
แน่นอนว่า EX30 จะจัดเต็มเรื่องเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย Lidar ขั้นสูงพร้อมกับเซนเซอร์อัตราโซนิก 16 ตัว กล้อง 8 ตัว เรดาร์ 5 ตัว ในการตรวจสภาพแวดล้อม รวมถึงตรวจจับคนเดินทางเท้าได้ในระยะไกลสูงสุดถึง 250 เมตร แม้กระทั่งในเวลากลางคืนในช่วงความเร็ว 120 กม./ชม. ระบบทั้งหมดจะประมวลผลสร้างภาพมุมมอง 360 องศาแบบเรียลไทม์ จะช่วยลดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ถึง 20 เปอร์เซนต์
ยังมาพร้อมกับระบบ Driver Understanding system ที่จะคอยตรวจสอบพฤติกรรมการขับขี่ของผู้ขับขี่ และการตอบสนองต่อสัญญาณต่างๆ ทั้งป้ายจราจร และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด ผ่านทางกล้อง หากระบบตรวจจับ ความผิดปกติ ว่าผู้ขับขี่อยู่ในสภาวะที่ไม่พร้อม ระบบจะเริ่มต้นด้วยสัญญาณเตือน และเพิ่มระดับเสียงตามความความรุนแรงของสถานการณ์ หากคนขับไม่ตอบสนอง ระบบจะเปิดใช้งานไฟฉุกเฉิน และหยุดรถข้างทางอย่างปลอดภัย                    
บทความแนะนำ

