Advertorial
Carbon Neutrality Mobility Event
4 บริษัทภาคี Commercial Japan Partnership Technologies Corporation หรือ CJPT ประกอบด้วย Isuzu Motors Limited, Toyota Motor Corporation, Suzuki Motor Corporation, และ Daihatsu Motor Co., Ltd. ร่วมกับ Hino Motors, Ltd. จัดกิจกรรมทดสอบสมรรถนะรถยนต์ ภายใต้ความร่วมมือของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมแนะนำรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายให้แก่ผู้ร่วมงาน ซึ่งประกอบด้วย หน่วยงานภาครัฐ สื่อมวลชน กลุ่มลูกค้ารายใหญ่ประเภทองค์กร และบริษัทคู่ค้า
Commercial Japan Partnership Technologies Corporation หรือ CJPT ก่อตั้งในเดือนเมษายน 2564 มีวัตถุประสงค์เพื่อเร่งการใช้เทคโนโลยีภายใต้แนวคิด CASE (Connected, Autonomous, Shared, Electric) อย่างแพร่หลายในวงกว้าง เพื่อมุ่งลดปัญหาที่พบในระบบขนส่ง ตลอดจนบรรลุสังคมที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยหลังจากที่ได้มีการประกาศความร่วมมือกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เมื่อเดือนธันวาคม ปีที่ผ่านมา CJPT กำหนดเป้าหมายในการมุ่งขยายพันธมิตรภายในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งรวมไปถึงการจัดการด้านพลังงาน (Energy Solution) ทางเลือกด้านการขับเคลื่อน (Mobility Solution) เช่น การจัดสรรยานพาหนะตามเป้าหมายการใช้งานอย่างเหมาะสม และการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบลอจิสติคส์ รวมไปถึงการบริการจัดการด้านข้อมูล (Data Solution) โดยผสานจุดแข็งของแต่ละบริษัทเข้าไว้ด้วยกัน
บนเส้นทางเพื่อบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน ลูกค้าอาจมองหารถที่มีระบบส่งกำลังแตกต่างกันไป โดยขึ้นอยู่กับแหล่งพลังงาน และการใช้งานของลูกค้าในแต่ละประเทศหรือภูมิภาค โดยมีตัวเลือกต่างๆ ที่หลากหลาย เช่น รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด รถยนต์ไฟฟ้าแบทเตอรี และรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง เป็นต้น ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่สำคัญในการนำเสนอทางเลือกด้านการขับเคลื่อนที่เหมาะสมที่สุด โดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อมในภูมิภาค และความสามารถ ในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า ทั้งนี้ โครงการ CJPT มุ่งหวังให้งานทดลองสมรรถนะรถยนต์ในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการขยายความร่วมมือกับพันธมิตรให้มากยิ่งขึ้น พร้อมช่วยเสริมความแข็งแกร่งในการเร่งบรรลุเป้าหมายของโครงการ CJPT ด้านความเป็นกลางทางคาร์บอนในประเทศไทย
ฮิโรกิ นากาชิมา ประธาน Commercial Japan Partnership Technologies Corporation เปิดเผยว่า "เรามุ่งมั่นที่จะตอบแทนสังคมด้วยการร่วมเดินหน้าพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนในเอเชีย ผ่านการนำเสนอรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงต่ำ และให้ประสิทธิภาพสูง ได้แก่ รถยนต์ไฟฟ้าแบทเตอรี รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง โดยเราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้รับฟังความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์ทดลองขับรถยนต์เหล่านี้ และพิจารณาวิธีการที่เหมาะสมในการประสานความร่วมมือกัน เพื่อมุ่งบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนต่อไป"
สำหรับโครงการ CJPT ที่เริ่มปักหมุดก้าวแรกจากประเทศไทยนั้น มีแผนจะเร่งเดินหน้าขยายการใช้เทคโนโลยีในการลดคาร์บอนสู่ตลาดในภูมิภาคเอเชีย โดยบูรณาการองค์ความรู้ ความร่วมมือ กับบรรดาผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่มีวิสัยทัศน์ดียวกัน เพื่อนำไปสู่การยกระดับชีวิตผู้คนในภูมิภาคเอเชียในท้ายที่สุด
ยานยนต์รุ่นหลักที่จัดแสดงภายในงาน
Toyota Sora
รถบัสพลังไฮโดรเจน ปรากฏตัวในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคที่โตเกียว แต่ Sora Bus ได้รับการวิจัย และพัฒนามาระยะหนึ่งแล้ว รถบัสขนาดใหญ่ยาว 10 เมตรคันนี้ ใช้ระบบขับเคลื่อนเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน FCEV ซึ่งเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง ถังเชื้อเพลิงไฮโดรเจน 20 กก. มีระยะทาง 200 กม. และสามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 79 คน
Toyota พัฒนารถต้นแบบ Sora จากวิสัยทัศน์ที่ต้องการสร้าง “สัญลักษณ์เมืองที่ยั่งยืน” จากความคิดหลัก 2 ประการ คือ การใช้ลักษณะเฉพาะของเครื่องยนต์เซลล์เชื้อเพลิงให้เกิดประโยชน์สูงสุด และการเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้โดยสารที่ใช้รถประจำทาง
การออกแบบ เน้นการดีไซจ์นแบบ 3 มิติ ที่แตกต่างจากทรงหกเหลี่ยม (ทรงกล่อง) แบบรถประจำทางทั่วไป ไฟหน้า และไฟท้ายใช้หลอดไฟ LED ด้วยดีไซจ์นเฉพาะตัวนี้ ผู้ใช้บริการทราบได้ทันทีว่า นี่คือรถประจำทางพลังงานเซลล์เชื้อเพลิง FC Bus
มิติตัวรถ ยาว/กว้าง/สูง 10,525/2,490/3,350 มม. จุคนได้ถึง 79 คน (นั่ง 22+ยืน 56+คนขับ 1) เซลล์เชื้อเพลิง FC stack ชนิด Solid Polymer Electrolyte กระแสไฟฟ้าสูงสุด 155 แรงม้า 2 ชุด มอเตอร์ชนิด AC synchronous กำลังสูงสุด 154 แรงม้า 2 ชุด แรงบิด 34.2 กก.-ม. ทั้ง 2 ชุด ไฮโดรเจนความดันสูง (High-pressure hydrogen tank) 10 ถัง รวม 600 ลิตร แบทเตอรีขับเคลื่อนชนิด Nickel-metal hydride
แนวคิดที่จะสร้างรถสำหรับให้บริการ เพื่อทุกคนในชุมชน
เนื่องจากรถประจำทางรุ่นนี้ พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับผู้โดยสารจำนวนมากได้ในทุกสถานการณ์ Toyota ได้ใส่ใจด้านความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และอุ่นใจ เพื่อให้ผู้โดยสารทุกคนได้รับประสบการณ์การเดินทางที่น่าพอใจ และรู้สึกว่าต้องการใช้บริการรถประจำทางอยู่เสมอ

ที่นั่งแนวนอนพร้อมกลไกพับเก็บอัตโนมัติช่วยเพิ่มความสะดวก
รถประจำทางติดตั้งที่นั่งแนวนอนพร้อมกลไกพับเก็บอัตโนมัติ เพื่อให้มีพื้นที่สำหรับรถเข็นเด็ก หรือรถวีลแชร์ และเมื่อไม่มีรถเข็นเด็ก หรือรถวีลแชร์ ก็จะเป็นการเพิ่มจำนวนที่นั่งให้แก่ผู้โดยสาร
Toyota มีเป้าหมายผลิตรถประจำทางที่มีประโยชน์ต่อโลก และผู้คน มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสามารถทำประโยชน์ให้แก่ชุมชนได้มากกว่าบริการเพื่อการเดินทาง
ระบบพลังงานเซลล์เชื้อเพลิง Toyota Fuel Cell System-TFCS ซึ่งใช้ในรถพลังงานเซลล์เชื้อเพลิง “Mirai” ถูกนำมาใช้ในรถรุ่นนี้ เพื่อประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อมระดับสูง กล่าวคือ ในขณะที่รถวิ่งจะไม่มีการปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์ หรือสารที่มีผลกระทบต่อร่างกายมนุษย์ (Substance of Concern-SoC)
Sora ติดตั้งสุดยอดระบบจ่ายพลังงานภายนอกที่สามารถจ่ายไฟฟ้ากำลังการผลิตสูง (ผลิตไฟฟ้าสูงสุด 9 กิโลวัตต์ และจ่ายกระแสไฟฟ้า 235 กิโลวัตต์ชั่วโมง) ทั้งยังสามารถใช้เป็นแหล่งพลังงานฉุกเฉินได้ในกรณีเกิดภัยพิบัติ
เพิ่มความปลอดภัยด้วยฟังค์ชันตรวจสอบรอบรถ (Bus Peripheral Monitoring) (ครั้งแรกในญี่ปุ่น) กล้องวงจรปิดความละเอียดสูง 8 ตัว ติดตั้งทั้งด้านใน และด้านนอกรถ ทำหน้าที่ตรวจจับภาพคนเดินเท้า และจักรยานรอบรถ เป็นฟังค์ชันตรวจสอบรอบนอกที่ช่วยเตือนคนขับด้วยเสียง และภาพ เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
เพิ่มความปลอดภัยด้วยฟังค์ชันควบคุมการเร่ง (Acceleration Control Function) (ครั้งแรกในญี่ปุ่น) เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารที่ยืนอยู่ ฟังค์ชันควบคุมการเร่งจะทำให้ไม่เกิดการเร่งรถด้วยความเร็วฉับพลัน และทำให้ออกรถได้อย่างนุ่มนวล รวมทั้งผู้โดยสารจะไม่เกิดอาการเซ เนื่องจากรถไม่มีการเปลี่ยนเกียร์
เพิ่มความง่ายในการขึ้น/ลงรถด้วยระบบควบคุมการจอดอัตโนมัติ (Automatic Arrival Control) (ครั้งแรกในญี่ปุ่น) ระบบควบคุมการจอดอัตโนมัติจะจับเส้นนำทางบนพื้นถนน และใช้ระบบควบคุม และชะลอความเร็วอัตโนมัติ เพื่อหยุดรถประจำทางให้อยู่ห่างจากป้ายรถประจำทางประมาณ 3-6 ซม. และภายในระยะ 10 ซม. ก่อนหรือหลังจุดหยุดรถ ช่วยอำนวยความสะดวกในการขึ้น/ลงของผู้โดยสารที่มีรถเข็นเด็ก และรถวีลแชร์
เพิ่มความสะดวกสบายด้วย ITS Connect เพิ่มประสิทธิภาพในการเดินทาง ความเร็ว ความแม่นยำ และความสะดวกสบาย ด้วยระบบ ITS Connect ที่เชื่อมการสื่อสารระหว่างรถกับรถ (vehicle-to-vehicle) และรถกับโครงสร้างพื้นฐาน (vehicle-to-infrastructure) เพื่อให้ขับขี่ได้อย่างปลอดภัย พร้อมสนับสนุนรถประจำทางให้สามารถวิ่งเป็นขบวน และช่วยให้ได้สิทธิ์ก่อนเมื่ออยู่ที่สัญญาณไฟจราจร (PTPS5)
Hino FCEV Heavy Duty Truck
Toyota Motor Corporation (Toyota) และ Hino Motors, Ltd. (Hino) ได้ตกลงที่จะร่วมกันพัฒนารถบรรทุกเซลล์เชื้อเพลิงสำหรับงานหนัก และจะดำเนินการตามความคิดริเริ่มสู่การใช้งานจริงผ่านการทดสอบยืนยันและวิธีการอื่นๆ
Hino FCEV Heavy Duty Truck ใช้โมเดล Hino Profia FR1AWHG มิติตัวรถ ยาว/กว้าง/สูง 11,985/2,490/3,780 มม. ระยะฐานล้อ 6,000 มม. บรรจุถังไฮโดรเจนความดันสูง ความจุขนาดใหญ่ (70MPa) ความจุ 50 กก. พิสัยไกลถึง 600 กม. น้ำหนักบรรทุก 11 ตัน น้ำหนักรวม 25 ตัน สร้างพลังงานโดย Toyota FC Stack (Polymer electrolyte fuel cell) แบทเตอรี Lithium ion ขับเคลื่อนด้วย Motor Type AC synchronous ระบบขับเคลื่อน 6×4 กำลังขับสูงสุด 262 กิโลวัตต์
Hino FCEV Heavy Duty Truck ใช้ระบบขับเคลื่อนเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ขับทั้ง 8 ล้อที่ด้านหลัง (2 เพลาขับ) ถังเชื้อเพลิงไฮโดรเจน (70MPa) ความจุ 50 กก. พิสัยไกลถึง 600 กม. น้ำหนักบรรทุก 11 ตัน
Toyota และ Hino มุ่งมั่นที่จะดำเนินการเชิงรุกเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมโลกโดยเป็นหนึ่งในภารกิจที่สำคัญที่สุดขององค์กร ทั้ง 2 บริษัทได้ประกาศเป้าหมายในการลดการปล่อย CO2 ภายในปี 2050 และกำลังพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการใช้งานอย่างแพร่หลาย เพื่อให้บรรลุการลดการปล่อย CO2 ต่อไป จะต้องมีการปรับปรุงที่สำคัญในด้านประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อมของรถบรรทุกขนาดใหญ่ ซึ่งคิดเป็นประมาณร้อยละ 60 ของการปล่อย CO2 ทั้งหมดจากยานพาหนะเพื่อการพาณิชย์ในญี่ปุ่น
สำหรับการใช้พลังงานไฟฟ้าของรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ จะต้องใช้ระบบส่งกำลังที่เหมาะสม เพื่อให้แน่ใจว่ามีทั้งประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อมที่โดดเด่น และการใช้งานจริงที่เหมาะสมในฐานะรถยนต์เพื่อธุรกิจในแง่ของระยะการแล่น ความสามารถในการบรรทุก และด้านอื่นๆ ขึ้นอยู่กับการใช้งาน โดยทั่วไปแล้วรถบรรทุกสำหรับงานหนักจะใช้สำหรับการขนส่งบนทางหลวง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีระยะการแล่น และความสามารถในการบรรทุกที่เพียงพอ รวมทั้งความสามารถในการเติมเชื้อเพลิงที่รวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ รถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงที่ใช้ไฮโดรเจนซึ่งมีความหนาแน่นของพลังงานสูงกว่าจึงถือว่ามีประสิทธิภาพ
รถบรรทุกเซลล์เชื้อเพลิงสำหรับงานหนักในโครงการพัฒนาร่วมกันนี้ มีพื้นฐานมาจาก Hino Profia และกำลังได้รับการพัฒนาโดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ Toyota และ Hino พัฒนามาเป็นเวลาหลายปีให้เกิดประโยชน์สูงสุด แชสซีส์ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ พร้อมบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิง และดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ ผ่านการลดน้ำหนักที่ครอบคลุม เพื่อให้แน่ใจว่ามีความจุในการบรรทุกที่เพียงพอ ระบบส่งกำลังติดตั้งชุดเซลล์เชื้อเพลิงของ Toyota 2 ชุด ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่สำหรับ Mirai รุ่นใหม่ของ Toyota และรวมถึงการควบคุมการขับขี่รถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีรถยนต์ไฮบริดที่ใช้งานหนัก ซึ่งพัฒนาโดย Hino นอกจากนี้ ระยะการแล่นจะถูกกำหนดไว้ที่ประมาณ 600 กม. โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ได้มาตรฐานระดับสูง ทั้งในประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อม และการใช้งานจริงในฐานะรถยนต์เพื่อการพาณิชย์
Toyota และ Hino วางตำแหน่งให้ไฮโดรเจนเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญสำหรับอนาคต และได้ทำงานร่วมกันในการพัฒนาเทคโนโลยี และเผยแพร่ และสร้างสรรค์รถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงมากว่า 15 ปี นับตั้งแต่การสาธิตการทดลองรถบัสเซลล์เชื้อเพลิงร่วมกันในปี 2546 ต่อจากนี้ไป Toyota และ Hino จะเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และเร่งความพยายามในการทำให้สังคมไฮโดรเจนเป็นจริง
Isuzu & Toyota FCEV Light Duty Truck
Isuzu & Toyota FCEV รถบรรทุกขนาดเล็กระบบเซลล์เชื้อเพลิง เชื้อเพลิงไฮโดรเจนอัด (70MPa) ถังไฮโดรเจนแรงดันสูง 10 กก. ระยะทำการมากกว่า 200 กม. ขนาดยาว/กว้าง/สูง 6,700/2,200/3,100 มม. ระยะฐานล้อ 3,395 มม. น้ำหนักบรรทุก 2,950 กก. น้ำหนักรวม 7,490 กก. ขับเคลื่อนล้อหลัง กำลังขับสูงสุด 48 กิโลวัตต์
Isuzu Motors Limited (Isuzu), Toyota Motor Corporation (Toyota), Hino Motors, Ltd. (Hino) และ Commercial Japan Partnership Technologies Corporation (CJPT) ประกาศว่าพวกเขาจะร่วมกันวางแผน และพัฒนารถบรรทุกไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงเบา (FC) สำหรับตลาดมวลชน ความคิดริเริ่มร่วมกันนี้ คาดว่าจะนำไปสู่การสร้างสังคมไฮโดรเจนให้เป็นจริง เช่นเดียวกับความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยการขยายตัวเลือกที่มีให้สำหรับการใช้งานของลูกค้า และเพิ่มความต้องการไฮโดรเจน ทั้ง 2 บริษัทจะส่งเสริมการแนะนำรถบรรทุกไฟฟ้า FC สู่ตลาด พร้อมกับการใช้งานอย่างแพร่หลาย
บนเส้นทางสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน มีตัวเลือกระบบส่งกำลังมากมายที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมถึง HEV, BEV และ FCEV โดยขึ้นอยู่กับสภาพพลังงานในประเทศ และภูมิภาคต่างๆ และวิธีที่ลูกค้าใช้ยานพาหนะของตน
รถบรรทุกขนาดเล็กมักใช้เพื่อจำหน่ายในซูเพอร์มาร์เกท และร้านสะดวกซื้อ ที่รองรับชีวิตประจำวันของผู้คน นอกเหนือจากการติดตั้งฟังค์ชันทำความเย็น และการแช่แข็งแล้ว ยังจำเป็นต้องขับรถเป็นระยะทางไกลเป็นเวลาหลายชั่วโมง เพื่อดำเนินการจัดส่งหลายครั้งใน 1 วัน นอกจากนี้ ยังต้องเป็นไปตามข้อกำหนดต่างๆ เช่น ความสามารถในการเติมเชื้อเพลิงอย่างรวดเร็ว
การใช้เทคโนโลยี FC ซึ่งทำงานบนไฮโดรเจนความหนาแน่นพลังงานสูง และไม่มีการปล่อย CO2 ขณะขับขี่ ถือว่ามีประสิทธิภาพภายใต้สภาวะการทำงานดังกล่าว
CJPT จะรับผิดชอบในการวางแผนรถบรรทุกไฟฟ้า FC สำหรับงานเบาที่พัฒนาร่วมกันในตลาดมวลชน บริษัททั้ง 4 แห่งจะระดมความรู้ที่รวมกันของพวกเขา-เทคโนโลยีรถบรรทุกที่ Isuzu และ Hino สั่งสมมานานหลายปี เช่นเดียวกับเทคโนโลยี FC ของ Toyota-เพื่อแสวงหาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองสมรรถนะ และเงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับรถบรรทุกขนาดเล็ก จะเปิดตัวสู่ตลาดหลังเดือนมกราคม 2566 และใช้งานโดยพันธมิตร ณ สถานที่จัดจำหน่ายจริงในจังหวัดฟุกุชิมะ และโครงการดำเนินการทางสังคมของโตเกียว
ด้วยวิธีนี้ บริษัททั้งสองจะส่งเสริมความคิดริเริ่มที่ยั่งยืน และใช้งานได้จริง ไปสู่การใช้รถบรรทุกไฟฟ้า FC ขนาดเล็ก และไฮโดรเจนอย่างแพร่หลาย ในขณะเดียวกันก็ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในระดับสูง
Toyota Granace FCEV
Toyota Granace FCEV ระบบเซลล์เชื้อเพลิงเพาเวอร์ยูนิท เชื้อเพลิงไฮโดรเจนอัด (70MPa) ติดตั้งถังเชื้อเพลิงแบบไฮโดรเจนแรงดันสูง 5 กก. ระยะทำการมากกว่า 400 กม. ขนาดยาว/กว้าง/สูง 5,300/1,970/1,990 มม. ระยะฐานล้อ 3,210 มม. ความจุผู้โดยสาร 12 คน รถตู้ประเภท 1 ตัน น้ำหนักรวมรถตู้ 3.5 ตัน ขับเคลื่อนล้อหลัง กำลังขับสูงสุด 48.0 กิโลวัตต์
Toyota Hilux Revo BEV Concept
Toyota Hilux BEV Concept แสดงถึงทิศทางในอนาคตของรถกระบะยอดนิยมของ Toyota ขนาดยาว/กว้าง/สูง 5,265/1,800/1,815 มม. ระยะฐานล้อ 3,085 มม เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) ถูกแทนที่ด้วยระบบส่งกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าแบบใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบทเตอรี 100 % ดูได้จากกระจังหน้าแบบปิด และช่องชาร์จที่บังโคลนหน้าซ้ายของมอเตอร์ตัวเดียว ขับหลัง ชาร์จเต็ม 1 ครั้ง วิ่งได้ประมาณ 400-450 กม.
Toyota LPG-HEV Taxi Concept
แนวคิดรถแทกซี Toyota LPG-HEV จาก Tokyo Taxi แปลงร่างเป็นรถแทกซีสาธารณะในไทย Thai Taxi เครื่องยนต์ระบบไฮบริด รหัส 1NZ FXP ที่ใช้ระบบแกส LPG แทนเบนซิน ระบบไฮบริด LPG (ความจุ 1.496 ลิตร) ขับเคลื่อนล้อหน้า กำลังขับสูงสุด 26.0 กิโลวัตต์ พร้อมถัง LPG ขนาด 52 ลิตร ขนาดยาว/กว้าง/สูง 4,400/1,695/1,750 มม. ระยะฐานล้อ 2,750มม. น้ำหนักบรรทุก 2 คน+165 กก. น้ำหนักรวม 1,685 กก. ห้องโดยสารกว้างขวาง ประตูไฟฟ้า เข้า/ออกง่าย พื้นที่เก็บสัมภาระมากกว่ารถแทกซีทุกประเภทในประเทศไทย เติมน้ำมันเต็มถังวิ่งได้ 400 กม.
Suzuki Every Small Van
Daihatsu Hijet Small Van
Daihatsu Hijet, Suzuki Every รถตู้ขนาดเล็ก 2 พี่น้อง ขนาดตัวยาว/กว้าง/สูง 3,395/1,475/1,890 มม. (Daihatsu Hijet) 1,895 มม. (Suzuki Every) ฐานล้อ 2,450 มม. (Daihatsu Hijet) 2,430 มม. (Suzuki Every) เครื่องยนต์สันดาปภายใน ICE ขนาดความจุ 0.658 ลิตร กำลัง 39 กิโลวัตต์ (Daihatsu Hijet) 36 กิโลวัตต์ (Suzuki Every) เชื้อเพลิง น้ำมันเบนซินธรรมดาไร้สารตะกั่ว ถังน้ำมัน 38 ลิตร (Daihatsu Hijet) 37 ลิตร (Suzuki Every) ระยะทำการมากกว่า 500 กม. น้ำหนักบรรทุก 350 กก. (สำหรับ 2 คน)/250 กก. (สำหรับ 4 คน)
Toyota e-Palette
Toyota e-Palette เป็นรถยนต์แนวคิดที่มีมานานหลายปี และนำเสนออย่างต่อเนื่องในการสาธิตพลังงานสะอาด e-Palette เป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาด ยาว/กว้าง/สูง 5,255/2,065/2,760 มม.
ระยะฐานล้อ 4,000 มม. รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 20 คน ขับเคลื่อนล้อหลัง แบทเตอรีรองรับระยะทาง (ในเมือง) 150 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ความสามารถของมัน คือ ระบบอัตโนมัติ และระบบเครื่องกลไฟฟ้า ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางในเมือง















ABOUT THE AUTHOR

Thanasan Saowamol
ลุงหนึ่ง ฟอร์มูลา ศึกษาวิชาตำรารถมานานกว่า 30 ปี ผ่านร้อนหนาว ตั้งแต่ ยุคเครื่องยนต์ มาถึงยุคมอเตอร์ จะว่าเวอร์ ก็เจอมาหมด
คอลัมน์ Online : Advertorial