สารคดี/บทความ/รายงาน/กิจกรรม
Skill Driving Experience ขับเป็น...ขับปลอดภัย กับ สื่อสากล : วันที่ 26 มีนาคม 2565

เริ่มต้นกับการอบรมภาคทฤษฎีที่มีความจำเป็นสำหรับผู้ใช้รถทุกคน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของระบบขับเคลื่อน ล้วนมีผลต่อการตอบสนองขณะขับขี่ ถัดมา คือ ขั้นตอนการปรับตำแหน่งเบาะนั่งให้เหมาะสมกับการขับขี่ รวมถึงวิธีการจับพวงมาลัยในตำแหน่งที่ถูกต้อง และการหักเลี้ยวพวงมาลัยเพื่อการควบคุมรถให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุอย่างได้ผล
สถานี Emergency Braking และ Underteering
รถที่ใช้ฝึกอบรม (ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา) : Subaru Forrester , Subaru XV
หนึ่งในวิธีลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุ คือ การเบรคอย่างทันท่วงที หรือ Emergency Braking นั่นคือ การกดแป้นเบรคอย่างรวดเร็ว และหนักแน่นจนกระทั่งระบบ ABS ทำงาน นอกจากนี้ ผู้ฝึกอบรมจะได้ทำการเบรคที่ความเร็วแตกต่างกัน เพื่อรับรู้ระยะเบรคที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงความสำคัญของ Reaction Time ของผู้ขับจากการพบเจอสิ่งกีดขวาง และทำการกดแป้นเบรคลงไป แม้เป็นเวลาเพียงเสี้ยววินาที แต่ก็ใช้ระยะทางหลายเมตรแล้ว การมีสติขณะขับรถเป็นสิ่งที่ควรตระหนักให้ดี ต่อกันด้วย Understeering หรือ ที่คุ้นเคยกับคำว่าอาการ “แหกโค้ง” ตัวรถจะหักเลี้ยวน้อยกว่าที่ต้องการ จากการใช้ความเร็วสูงเกินระดับที่ล้อคู่หน้าจะยึดเกาะถนนได้ ตามปกติความเคยชินของผู้ขับบางคนจะพยายามหักเลี้ยวมากขึ้น แต่ความจริงแล้ว อาการ Understeering จะยิ่งเกิดมากขึ้นแทน การแก้ไข คือ รีบลดความเร็วลงมาด้วยการยกคันเร่ง หรือทำการเบรคเบาๆ (ป้องกันรถไม่ให้เกิดอาการสะบัดในโค้ง) จนกระทั่งล้อคู่หน้ามีการยึดเกาะถนนอีกครั้ง สามารถควบคุมทิศทางได้ตามต้องการ อาการของตัวรถลักษณะนี้มักเจอได้บ่อยกว่ารูปแบบอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า ล้อหลัง หรือ 4 ล้อก็ตาม
สถานี Emergency Lane Changing และ Elk Test
รถที่ใช้ฝึกอบรม : Mercedes-Benz A200 (ขับเคลื่อนล้อหน้า) , Mercedes-Benz C220D (ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง)
Emergency Lane Changing คือ การฝึกวิธีการหลบหลีกสิ่งกีดขวางข้างหน้าในระยะกระชั้นชิดด้วยการหักเลี้ยวอย่างรวดเร็ว ดังนี้แล้ว ตำแหน่งเบาะนั่งที่เหมาะสม ตลอดจนการจับพวงมาลัยที่ถูกต้อง มีความจำเป็นมาก แม้ช่องว่างของการหักเลี้ยวรถจะค่อนข้างแคบ แต่ผู้ฝึกอบรมสามารถแล่นผ่านไปได้ แม้ใช้ความเร็วค่อนข้างมาก (40-60 กม./ชม.) เป็นอีกหนึ่งทักษะการขับขี่ที่มีประโยชน์ไม่น้อย ต่อด้วย Elk Test หรือการหลบหลีกสิ่งกีดขวางบนถนนในระยะกระชั้นชิด (เช่น สัตว์ใหญ่ หรือ วัตถุขนาดใหญ่) เป็นการหักเลี้ยว 2 ครั้งต่อเนื่องกัน สลับซ้าย/ขวา จำลองสถานการณ์การหลบสิ่งกีดขวาง และหักเลี้ยวกลับมายังเลนเดิมสำหรับถนนที่เป็นเลนสวนทาง การควบคุมพวงมาลัย และสายตาที่มองไปยังจุดปลอดภัยแต่ละตำแหน่ง ช่วยให้ผู้ขับหลบสิ่งกีดขวางได้ทันท่วงที และหักเลี้ยวต่อเนื่องได้อย่างมั่นคง
สถานี Oversteering
รถที่ใช้ฝึกอบรม (ขับเคลื่อนล้อหลัง): BMW 530e M Sport
การฝึกอบรมสถานี Oversteering จำลองสถานการณ์รถยนต์เกิดอาการ “ท้ายปัด” หรือหมุนในทางโค้ง จากการสูญเสียการยึดเกาะถนนของล้อคู่หลังขณะเข้าโค้ง การแก้ไขสถานการณ์ต้องอาศัยการหักเลี้ยวไปในทิศทางตรงกันข้าม (Counter Steering) ที่ทันท่วงที ผนวกกับการชะลอความเร็วโดยการยกคันเร่ง ทันที่รถออกอาการท้ายปัดบนพื้นผิวเปียกน้ำของสถานีนี้ ผู้เข้าร่วมการฝึกอบรมจะได้สัมผัสการหมุนของตัวรถด้วยตนเอง รวมถึงการฝึกจับอาการท้ายปัด และแก้ไขอย่างทันท่วงที
ขอขอบคุณผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการ ดังต่อไปนี้
1. บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด
2. บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด
3. บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด
4. บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)
5. กลุ่มบริษัท ดีสโตน
6. บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด
รวมถึงผู้เอื้อเฟื้อสถานที่สำหรับการฝึกสอน Skill Driving Experience: ขับเป็น...ขับปลอดภัย กับ สื่อสากล ณ สนามแข่งรถปทุมธานีสปีดเวย์
ชมภาพกิจกรรมของแต่ละคอร์สได้ที่ Facebook: Skill Driving Experience ขับเป็น...ขับปลอดภัย กับ สื่อสากล www.facebook.com/SkillDriving
ติดตามรายละเอียดของกิจกรรมได้ที่นี่ www.skilldriving.imc.co.th
รายละเอียดของคอร์สที่ฝึกสอนในเดือนถัดไป ดูได้ที่นี่ https://skilldriving.imc.co.th/course/ 

