ระเบียงรถใหม่
BMW X7 LCI 2023 มาพร้อมพลัง Mild-Hybrid

BMW X7 ถูกสร้างขึ้นบนพแลทฟอร์ม BMW CLAR เดียวกันกับ X5 แต่ X7 ถูกขยายขนาดตัวถังให้ใหญ่ขึ้น เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ และที่นั่งแถวที่ 3 ที่มีขนาดใหญ่พอสำหรับผู้โดยสารที่เป็นผู้ใหญ่
มิติตัวถัง BMW X7
ยาว 5,151 มม.
กว้าง 2,000 มม.
สูง 1,805 มม.
ระยะฐานล้อ 3,105 มม.
เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นน้องที่ใช้พแลทฟอร์มร่วมกัน BMW X5 มีขนาดความยาว 4,922 มม. กว้าง 2,004 มม. สูง 1,745 มม. และระยะฐานล้อ 2,975 มม.
แต่มีขนาดเล็กกว่าคู่แข่งอย่าง Mercedes-Benz GLS-Class ที่ยาว 5,207 มม. กว้าง 1,956 มม. สูง 1,823 มม. และระยะฐานล้อ 3,135 มม.
ดีไซจ์นภายนอก มีการปรับเปลี่ยนชุดไฟหน้าใหม่แบบแยก 2 ชั้น โดยชั้นบนสุดเป็นไฟ LED Daylight ดีไซจ์นล้ำสมัย พร้อมไฟเลี้ยว ส่วนไฟหน้าจริงๆ จะอยู่ด้านล่างเป็น Adaptive Matrix LED ที่ให้แสงสองสว่างที่ไกลขึ้น เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่เวลากลางคืน
กระจังหน้ามีการปรับเปลี่ยนดีไซจ์นเล็กน้อย ซึ่งยังคงเอกลักษณ์กระจังหน้าแบบไตคู่ไว้เช่นเดิม ตัวรถด้านหน้าดูสวยงามลงตัวมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีออพชันเสริมไฟส่องด้านในกระจังหน้าเพิ่มความหรูหราด้วย
ส่วนท้ายก็มีการปรับดีไซจ์นไฟท้าย LED ใหม่ ทำให้ดูสปอร์ทโฉบเฉี่ยวทันสมัยมากยิ่งขึ้น ล้ออัลลอยลายใหม่มีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 21 นิ้ว พร้อมยาง 285/45 R21 ขนาด 22 นิ้ว พร้อมยาง 275/40 R22 สำหรับล้อหน้า และ 315/35 R22 สำหรับล้อหลัง และยังมีออพชันพิเศษให้เลือกสั่งล้ออัลลอยดีไซจ์นใหม่ขนาดใหญ่ถึง 23 นิ้ว พร้อมยาง 275/35 R23 สำหรับล้อหน้า และ 315/30 R23 สำหรับล้อหลัง
อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของรุ่นปรับโฉมนี้ คือ ภายในที่ปรับเปลี่ยนแผงคอนโซลหน้าใหม่ ให้ดูสวยงามล้ำสมัยมากขึ้น ดีไซจ์นจอลอยตัวขนาดใหญ่ ที่รวมเอาจอมาตรวัด และหน้าจอกลาง ที่ควบคุมระบบอินโฟเทนเมนท์เป็นจอเดียวต่อเนื่องกัน โดยมาตรวัดดิจิทอลขนาด 12.3 นิ้ว และจอสัมผัส 14.9 นิ้ว โดยจอชุดนี้ BMW เรียกว่า BMW Curved Display พร้อมระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8 หรือ iDrive 8 ที่ควบคุม รองรับการทำงานการเชื่อมต่อที่ง่าย และรวดเร็วขึ้นกว่ารุ่นเดิม
ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุที่ให้ความหรูหรามากยิ่งขึ้น ช่องแอร์ดีไซจ์นใหม่ ลดปุ่มการใช้งาน เพื่อให้คอนโซลดูเรียบหรูขึ้น คันเกียร์ถูกเปลี่ยนเป็นแบบที่บิด พร้อมไฟ Ambient Light ใหม่ เบาะนั่งหนังแท้ใหม่ Merino แบบ 3 ตอน มีให้เลือก จะเป็น 6 หรือ 7 ที่นั่ง พร้อมหลังคาแบบ Panorama glass roof sky Lounge
สำหรับขุมพลังของ BMW X7 นั้นจะมีให้เลือก 3 แบบ โดยจะมาพร้อมกับระบบ 48V Mild-Hybrid ในทุกรุ่นย่อย
BMW X7 xDrive 40i เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียง ขนาดความจุ 3.0 ลิตร ให้กำลัง 380 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 55.1 กก.-ม. (540 นิวตัน-เมตร) ให้อัตราเร่งจาก 0-96 กม./ชม. ใน 5.6 วินาที
BMW X7 xDrive40d เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ ความจุ 3.0 ลิตร ให้กำลังแรงม้า 352 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 73.4 กก.-ม. (720 นิวตัน-เมตร) เร่งความเร็วจาก 0-96 กม./ชม. ในเวลา 6.1 วินาที
BMW X7 M60i เครื่องยนต์ตัวแรง เบนซิน V8 4.4 ลิตร ทวินเทอร์โบ ที่ได้รับการอัพเกรดชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ไปจนถึงท่อไอเสียใหม่ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 48 โวลท์ และระบบขับเคลื่อน Mild-Hybrid ให้พละกำลังสูงถึง 530 แรงม้า แรงบิด 76.5 กก.-ม. (750 นิวตันเมตร) ให้อัตราเร่งจาก 0-96 กม./ชม. ใน 4.5 วินาที
ทุกรุ่นมาพร้อมเทคโนโลยี Mild Hybrid ขนาด 48 โวลท์ ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ จะใช้การทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังไฟขนาด 48 โวลท์ มาช่วย เสริมพละกำลังเครื่องยนต์ในช่วงออกตัว และจังหวะเร่งแซง ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ Sport Steptronic 8 จังหวะ ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม ที่สามารถเพิ่มความสูงของตัวรถได้สูงสุดถึง 40 มม. สำหรับโหมดขับขี่ Off-Road และลดความสูงใต้ท้องรถลงได้ 20 มม. เมื่อใช้ความเร็วสูง โหมดขับขี่ Off-Road มีให้เลือกด้วยกัน 4 โหมด ได้แก่ xRocks, xSand, xSnow และ xGravel ลูกค้าสามารถเลือกแพคเกจ xOffroad ซึ่งแพคเกจนี้จะได้รับการติดตั้งแผ่นป้องกันใต้ท้องรถด้วย
รุ่นย่อย M60i ที่เป็นตัวถังสีน้ำเงิน ถูกเสริมสมรรถนะด้วยเหล็กกันโคลง ชอคอับ และสปริง ที่ถูกอัพเกรดขึ้น รวมถึงระบบควบคุมการทรงตัวแบบแอคทีฟ จะมาพร้อมกับฝาครอบกระจกมองข้างคาร์บอนไฟเบอร์, ชุดแต่งสีดำเงาแทนโครเมียม พร้อมโลโก M ที่กระจังหน้า, ช่องดักอากาศด้านหน้าขนาดใหญ่, ขอบโคมไฟหน้าสีดำเงา, ท่อไอเสีย 4 ท่อ, คาลิเพอร์เบรคสีน้ำเงิน, ล้ออัลลอย 22 นิ้ว ดีไซจ์นเฉพาะ เป็นต้น
ลูกค้าสามารถตกแต่งสัญลักษณ์ “BMW M 50 Years” เสริมที่ฝากระโปรงหน้า ประตูท้าย และดุมล้อ เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี BMW M Performance
BMW X7 LCI พร้อมขายทั่วโลกในเดือนสิงหาคมนี้ ส่วนเมืองไทยอาจได้พบกันช่วงปลายปี หรือต้นปี 2023 
บทความแนะนำ

