เรื่องน่ารู้
อยากซื้อรถไฟฟ้าต้องดู ! ข้อดี-ข้อเสีย ต่างจากรถน้ำมันอย่างไร ?

รถยนต์ไฟฟ้า เป็นอย่างไร ?
รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles) หรือรถ EV เป็นยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100 % แทนการใช้เครื่องยนต์ ที่มีการเผาไหม้แบบสันดาปภายใน โดยใช้พลังจากไฟฟ้าเท่านั้น หลักการ คือ รถไฟฟ้าจะเก็บพลังงานเอาไว้ในแบทเตอรี ที่สามารถชาร์จจากแหล่งภายนอกได้ และสามารถแปลงพลังงานไฟฟ้าจากแบทเตอรี ส่งมาให้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน โดยไม่ต้องมีกลไกลสลับซับซ้อนของระบบขับเคลื่อนเหมือนรถที่ใช้น้ำมัน จึงทำให้เสียงระบบขับเคลื่อนเงียบ และไม่มีกลิ่นเหม็นจากไอเสีย
ข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้า
1. ไร้มลพิษ เนื่องจากไม่มีการสันดาปเชื้อเพลิงเหมือนเครื่องยนต์ จึงไม่ก่อให้เกิดควัน หรือมลภาวะที่นำไปสู่ภาวะโลกร้อน
2. แรงตั้งแต่ออกตัว ให้แรงบิดสูงสุดตั้งแต่เริ่มเหยียบคันเร่ง ทันใจไม่ต้องรอรอบ เหมือนเครื่องยนต์สันดาปภายใน
3. ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงรักษาน้อย เพราะรถยนต์ไฟฟ้ามีชิ้นส่วนกลไกน้อยกว่า รถน้ำมันเยอะ
4. เงียบทุกสถานการณ์โดยเฉพาะขณะรถหยุด เนื่องจากใช้เพียงพลังงานไฟฟ้าจากแบทเตอรี สู่มอเตอร์เพื่อขับเคลื่อนรถเท่านั้น
5. ประหยัดค่าใช้จ่าย เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงน้ำมัน โดยเวบไซท์ driveelectric เปรียบเทียบไว้ว่า การขับรถด้วยรถยนต์ไฟฟ้ามีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเพียง 1 บาท/กม. เท่านั้น หากเทียบกับปัจจุบัน ที่ราคาน้ำมัน (แกสโซฮอล 95) 1 ลิตร เท่ากับ 38.25 บาท/ลิตร ***วิ่งในระยะได้ 15 กม./ลิตร เท่ากับว่ามีค่าใช้จ่าย 2.55 บาท/กม.
***การคำนวณตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยของรถเบนซินขนาดเล็กอย่างคร่าวๆ โดยไม่รวมปัจจัยอื่นๆ เช่น สภาพการจรจร หรือลักษณะการขับขี่ของแต่ละบุคคล
ข้อเสียของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
1. ยังไม่แพร่หลาย ราคาของรถยนต์ประเภทนี้จึงยังแพงอยู่มาก เมื่อเทียบกับรถยนต์ใช้เชื้อเพลิงทั่วไป แต่มีแนวโน้มที่ลดลง เนื่องจากรัฐบาลสนับสนุน
2. จุดชาร์จมีน้อย ยังไม่กระจายเหมือนกับปั๊มน้ำมัน แต่มีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อยๆ
3. ต้องซื้อแท่นชาร์จไฟฟ้า หรือ Wall Box Charger สำหรับติดตั้งที่บ้าน ซึ่งหากรถที่ซื้อมาไม่แถม ก็จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 15,000-100,000 บาท
4. ใช้เวลาการชาร์จไฟนาน เมื่อเทียบการเติมน้ำมัน 1 ครั้ง แต่ปัจจุบันมีสถานีเติมไฟฟ้าแบบด่วน DC ให้ใช้มากขึ้น โดยจะใช้เวลาเติมไฟจาก 0-80% ประมาณ 30-60 นาทีเท่านั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการรับกระแสไฟของตัวรถ และการจ่ายกระแสไฟ ของสถานีชาร์จด้วย
ใช้รถ EV ยังต้องคำนึงอีกหลายปัจจัย
การใช้รถไฟฟ้า ยังต้องคำนึงอีกหลายปัจจัย เพราะนอกจากจุดชาร์จไฟที่มีน้อย แถมมีระยะเวลาเติมไฟที่นานพอสมควรแล้ว การออกจากบ้านแต่ละครั้ง ยังต้องวางแผนการใช้งานก่อนเดินทางอีกด้วย สิ่งที่ต้องคำนวณ คือ ระยะทางวิ่งที่เราจะไป ว่าเพียงพอต่อระยะทางที่รถเราวิ่งได้หรือไม่ ถ้าไม่พอเราจะต้องชาร์จไฟฟ้าที่ไหน อยู่ใกล้กับเส้นทางที่เราจะวิ่งไปหรือป่าว แล้วสถานที่เติมนั้นมีหัวเติมใช่กับรถเราได้หรือไม่ มีการชาร์จด่วนแบบกระแสไฟ DC หรือไม่ แล้วเราต้องจองล่วงหน้าก่อนหรือป่าว สิ่งเหล่านี้ต้องคำนวณเสมอ หากต้องขับรถไฟฟ้าครับ
เพิ่มเติม ... รู้จักยานยนต์ไฟฟ้า รถยุคใหม่ที่คุณต้องรู้ !
เปิดอัตราภาษีรถ EV ส่งเสริมใช้รถยนต์ไฟฟ้า ภาษีถูกกว่ารถน้ำมัน


