ธุรกิจ 29 Nov 2021
Nissan ประกาศวิสัยทัศน์ Ambition 2030
โยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น-Nissan Motor (นิสสัน มอเตอร์) ประกาศวิสัยทัศน์ระยะยาว Nissan Ambition 2030 เพื่อพัฒนาศักยภาพการขับเคลื่อน เพื่อก้าวสู่อนาคต ด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และความต้องการของลูกค้า ที่ Nissan มีเป้าหมายมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง ขับเคลื่อนโลกสู่สังคมไร้มลพิษ ไร้อุบัติเหต อย่างเท่าเทียม ซึ่งวิสัยทัศน์ของ Nissan จะบูรณาการประสบการณ์การเดินทางของลูกค้าด้วยความมั่นใจ น่าตื่นเต้น และส่งเสริมการสร้างระบบนิเวศที่ชาญฉลาด (Smart Ecosystem) ที่พร้อมจะบูรณาการกับการขับเคลื่อนอัจฉริยะ
ภายในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า Nissan จะนำเสนอยานยนต์ที่น่าตื่นเต้น ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และนวัตกรรมทางเทคโนโลยีพร้อมกับขยายการดำเนินงานไปทั่วโลก โดยวิสัยทัศน์ Nissan Ambition 2030 จะทำให้ผลิตภัณฑ์ของ Nissanไม่มีการปล่อยแกสเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศสุทธิเพิ่มขึ้น (Carbon Neutral) ภายในปีงบประมาณ 2593
มาโกโตะ อูชิดะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Nissan กล่าวว่า องค์กรเอกชนมีบทบาทสำคัญในการช่วยตอบสนองความต้องการของสังคม วิสัยทัศน์ Nissan Ambition 2030 จะพาเราก้าวสู่ยุคใหม่ของการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เทคโนโลยีอัจฉริยะจะถูกนำมาใช้เพื่อลดการปล่อยแกสเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ (Carbon Footprint) และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เพราะเราต้องการเปลี่ยนให้ Nissan เป็นบริษัทที่ยั่งยืน ที่ลูกค้า และสังคมต้องการอย่างแท้จริง
เร่งการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ด้วยทางเลือก และประสบการณ์ที่หลากหลาย
ในฐานะผู้บุกเบิกรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV) Nissan ทำให้ทุกคนสามารถใช้รถยนต์ไฟฟ้าได้ และได้ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จไฟ และการบริหารจัดการพลังงาน โดยกำหนดให้การขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเป็นกลยุทธ์ระยะยาวหลักของบริษัท วิสัยทัศน์ Nissan Ambition 2030 ตั้งเป้าที่จะเร่งพัฒนาการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าในหลายๆ ผลิตภัณฑ์ พร้อมขยายการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยี ด้วยเงินลงทุน 2 ล้านล้านเยน ภายในระยะเวลา 5 ปี
ลูกค้ามีความต้องการใช้รถยนต์ที่น่าตื่นเต้น เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย Nissan จะเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอีก 23 รุ่น โดยมีรถยนต์ไฟฟ้า 15 รุ่น ภายในปีงบประมาณ 2573 และมีรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 50 % ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่จำหน่ายทั่วโลก ทั้งในแบรนด์ Nissan และ Infiniti (อินฟินิที)
ในอีก 5 ปีข้างหน้า Nissan จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า และอี-เพาเวอร์ (e-POWER) อีก 20 รุ่น ในตลาด ในการจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในตลาดสำคัญต่างๆ ภายในปีงบประมาณ 2569 ดังนี้
“Nissan ภูมิใจในความเป็นผู้บุกเบิกด้านนวัตกรรม และประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนาน รวมไปถึงบทบาทในการปฏิวัติวงการรถยนต์ไฟฟ้า EV ด้วยเป้าหมายใหม่นี้ Nissan จะเป็นผู้นำในการพาโลกมุ่งสู่รถยนต์ไฟฟ้า โดยตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยการนำเสนอยนตรกรรมที่น่าตื่นเต้น สร้างการเปิดรับต่อการใช้รถยนต์ไฟฟ้า และสร้างโลกที่สะอาดกว่าเดิม” อัชวานี กุปตา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Nissan กล่าว
เพื่อยืนยันว่าก้าวต่อไปของ Nissan ในการก้าวสู่ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าจะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม วันนี้ Nissan ได้เปิดตัวรถยนต์ต้นแบบที่จะยกระดับประสบการณ์ของลูกค้ากับเทคโนโลยีอัจฉริยะในรูปแบบใหม่ รถยนต์ต้นแบบสะท้อนถึงความน่าตื่นเต้นที่เป็นไปได้จริง ซึ่ง Nissan ต้องการจะนำเสนอให้ผ่านยานยนต์อัจฉริยะ และระบบนิเวศของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
พบกับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ต้นแบบที่น่าตื่นเต้นได้ที่เวบไซท์ของ Nissanได้ ที่นี่
ทุกคนจะสามารถเข้าถึงนวัตกรรมในการขับเคลื่อน
Nissan ต้องการให้ทุกคนได้รับความปลอดภัย พร้อมกับความตื่นเต้นจากยนตรกรรม และเพื่อทำให้เป้าหมายนี้เป็นจริง Nissan ยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน และนำเสนอเทคโนโลยีปราศจากโคบอลท์ซึ่งจะทำให้ลดต้นทุนลงถึง 65 % ภายในปีงบประมาณ 2571
Nissan ตั้งเป้าที่จะเปิดตัวรถยนต์ EV ที่ใช้ All-Solid-State Batteries (ASSB) ภายในปีงบประมาณ 2571 ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Nissan Motor นำร่องโดยโรงงานในเมืองโยโกฮามา ภายในปีงบประมาณ 2567 การเปิดตัว ASSB เป็นความสำเร็จก้าวสำคัญของ Nissan ที่ทำให้ขยายรถยนต์ไฟฟ้าให้ครอบคลุมทุกเซกเมนท์ ASSB จะเพิ่มสมรรถนะของรถยนต์ไฟฟ้าโดยจะใช้ระยะเวลาในการชาร์จไฟฟ้าเพียง 1 ใน 3 เท่านั้น ASSB จะทำให้รถยนต์ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น และครอบคลุมในทุกความต้องการของลูกค้าในทุกเซกเมนท์ Nissan คาดว่า ASSB จะทำให้ราคาของแบทเตอรีลดลงเหลือเพียง 75 เหรียญสหรัฐฯ/กิโลวัตต์ชั่วโมง ภายในปีงบประมาณ 2571 และจะลดลงเหลือ 65 เหรียญสหรัฐฯ/กิโลวัตต์ชั่วโมง เพื่อให้ต้นทุนระหว่างรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์เบนซินมีความใกล้เคียงกันมากขึ้นในอนาคต
Nissan ได้เพิ่มโอกาสในการการผลิตแบทเตอรีเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และรองรับการขยายตัวของประชากรรถยนต์ไฟฟ้า โดยร่วมมือกับพันธมิตร Nissan มีเป้าหมายที่จะเพิ่มการผลิตแบทเตอรีทั่วโลก 52 กิกะวัตต์ชั่วโมง ภายในปีงบประมาณ 2569 และเพิ่มเป็น 130 กิกะวัตต์ชั่วโมง ภายในปีงบประมาณ 2573
วิสัยทัศน์ Nissan Ambition 2030 ยังจะเพิ่มเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ รวมถึงเทคโนโลยีอัจฉริยะอื่นๆ ให้แก่ลูกค้ามากขึ้น ซึ่ง Nissan จะยังคงมองหาโอกาสรวบรวมเอาบริการทุกอย่างในด้านการขนส่งมาไว้ในพื้นที่ที่อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าได้มากที่สุดร่วมกับพันธมิตรอื่นๆ
Nissan ตั้งเป้าที่จะขยายเทคโนโลยี ProPILOT ระบบขับขี่อัตโนมัติอัจฉริยะของ Nissan และ Infiniti รวม 2.5 ล้านคัน ภายในปีงบประมาณ 2569 Nissan ยังจะพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์อัตโนมัติ (Autonomous) ต่อไป โดยมีเป้าหมายที่จะติดตั้งระบบ LIDAR รุ่นต่อไปในรถยนต์รุ่นใหม่ทุกรุ่น ภายในปีงบประมาณ 2573
และเพื่อตอบสนองรูปแบบการเดินทางที่หลากหลายในแต่ละประเทศ Nissan จะร่วมมือกับพันธมิตรที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้บริการด้านการเดินทางรูปแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในเมือง และการเดินทางที่ยั่งยืนมากขึ้นในพื้นที่ชนบท
ระบบนิเวศระดับโลกสำหรับการขับเคลื่อน และก้าวต่อไปในอนาคต
นอกจากการยกระดับเทคโนโลยีแล้ว Nissan เลือกที่จะจ้างแรงงานในท้องถิ่น และจัดหาทรัพยากรสำหรับการผลิต เพื่อเพิ่มความสามารถการแข่งขันของรถยนต์ไฟฟ้า Nissan จะขยายแแนวคิดสร้างศูนย์กลางรถยนต์ไฟฟ้าที่ แนวคิด EV36Zero ซึ่งเปิดตัวในสหราชอาณาจักรไปยังตลาดหลักอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่น จีน และสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ แนวคิด EV36Zero เป็นระบบนิเวศการผลิต และการบริการแบบบูรณาการ โดยเชื่อมโยงการขับเคลื่อน และบริหารจัดการพลังงานเข้าด้วยกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยแกสเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศสุทธิ
และเพื่อให้มั่นใจได้ว่าแบทเตอรี่ของรถยนต์นั้นจะถูกใช้เพื่อความยั่งยืน ซึ่งเป็นเรื่องที่ Nissan เล็งเห็น และให้ความสำคัญมาโดยตลอด ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในการนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น (Repurposing) และการนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycling) ที่ Nissan มีใน 4R Energy Nissan จะขยายกระบวนการการนำแบทเตอรีกลับมาใช้ใหม่ในประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากประเทศญี่ปุ่น เช่น ยุโรป ในช่วงปีงบประมาณ 2565 และในสหรัฐอเมริกา ในปีงบประมาณ 2568 ซึ่งการลงทุนในกระบวนการนำแบทเตอรีกลับมาใช้ใหม่ จะสร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนในการจัดการพลังงาน นอกจากนี้ Nissan ยังมีเป้าหมายที่จะส่งเสริมธุรกิจที่ vehicle-to-everything และแบทเตอรีเพื่อที่อยู่อาศัยในช่วงกลางทศวรรษ 2020 พร้อมกับการลงทุนในสถานีชาร์จไฟฟ้าอีก 2 หมื่นล้านเยน ภายในปี 2569
ในขณะที่ Nissan เพิ่มความสำคัญในด้านการพัฒนานวัตกรรมในการขับเคลื่อน โดยการเพิ่มจำนวนนักวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงทั่วโลกอีก 3,000 ตำแหน่ง ส่งเสริมการเพิ่มทักษะให้แก่พนักงานของบริษัทในปัจจุบัน นอกจากนี้ บริษัทฯ จะสานต่อความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อลดค่าใช้จ่าย และแบ่งปันความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เช่น เทคโนโลยีที่ไม่ปล่อยแกสเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศสุทธิ ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ซอฟท์แวร์ และการบริการต่างๆ
นอกเหนือจากแผนยุทธศาสตร์ NEXT transformation แล้ว Nissan จะสร้างความยั่งยืนให้แก่องค์กรในระยะยาว โดยมีเป้าหมายที่จะมีผลกำไรจากการดำเนินงานมากกว่า 5 %
ภายในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า Nissan จะนำเสนอยานยนต์ที่น่าตื่นเต้น ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และนวัตกรรมทางเทคโนโลยีพร้อมกับขยายการดำเนินงานไปทั่วโลก โดยวิสัยทัศน์ Nissan Ambition 2030 จะทำให้ผลิตภัณฑ์ของ Nissanไม่มีการปล่อยแกสเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศสุทธิเพิ่มขึ้น (Carbon Neutral) ภายในปีงบประมาณ 2593
มาโกโตะ อูชิดะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Nissan กล่าวว่า องค์กรเอกชนมีบทบาทสำคัญในการช่วยตอบสนองความต้องการของสังคม วิสัยทัศน์ Nissan Ambition 2030 จะพาเราก้าวสู่ยุคใหม่ของการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เทคโนโลยีอัจฉริยะจะถูกนำมาใช้เพื่อลดการปล่อยแกสเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ (Carbon Footprint) และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เพราะเราต้องการเปลี่ยนให้ Nissan เป็นบริษัทที่ยั่งยืน ที่ลูกค้า และสังคมต้องการอย่างแท้จริง
เร่งการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ด้วยทางเลือก และประสบการณ์ที่หลากหลาย
ในฐานะผู้บุกเบิกรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV) Nissan ทำให้ทุกคนสามารถใช้รถยนต์ไฟฟ้าได้ และได้ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จไฟ และการบริหารจัดการพลังงาน โดยกำหนดให้การขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเป็นกลยุทธ์ระยะยาวหลักของบริษัท วิสัยทัศน์ Nissan Ambition 2030 ตั้งเป้าที่จะเร่งพัฒนาการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าในหลายๆ ผลิตภัณฑ์ พร้อมขยายการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยี ด้วยเงินลงทุน 2 ล้านล้านเยน ภายในระยะเวลา 5 ปี
ลูกค้ามีความต้องการใช้รถยนต์ที่น่าตื่นเต้น เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย Nissan จะเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอีก 23 รุ่น โดยมีรถยนต์ไฟฟ้า 15 รุ่น ภายในปีงบประมาณ 2573 และมีรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 50 % ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่จำหน่ายทั่วโลก ทั้งในแบรนด์ Nissan และ Infiniti (อินฟินิที)
ในอีก 5 ปีข้างหน้า Nissan จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า และอี-เพาเวอร์ (e-POWER) อีก 20 รุ่น ในตลาด ในการจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในตลาดสำคัญต่างๆ ภายในปีงบประมาณ 2569 ดังนี้
- ยุโรปจะจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า มากกว่า 75 % ของยอดขาย
- ประเทศญี่ปุ่น จะจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า มากกว่า 55 % ของยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคล (Passenger Vehicle)
- ในประเทศจีนจะจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า มากกว่า 40 %
- ในประเทศสหรัฐอเมริกา จะจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า มากกว่า 40 % ภายในปีงบประมาณ 2573
“Nissan ภูมิใจในความเป็นผู้บุกเบิกด้านนวัตกรรม และประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนาน รวมไปถึงบทบาทในการปฏิวัติวงการรถยนต์ไฟฟ้า EV ด้วยเป้าหมายใหม่นี้ Nissan จะเป็นผู้นำในการพาโลกมุ่งสู่รถยนต์ไฟฟ้า โดยตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยการนำเสนอยนตรกรรมที่น่าตื่นเต้น สร้างการเปิดรับต่อการใช้รถยนต์ไฟฟ้า และสร้างโลกที่สะอาดกว่าเดิม” อัชวานี กุปตา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Nissan กล่าว
เพื่อยืนยันว่าก้าวต่อไปของ Nissan ในการก้าวสู่ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าจะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม วันนี้ Nissan ได้เปิดตัวรถยนต์ต้นแบบที่จะยกระดับประสบการณ์ของลูกค้ากับเทคโนโลยีอัจฉริยะในรูปแบบใหม่ รถยนต์ต้นแบบสะท้อนถึงความน่าตื่นเต้นที่เป็นไปได้จริง ซึ่ง Nissan ต้องการจะนำเสนอให้ผ่านยานยนต์อัจฉริยะ และระบบนิเวศของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
พบกับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ต้นแบบที่น่าตื่นเต้นได้ที่เวบไซท์ของ Nissanได้ ที่นี่
ทุกคนจะสามารถเข้าถึงนวัตกรรมในการขับเคลื่อน
Nissan ต้องการให้ทุกคนได้รับความปลอดภัย พร้อมกับความตื่นเต้นจากยนตรกรรม และเพื่อทำให้เป้าหมายนี้เป็นจริง Nissan ยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน และนำเสนอเทคโนโลยีปราศจากโคบอลท์ซึ่งจะทำให้ลดต้นทุนลงถึง 65 % ภายในปีงบประมาณ 2571
Nissan ตั้งเป้าที่จะเปิดตัวรถยนต์ EV ที่ใช้ All-Solid-State Batteries (ASSB) ภายในปีงบประมาณ 2571 ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Nissan Motor นำร่องโดยโรงงานในเมืองโยโกฮามา ภายในปีงบประมาณ 2567 การเปิดตัว ASSB เป็นความสำเร็จก้าวสำคัญของ Nissan ที่ทำให้ขยายรถยนต์ไฟฟ้าให้ครอบคลุมทุกเซกเมนท์ ASSB จะเพิ่มสมรรถนะของรถยนต์ไฟฟ้าโดยจะใช้ระยะเวลาในการชาร์จไฟฟ้าเพียง 1 ใน 3 เท่านั้น ASSB จะทำให้รถยนต์ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น และครอบคลุมในทุกความต้องการของลูกค้าในทุกเซกเมนท์ Nissan คาดว่า ASSB จะทำให้ราคาของแบทเตอรีลดลงเหลือเพียง 75 เหรียญสหรัฐฯ/กิโลวัตต์ชั่วโมง ภายในปีงบประมาณ 2571 และจะลดลงเหลือ 65 เหรียญสหรัฐฯ/กิโลวัตต์ชั่วโมง เพื่อให้ต้นทุนระหว่างรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์เบนซินมีความใกล้เคียงกันมากขึ้นในอนาคต
Nissan ได้เพิ่มโอกาสในการการผลิตแบทเตอรีเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และรองรับการขยายตัวของประชากรรถยนต์ไฟฟ้า โดยร่วมมือกับพันธมิตร Nissan มีเป้าหมายที่จะเพิ่มการผลิตแบทเตอรีทั่วโลก 52 กิกะวัตต์ชั่วโมง ภายในปีงบประมาณ 2569 และเพิ่มเป็น 130 กิกะวัตต์ชั่วโมง ภายในปีงบประมาณ 2573
วิสัยทัศน์ Nissan Ambition 2030 ยังจะเพิ่มเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ รวมถึงเทคโนโลยีอัจฉริยะอื่นๆ ให้แก่ลูกค้ามากขึ้น ซึ่ง Nissan จะยังคงมองหาโอกาสรวบรวมเอาบริการทุกอย่างในด้านการขนส่งมาไว้ในพื้นที่ที่อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าได้มากที่สุดร่วมกับพันธมิตรอื่นๆ
Nissan ตั้งเป้าที่จะขยายเทคโนโลยี ProPILOT ระบบขับขี่อัตโนมัติอัจฉริยะของ Nissan และ Infiniti รวม 2.5 ล้านคัน ภายในปีงบประมาณ 2569 Nissan ยังจะพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์อัตโนมัติ (Autonomous) ต่อไป โดยมีเป้าหมายที่จะติดตั้งระบบ LIDAR รุ่นต่อไปในรถยนต์รุ่นใหม่ทุกรุ่น ภายในปีงบประมาณ 2573
และเพื่อตอบสนองรูปแบบการเดินทางที่หลากหลายในแต่ละประเทศ Nissan จะร่วมมือกับพันธมิตรที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้บริการด้านการเดินทางรูปแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในเมือง และการเดินทางที่ยั่งยืนมากขึ้นในพื้นที่ชนบท
ระบบนิเวศระดับโลกสำหรับการขับเคลื่อน และก้าวต่อไปในอนาคต
นอกจากการยกระดับเทคโนโลยีแล้ว Nissan เลือกที่จะจ้างแรงงานในท้องถิ่น และจัดหาทรัพยากรสำหรับการผลิต เพื่อเพิ่มความสามารถการแข่งขันของรถยนต์ไฟฟ้า Nissan จะขยายแแนวคิดสร้างศูนย์กลางรถยนต์ไฟฟ้าที่ แนวคิด EV36Zero ซึ่งเปิดตัวในสหราชอาณาจักรไปยังตลาดหลักอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่น จีน และสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ แนวคิด EV36Zero เป็นระบบนิเวศการผลิต และการบริการแบบบูรณาการ โดยเชื่อมโยงการขับเคลื่อน และบริหารจัดการพลังงานเข้าด้วยกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยแกสเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศสุทธิ
และเพื่อให้มั่นใจได้ว่าแบทเตอรี่ของรถยนต์นั้นจะถูกใช้เพื่อความยั่งยืน ซึ่งเป็นเรื่องที่ Nissan เล็งเห็น และให้ความสำคัญมาโดยตลอด ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในการนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น (Repurposing) และการนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycling) ที่ Nissan มีใน 4R Energy Nissan จะขยายกระบวนการการนำแบทเตอรีกลับมาใช้ใหม่ในประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากประเทศญี่ปุ่น เช่น ยุโรป ในช่วงปีงบประมาณ 2565 และในสหรัฐอเมริกา ในปีงบประมาณ 2568 ซึ่งการลงทุนในกระบวนการนำแบทเตอรีกลับมาใช้ใหม่ จะสร้างระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนในการจัดการพลังงาน นอกจากนี้ Nissan ยังมีเป้าหมายที่จะส่งเสริมธุรกิจที่ vehicle-to-everything และแบทเตอรีเพื่อที่อยู่อาศัยในช่วงกลางทศวรรษ 2020 พร้อมกับการลงทุนในสถานีชาร์จไฟฟ้าอีก 2 หมื่นล้านเยน ภายในปี 2569
ในขณะที่ Nissan เพิ่มความสำคัญในด้านการพัฒนานวัตกรรมในการขับเคลื่อน โดยการเพิ่มจำนวนนักวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงทั่วโลกอีก 3,000 ตำแหน่ง ส่งเสริมการเพิ่มทักษะให้แก่พนักงานของบริษัทในปัจจุบัน นอกจากนี้ บริษัทฯ จะสานต่อความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อลดค่าใช้จ่าย และแบ่งปันความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เช่น เทคโนโลยีที่ไม่ปล่อยแกสเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศสุทธิ ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ซอฟท์แวร์ และการบริการต่างๆ
นอกเหนือจากแผนยุทธศาสตร์ NEXT transformation แล้ว Nissan จะสร้างความยั่งยืนให้แก่องค์กรในระยะยาว โดยมีเป้าหมายที่จะมีผลกำไรจากการดำเนินงานมากกว่า 5 %
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/online/392151