ระเบียงรถใหม่
Nissan เตรียมเปิดตัว New Terra Minorchange 2021
ในปี 2011 เมื่อการพัฒนา D23 Navara (นาวารา) เริ่มต้นขึ้น Nissan (นิสสัน) กำลังพิจารณาที่จะพัฒนารถเอสยูวี โดยใช้ Navara เป็นพื้นฐาน และเป็นผู้สืบทอดของ Nissan Paladin (นิสสัน พาราดิน) ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา ผู้บริหารของ Nissan มุ่งเป้าไปตลาดจีน และตะวันออกกลาง ที่กำลังเติบโตอย่างไรก็ตาม การพัฒนาดังกล่าวได้หยุดชะงักลงระหว่างปี 2014 - 2015 เนื่องจากผู้บริหารไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับตำแหน่งเอสยูวี ใหม่ในกลุ่มนี้ เพราะมี X-Trail (เอกซ์-ทเรล) ที่กำลังเป็นที่นิยม ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายใกล้กันมาก เดิมที Terra (แตร์รา) มีแผนที่จะเปิดตัวในปี 2016 อย่างไรก็ตาม แต่มีข้อจำกัดหลายประการในการพัฒนารถซึ่งทำให้การเปิดตัวล่าช้า ในปี 2015 ผู้แข่งขันในกลุ่มตลาด Toyota Fortuner (โตโยตา ฟอร์ทูเนอร์), Mitsubishi Pajero Sport (มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ท) และ Ford Everest (ฟอร์ด เอเวอเรสต์) ได้เปิดตัวรถรุ่นใหม่ มีรายงานว่าทีมวิศวกรของ Nissan รู้สึกประหลาดใจกับคู่แข่งที่ล้ำหน้ากว่าที่พวกเขาคาดไว้ ทีมพัฒนาจึงต้องหยุดการพัฒนาเพื่อประเมิน และปรับปรุงรายละเอียดของ Terra ให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ การพัฒนายังถูกจำกัดด้วยโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ตามการปล่อยมลพิษของไทย ซึ่งบังคับให้ Nissan ต้องออกแบบระบบทำความสะอาด เครื่องยนต์ดีเซลใหม่ เป็นผลให้การเปิดตัว Terra ล่าช้าไป 2 ปี ในที่สุด Nissan Terra ใหม่ ก็ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการวันที่ 15 มีนาคม 2018 แต่คงทำยอดขายได้ไม่ดีนัก ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา Nissan จึงต้องเร่งหาข้อบกพร่อง พัฒนาปรับเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่ และในช่วงปลายปี 2020 New Nissan Terra Minorchange ก็ได้เปิดตัวที่ประเทศตะวันออกกลางเป็นครั้งแรก ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน และคาดว่าจะเปิดในไทยอีกไม่นานหลังจากนี้ Nissan Terra Minorchange 2021 ได้รับการพัฒนารูปลักษณ์ภายนอกใหม่ ในส่วนของกระจังหน้า V-Motion ได้รับการติดตั้งชุดไฟหน้า LED Projectors Quad-Eyes ที่เป็นรูปแบบเดียวกับ Nissan Navara ใหม่ ที่เปิดตัวในบ้านเรา รวมถึงไฟ DRL แบบ LED ทรง C-Shape เส้นสายด้านข้างตัวรถมาในรูปแบบเดิม เสาอากาศเปลี่ยนมาใช้แบบครีบฉลาม อีกทั้งยังออกแบบให้มีสปอยเลอร์ท้ายที่โดดเด่นมากขึ้น ไฟท้ายมีการเปลี่ยนรูปทรงใหม่ที่ดูโฉบเฉี่ยว และมีมิติมากยิ่งขึ้น พร้อมเส้นโครเมียมโค้งเชื่อมไฟ 2 ข้างเข้าด้วยกัน ส่วนภายในห้องโดยสาร ได้รับการอัพเกรดใหม่ ให้มีความหรูหราพรีเมียมมากยิ่งขึ้น เริ่มจากภายในสีทูโทน เปลี่ยนคอนโซลหน้าใหม่ที่ดูเรียบหรูกว่าเดิม บุด้วยวัสดุผิวสัมผัสนุ่ม Soft Touch มาพร้อมระบบอินโฟเทนเมนท์หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว พร้อมการเชื่อมต่อ Nissan Connect พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชันใหม่ 3 ก้านทรงสปอร์ท แบบเดียวกับ New Navara ที่ถูกปรับเซทใหม่ให้มีน้ำหนักเบาและคมยิ่งขึ้น ระบบอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา Dual Zone จอแสดงข้อมูลการขับขี่ดีไซจ์นใหม่ ขนาด 7 นิ้ว มาพร้อมฟังค์ชันใหม่ ที่สามารถบอกองศาการเอียงของตัวรถ และการทำงานของระบบส่งกำลังขับเคลื่อน 4 ล้อ เบาะนั่งที่ทาง Nissan ระบุว่าให้ความนุ่มนั่งสบายที่สุดในรถระดับเดียวกัน ด้วยการออกแบบเบาะนั่งแบบ Zero Gravity อีกทั้งยังสามารถเลือกปรับพับเบาะแถว 2 และแถว 3 ได้อย่างหลากหลาย รองรับผู้โดยสารได้ 7 ที่นั่งเหมือนเดิม และมีจอทีวีบนเพดานสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ขณะที่กระจกด้านหน้า และหน้าต่างด้านข้าง ได้รับการติดตั้งกระจกแบบ Acoustic Glass ช่วยลดเสียงรบกวน โครงสร้างช่วงล่างแบบลดการสั่นสะเทือน 2 ชั้น มีการติดตั้งตัวยางรองซับแรง 10 จุด เพิ่มขึ้นจากโครงสร้างเดิมของ Navara ช่วยรองรับแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นจากทั้งยางพื้นถนน และเครื่องยนต์ให้ลดลง ขณะที่ช่วงล่างแบบ 5-ลิงค์ ช่วยลดอาการโคลง และเก็บอาการสะเทือนได้อย่างดี ด้านเครื่องยนต์คาดว่าจะมีการปรับทูนให้มีกำลังแรงขึ้น โดยเครื่องยนต์ปัจจุบันเป็นตัวรหัส YS23DDTT ดีเซล 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ขนาด 2.3 ลิตร Common-Rail Direct Injection ระบบอัดอากาศแบบ Twin-Turbo พร้อมระบบระบายความร้อนของไอดีก่อนเข้าห้องเผาไหม้ Intercooler เครื่องยนต์รุ่นนี้ เป็นการพัฒนาโดยกลุ่มพันธมิตร Nissan-Renault และเป็นขุมพลังอยู่ในรถกระบะของค่ายดาวสามแฉกอย่าง Mercedes-Benz X-Class (เมร์เซเดส-เบนซ์ เอกซ์-คลาสส์) และรถกระบะ Renault Alaskan (เรอโนลต์ อลาสกัน) ที่ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,750 รตน. แรงบิดสูงสุด 45.9 กก.-ม. (450 นิวตัน-เมตร) ที่ 1,500-2,500 รตน. จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง หรือขับเคลื่อน 4 ล้อ ระบบกันสะเทือนหน้า เป็นแบบอิสระ ปีกนกคู่ Double Wishbone พร้อมเหล็กกันโคลง ช่วงล่างด้านหลัง คอยล์สปริง แบบ Five-Link Suspension ระบบเบรคเปลี่ยนเป็นจานเบรค 4 ล้อ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Part-time ระบบเฟืองท้าย B-LSD (Electronic Limited Silp) ระบบลอคเฟืองท้าย Rear Diff-lock สำหรับระบบความปลอดภัย จัดเต็มด้วยเทคโนโลยี Nissan Intelligent Mobility ได้แก่ - ระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control) - เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง - เทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะ - ระบบเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติ - ระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ - ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา - ระบบเตือนการออกนอกเลน - ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง - ระบบเปิด/ปิดไฟสูงอัตโนมัติ (High Beam Assist) - ระบบเตือนผู้ขับขี่ (Intelligent Driver Alertness) - ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง มิติตัวถังเมื่อเทียบกับคู่แข่ง Nissan Terra: 4,885x1,865x1,835 มม. ระยะฐานล้อ 2,850 มม. Ground Clearance: 225 มม. น้ำหนัก 2,118 กก. Ford Everest: 4,893x1,862x1,837 มม. ระยะฐานล้อ 2,850 มม. Ground Clearance: 193 มม. น้ำหนัก 2,460 กก. Isuzu MU-X: 4,825x1,860x1,860 มม. ระยะฐานล้อ 2,845 มม. Ground Clearance: 235 มม. น้ำหนัก 2,165 กก. Mitsubishi Pajero Sport: 4,785x1,815x1,805 มม. ระยะฐานล้อ 2,800 มม. Ground Clearance: 218 มม. น้ำหนัก 2,075 กก. Toyota Fortuner: 4,795x1,855x1,835 มม. ระยะฐานล้อ 2,750 มม. Ground Clearance: 193 มม. น้ำหนัก 2,135 กก. New Nissan Terra มีการเปลี่ยนรูปลักษณ์ทั้งภายใน และภายนอก รวมถึงจัดเต็มเทคโนโลยีความปลอดภัย ในราคาที่คุ้มค่า คาดว่าจะเป็นความหวังใหม่ของ Nissan หลังจากที่เปิดตัว New Nissan Navara Pro-4X เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา
เรื่องโดย : พรเทพ คงลาภอำนวย
คอลัมน์ Online : ระเบียงรถใหม่ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/375289