ทดลองขับ(formula)
Honda City Hatchback e:HEV สมาชิกล่าสุดของ “The City Series” ประหยัด ปลอดภัยไร้กังวล
หลังเปิดตัว Honda City Hatchback และ Honda City e:HEV ซีดาน ช่วงปลายปี 2563 ผลการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2564 ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย)ฯ ก็เปิดตัว Honda City Hatchback e:HEV ซิทีคาร์แฮทช์แบคฟูลล์ไฮบริด สมาชิกลำดับล่าสุดของ The City Series เป็นครั้งแรกในโลกHonda City Hatchback e:HEV ทำตลาดรุ่นเดียว คือ RS รูปลักษณ์ด้านหน้าเหมือนโฉมซีดานรุ่น RS กระจัง Gloss Black ไฟแอลอีดี ความแตกต่างจะเริ่มตั้งแต่เสาบี รูปทรงแบบแฮทช์แบค ให้ความรู้สึกกระชับ แฝงความปราดเปรียว ด้วยเส้นสาย และเหลี่ยมสันที่ลงตัว พร้อมอุปกรณ์ตกแต่งสไตล์ RS รอบคัน รวมถึงสัญลักษณ์ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า กับ e:HEV และสีพิเศษเฉพาะรุ่นให้เลือก คือ สีน้ำเงินบริลเลียนท์ สปอร์ที (เมทัลลิค) ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ผสานฟังค์ชันการใช้งาน พร้อมอรรถประโยชน์มากมาย การตกแต่งสวยงามตามมาตรฐานรุ่น RS เริ่มจากพวงมาลัยมัลทิฟังค์ชัน พร้อมก้านคล้ายแพดเดิล ชิฟท์ เพราะไม่ได้มีหน้าที่เปลี่ยนจังหวะการทำงานของระบบส่งกำลังแบบที่คุ้นเคยกัน แต่ทำหน้าที่สั่งการทำงานของ “เอนจินเบรค” เพื่อชะลอความเร็วที่ปรับความหน่วงได้ 3 ระดับ ชุดมาตรวัด และจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple Car Play ระบบสั่งงานด้วยเสียง Siri พร้อม Google Maps รวมถึงฟังค์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม อาทิ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และช่องปรับอากาศตอนหลัง ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start) พนักเท้าแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้ว เป็นต้น เบาะนั่งหนังกลับ ดีไซจ์นใหม่ ตกแต่งแถบสีแดง รองรับการใช้งานหลากหลาย สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์ได้ถึง 4 โหมด ได้แก่ Utility Mode: เบาะด้านหลังทั้ง 2 ด้านปรับพับราบ เพิ่มพื้นที่เก็บของด้านหลัง, Long Mode: เบาะด้านหน้าและด้านหลังปรับพับได้ เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว Tall Mode: เบาะด้านหลังพับขึ้น เพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวสูง และ Refresh Mode: เบาะด้านหน้าพับเพื่อเชื่อมต่อกับเบาะด้านหลัง สร้างพื้นที่ผ่อนคลายสะดวกสบายสูงสุด ระบบการทำงานของ Honda City Hatchback e:HEV มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1,498 ซีซี Atkinson Cycle พร้อมระบบวาล์วแปรผัน i-VTEC จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด PGM-FI ให้กำลัง 98 แรงม้า ที่ 5,600-6,400 รตน. แรงบิดสูงสุด 13.0 กก.-ม. ที่ 3,500 รตน. รองรับแกสโซฮอล อี 20 ทำงานผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว โดยมอเตอร์ตัวที่ 1 ทำหน้าที่เป็นเจเนอเรเตอร์ ส่วนมอเตอร์ตัวที่ 2 ทำหน้าที่ขับเคลื่อน ให้กำลังสูงสุด 109 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 25.8 กก.-ม. แบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ความจุประมาณ 1.0 กิโลวัตต์ชั่วโมง และระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติแปรผัน E-CVT การทำงานของระบบ i-MMD จะปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานให้เหมาะสมกับสภาพการขับขี่อัตโนมัติ 3 รูปแบบ (ไม่มีปุ่มเลือกโหมด) ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) มอเตอร์จะขับเคลื่อนล้อด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบทเตอรี และในขณะลดความเร็วจะชาร์จไฟกลับไปยังแบทเตอรี, โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) ขับเคลื่อนโดยใช้พลังงานจากเครื่องยนต์กับพลังงานไฟฟ้าจากแบทเตอรี ตอบสนองรวดเร็วทันใจ และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) พลังขับเคลื่อนจะมาจากเครื่องยนต์ล้วนๆ โดยชุดลอคอัพคลัทช์ที่อยู่ในเกียร์ E-CVT จะเชื่อมต่อเครื่องยนต์ แล้วส่งกำลังเครื่องยนต์สู่ล้อโดยตรง (ดูภาพประกอบ) ระบบรองรับด้านหน้าเป็นแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นแบบทอร์ชันบีม เน้นความนุ่มนวลเป็นหลัก แต่ก็รับมือกับพละกำลัง และแรงบิดได้อย่างลงตัว ให้ความรู้สึกนุ่มนวล มั่นคง แต่ไม่กระด้าง ไม่ว่าจะเป็นในโค้งแคบความเร็วต่ำ หรือโค้งกว้างความเร็วสูง ส่วนระบบเบรคด้านหน้าเป็นแบบจาน พร้อมช่องระบายความร้อน ด้านหลังเป็นแบบจานธรรมดา พร้อมระบบ ABS, EBD และ BA การตอบสนองของเบรคเป็นไปตามน้ำหนักเท้า ทำงานร่วมกันกับระบบช่วยควบคุมการทรงตัว VSA เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ทุกสภาวะ ปิดท้ายด้วยระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA ซึ่งทำให้การใช้งานในชีวิตประจำวันให้ง่ายขึ้น การทดลองขับครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้ง เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 จึงปรับรูปแบบเป็นการขับคนเดียว และไม่กำหนดเส้นทาง โดยให้เวลาประมาณ 2.5 ชม. เริ่มสตาร์ทละแวกสนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนออกเดินทาง ผู้เขียนรีเซทมาตรวัดก่อน เพื่อดูอัตราสิ้นเปลืองกับระยะทางทั้งหมดหลังจบการทดลองขับ และด้วยเวลาจำกัด จึงเน้นใช้เส้นทางพิเศษสลับการใช้งานบนพื้นราบ เพื่อให้เหมือนการใช้งานจริง การตอบสนองขณะขับขี่ น่าประทับใจ การเปลี่ยนโหมดของระบบไฮบริดทำงานราบเรียบ ตั้งแต่จุดหยุดนิ่งจนถึงความเร็วสูง เพราะระบบนี้ เน้นการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก ยกเว้นในช่วงความเร็วที่เหมาะสม และเป็นไปตามเงื่อนไข คือ ขณะนั้นการใช้เครื่องยนต์ขับเคลื่อน ประหยัดพลังงานกว่า ระบบก็จะสั่งให้มอเตอร์ไฟฟ้าหยุดทำงาน คลัทช์จะเชื่อมต่อกันเพื่อให้เครื่องยนต์ส่งกำลังไปขับเคลื่อนล้อเพียงอย่างเดียว เป็นการเลือกใช้ข้อดีของการขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ หรือมอเตอร์ไฟฟ้า ให้เหมาะสมกับสภาพการขับขี่ ตอนนำรถกลับไปคืน มาตรวัดแสดงระยะทางทั้งหมด 116.7 กม. ใช้เวลา 2 ชม. ความเร็วเฉลี่ย 58 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 25.5 กม./ลิตร ใกล้เคียงตัวเลขเคลมจากโรงงานที่ 27.0 กม/ลิตร นอกจากนั้น เราได้ทดลองใช้งาน เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ได้แก่ ระบบเตือนการชนรถ และคนเดินถนน พร้อมระบบช่วยเบรค (Collision Mitigation Braking System: CMBS) ระบบเตือน และช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) ซึ่งเรามีโอกาสทดลองเกือบทุกระบบ ยกเว้นแค่ AHB เพราะทดลองขับในเวลากลางวัน การทำงานของ Honda SENSING สมบูรณ์น่าประทับใจ ไม่มีอะไรให้ติติง ข้อมูลจำเพาะ Honda City Hatchback e:HEV ผู้แทนจำหน่าย บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 0-2341-7888 มิติ และน้ำหนัก ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 4,349/1,748/1,488 ช่วงล้อ หน้า/หลัง (มม.) 1,497/1,483 ฐานล้อ (มม.) 2,589 น้ำหนัก (กก.) 1,231 ความจุถังเชื้อเพลิง (ลิตร) 40 เครื่องยนต์ แบบ เบนซิน 4 สูบ และมอเตอร์ไฟฟ้า ความจุ (ซีซี) 1,498 กระบอกสูบ/ช่วงชัก (มม.) 73.0/89.5 อัตราส่วนกำลังอัด 13.5 กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 98/5,600-6,400 แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 13.0/4,500-5,000 กำลังมอเตอร์ ไฟฟ้าสูงสุด (แรงม้า) 109/3,500-8,000 แรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด (กก.-ม.) 25.8/0-3,500 ระบบจ่ายเชื้อเพลิง PGM-FI ระบบถ่ายทอดกำลัง เกียร์ (จังหวะ) อัตโนมัติ E-CVT ขับเคลื่อน (ล้อ) 2 ระบบรองรับ หน้า อิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง หลัง ทอร์ชันบีม ระบบบังคับเลี้ยว แบบ ฟันเฟือง และตัวหนอน พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า ระบบห้ามล้อ แบบ เอบีเอส อีบีดี หน้า จาน มีช่องระบายความร้อน หลัง จาน ราคา (บาท) 849,000
เรื่องโดย : เอกลักษณ์ สูยะศุนานนท์ akaluk@imc.co.th
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
คอลัมน์ Online : ทดลองขับ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/375140