ทดลองขับ
ทดลองขับ Nissan Navara Pro4X...แกร่ง กล้า ท้าลุย !
บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เชิญสื่อมวลชนร่วมสัมผัสสมรรถนะของรถธงคันล่าสุด New Nissan Navara บนเส้นทางวิบากสุดท้าทาย “เขาระเบิด” จ. ชลบุรี
สำหรับรถที่เราได้ร่วมทดสอบเป็นรถ Nissan Navara Pro4X (นิสสัน นาวารา พโร 4 เอกซ์) รถกระบะมาดเข้ม ขวัญใจคนชอบลุย ที่ถูกสร้างขึ้นมาให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภค โดยเน้นสมรรถนะการขับขี่ที่ผสานความสะดวกสบาย และระบบความปลอดภัยต่างๆ รอบคัน รองรับการใช้งานที่ครอบคลุมทุกเส้นทาง
กระจังหน้าดีไซจ์นใหม่ มาพร้อมไฟแอลอีดี พโรเจคเตอร์ 4 ดวง สวยดุดัน
จุดเปลี่ยนที่เห็นได้ชัด คือ ภายนอกของเจ้า New Nissan Navara Pro4X โฉมนี้ดูดี และมีบุคลิกที่ชัดเจนจากเดิมมาก มีความแข็งแกร่งที่สะท้อนตัวตนจริงๆ ของ Nissan กระจังหน้าแบบ Interlock ไฟหน้า แอลอีดี พโรเจคเตอร์ 4 ดวง ทรง C-Shaped เพิ่มความสว่างในเวลากลางคืน และเพิ่มพื้นที่การส่องสว่างมากขึ้นอีก 38 % ที่ขาดไม่ได้ คือ ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime Running Lights ไฟท้ายแบบแอลอีดี เช่นเดียวกับฝากระโปรงหน้าที่ออกแบบใหม่ ช่วยให้ด้านหน้ารถดูบึกบึน กันชนหน้าใหม่ มาพร้อมแผงกันกระแทกที่ออกแบบให้รับกับหน้าตา และเสริมแกร่งด้วยล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง Yokohama Geolandar (โยโกฮามา จีโอลานดาร์) ขนาด 255/65 ส่วนรุ่น VL 4x4 (วีแอล 4x4) ใช้ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางขนาด 255/60
สติคเกอร์ PRO4X ที่ด้านท้ายกระบะ
เปลี่ยนจุดยึดสัมภาระใหม่ หนึ่งเดียวในรถกระบะที่กล้าออกแบบมาเพื่อความอเนกประสงค์
ยึดได้ทั้งสัมภาระที่มีความสูงขนาดรถ ATV
ส่วนด้านท้ายรถมีจุดเปลี่ยนแปลงหลายรายการ อาทิ กระบะท้ายดีไซจ์นใหม่หมด มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งจุดยึดสัมภาระใหม่ โดยวางจุดยึดให้ต่ำลงเพื่อให้คุณยึดสัมภาระได้ทั้งทรงสูง และเตี้ย, บันไดข้างใหม่, กระจกตอนหลังกรองแสงสีชา, ไฟท้ายใหม่ทรง C-Shaped, ฝาท้ายใหม่มาพร้อมระบบช่วยผ่อนแรงเปิด/ปิด คุณสามารถเปิด/ปิดได้ด้วยมือเดียว, กันชนท้ายออกแบบใหม่ เป็น 2 ขั้น โดยลดความสูงของจุดที่เหยียบให้ต่ำลงจากเดิม 17 ซม. ช่วยให้การก้าวขึ้น/ลงจากด้านท้ายทำได้สะดวกสบายขึ้น และเด่นสะดุดตาด้วยการพ่นสีกันชนท้ายเป็นสีเดียวกับตัวรถ เพิ่มความสปอร์ทในแบบที่ไม่เคยเห็น
สมรรถนะบนทางเรียบ อัตราเร่งแซงช่วงออกตัวทำได้ดีกว่าเดิม
นอกจากนี้ โครงสร้างตัวถังเป็นแบบโมโนเฟรม แชสซีส์เหล็กกล้าชิ้นเดียวยาวตลอดคันแบบ Fully-Boxed Frame มีข้อดีตรงเรื่องความแข็งแกร่ง และทนทาน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรถกระบะ Nissan
คอนโซลหน้าออกแบบเรียบหรู เน้นการใช้งาน
ส่วนภายในห้องโดยสาร มีการปรับดีไซจ์นใหม่หลายจุด เช่น เบาะนั่งคู่หน้าออกแบบด้วยนวัตกรรม Zero Gravity ที่รองรับกับแนวกระดูกสันหลัง ตามหลักสรีรศาสตร์ และที่นั่งตอนหลังที่ดูทันสมัยขึ้น เสริมความนุ่มสบายพร้อมเพิ่มที่วางแขน และแก้วน้ำด้านหลัง รวมถึงกระจกบานหน้าแบบ Noise-Reducing Acoustic Glass ที่ช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอก ทำให้ห้องโดยสารเงียบขึ้นจากเดิม
พวงมาลัยมัลทิฟังก์ชัน ปรับใหม่มีน้ำหนักเบาขึ้นและลดระยะการหมุนน้อยลง
แผงคอนโซลหน้า ออกแบบใหม่จัดวางอุปกรณ์การใช้งานต่างๆ ลงตัว พวงมาลัยทรง 3 ก้าน มัลทิฟังค์ชัน แบบฟันเฟือง และตัวหนอนพร้อมระบบเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรง มีการปรับปรุงระบบบังคับเลี้ยวใหม่ มีน้ำหนักเบาลง 15 % สามารถเลี้ยวรถในความเร็วต่ำขณะเข้าจอดได้ง่ายขึ้น รวมถึงปรับอัตราทดพวงมาลัยให้ฉับไวขึ้น โดยมีระยะการหมุนลดลงเหลือเพียง 3.4 รอบ จากเดิม 4.1 รอบ ทำให้ควบคุมรถได้ง่าย ทั้งในความเร็วต่ำ การเปลี่ยนช่องทาง หรือเข้าโค้ง เพราะขยับพวงมาลัยน้อยลง และมีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 6.3 ม.
จอแบบสัมผัสขนาด 8 นิ้วแสดงผลต่างๆ ชัดเจน และเด่นมากในโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ 4LO
จุดเด่นหลักๆ ของห้องโดยสาร อยู่ที่จอทัชสกรีน ขนาด 8 นิ้วที่รองรับ Apple Car Play และ Android Auto พร้อมระบบ Nissan Connect สามารถเลือกเล่นแอพพลิเคชันในมือถือผ่านจอเครื่องเสียงรถยนต์ พร้อมระบบนำทาง และระบบสั่งงานด้วยเสียง (Voice Recognition) รวมถึงยังเพิ่มเติมความปลอดภัยตลอดการเดินทาง ผ่านบริการ Connect Car Services เป็นการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ TCU (Telematics Control Unit) เช่น การตรวจสอบประวัติ, การแสดงพิกัดรถยนต์บนสมาร์ทโฟน, ระบบเตือนความเร็ว และอื่นๆ ยังสามารถชาร์จแบทเตอรีอุปกรณ์ไฟฟ้าผ่าน USB Port Type C ได้ด้วย
ขุมพลัง 2.3 ลิตรเทอร์โบคู่ 190 แรงม้า
New Nissan Navara Pro4X วางขุมพลังดีเซล 2.3 ลิตรเทอร์โบคู่ อินเตอร์คูเลอร์ ไดเรคอินเจคชัน รหัส YS23DDTT ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้าที่ 3,750 รตน. แรงบิดสูงสุด 45.9 กก.-ม. (450 นิวตัน-เมตร) ที่ 1,500-2,500 รตน. ถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ เร่งแซงได้ดั่งใจด้วยแรงบิดแบบ Flat Torque ที่ให้อัตราเร่งตั้งแต่รอบเครื่องยนต์ต่ำ นอกจากนี้ ฝาครอบเครื่องยนต์ยังติดตั้งฉนวนกันเสียง ช่วยเพิ่มความเงียบในห้องเครื่องยนต์ เครื่องยนต์รหัสนี้ รองรับน้ำมันดีเซลทุกชนิด เช่น B7, B10 และ B20
บนเส้นทางวิบาก การให้ตัวของช่วงล่างทำได้ดี
ระบบรองรับด้านหน้า อิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบแหนบแผ่นซ้อนพร้อมชอคอับ ส่วนระบบห้ามล้อด้านหน้าแบบจาน พร้อมช่องระบายความร้อน ด้านหลังแบบดุม
เส้นทางช่วงขึ้น/ลงเขาระเบิด ช่วงหน้าแล้ง ชิล ชิล สำหรับการขับขี่
ระบบรองรับถูกปรับปรุงใหม่ เน้นความนุ่มนวลเมื่อวิ่งผ่านเส้นทางขรุขระ เพื่อลดอาการสั่นสะเทือนในห้องโดยสาร และยังเพิ่มความแข็งแรงของยางรองหัวเก๋ง เพื่อลดแรงกระแทกจากพื้นผิวถนน
เปลี่ยนจาก 4H มาเป็น 4LO เพื่อความมั่นใจในช่วงที่เส้นทางลาดชันมากๆ
จากการทดลองขับ 1 วันเต็มๆ กับสภาพเส้นทางที่หลากหลาย ทั้งเส้นทางการจราจรหนาแน่นในเมือง หรือเส้นทางหลวงสายหลัก ความคล่องตัวของ New Nissan Navara Pro4X ทำได้ดี อัตราเร่งแซงจากรอบเครื่องยนต์ประมาณ 2,500 รตน. เป็นต้นไปสามารถทำความเร็วได้ต่อเนื่อง วิ่งสบายๆ 120-140 กม./ชม. ไฮไลท์จริงๆ ของเส้นทางทดสอบครั้งนี้ อยู่ที่เส้นทางขึ้นเขาระเบิด ที่มีความหลากหลาย ครั้งนี้เรามีจุดหมายปลายทางที่ลานร่มร่อนบนยอดเขา เส้นทางช่วงแรกส่วนใหญ่เป็นทางลูกรัง เราปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่มาเป็น 4H โดยปรับเปลี่ยนได้ทันทีขณะขับขี่ด้วยระบบ Shift-on-The-Fly เพียงแค่หมุน Rotor Switch พอผ่านทางลูกรังมาสักระยะสภาพเส้นทางช่วงต่อไปเป็นทางชัน สลับหลุมหรือร่องลึก มีแอ่งน้ำเล็กๆ ตามธรรมชาติบ้างเป็นช่วง และมีหินก้อนใหญ่ตลอดเส้นทาง ทักษะในการขับขี่ช่วงขึ้น/ลงเขา แน่นอนครับว่า เราไม่เน้นความเร็ว เราเน้นการควบคุมตัวรถให้วิ่งไปตามไลน์ที่รถนำทางวางไว้ มีช่วงที่ต้องเปลี่ยนโหมดการขับขี่จาก 4H มาเป็น 4LO ตรงทางเนินชันยาว ที่ต้องอาศัยจังหวะการเร่งส่งขึ้นเนิน แต่ก็ไม่ยาก เพราะเส้นทางค่อนข้างแห้ง แตกต่างจากช่วงหน้าฝนที่เราเคยผ่านมาแล้ว ช่วงนั้นเส้นทางจะโหดร้ายกว่าเยอะ แต่สมรรถนะของ New Nissan Navara Pro4X บวกกับยาง All Terrain ที่ติดรถมา สามารถขับผ่านอุปสรรคเหล่านี้ได้แบบสบายๆ
ยาง Yokohama Geolandar All Terrain รับหน้าที่เป็นยางติดรถเดิมๆ สำหรับ Pro4X
ระยะทางขึ้น/ลงเขาระเบิด ประมาณ 8 กม. บวกลบนิดหน่อย เราใช้เวลาในการขับขึ้น/ลง ประมาณ 1 ชม. เศษๆ ผมชอบตรงที่ว่า พอเราใส่ 4LO และขับด้วยเร็วไม่เกิน 10 กม./ชม. ระบบกล้อง 360 องศารอบตัวรถจะทำงาน แสดงผลผ่านหน้าจอให้เราเห็นชัดเจนถึงการวางตำแหน่งล้อ ตรงนี้ดีงามมาก ส่วนระบบช่วยเหลือการขับขี่ต่างๆ Nissan เขาจัดให้เต็มพิกัด และพร้อมทำงานในเส้นทางแบบนี้ ทั้งระบบป้องกันการลื่นไถล (B-LSD), ระบบลอคเฟืองท้ายแบบไฟฟ้า (ERLD), ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA), ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) ระบบนี้ถ้าเราไม่คุ้นเคย อาจจะรำคาญเพราะตัวรถจะค่อยๆ เคลื่อนที่ลงอย่างช้า จนบางครั้งต้องช่วยเติมคันเร่ง หรือเราจะปลดระบบนี้ แล้วใช้เอนจินเบรคช่วยแทนก็ได้ แต่ต้องมั่นใจว่า เราควบคุมความเร็วของตัวรถได้จริงๆ
สวย ดุดัน ราคาน่าคบหา ไม่ดีดจนแพงเกินงาม
ฟันธง ! New Nissan Navara Pro4X คันนี้ใช่เลยสำหรับแฟน Nissan ที่ชอบลุย ระบบความปลอดภัยจัดเต็มทุกภาคส่วน จะขาดแค่ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ถ้าเติมมาให้ “งานดี” เลยละ และน่าจะเป็นรายแรกๆ ของรถกระบะ เครื่องยนต์และเกียร์เชื่อว่าในอนาคตอาจถูกปรับปรุงให้ทันสมัยเหมือนคู่แข่งเจ้าตลาด ส่วนค่าตัวของ New Nissan Navara Pro4X ราคา 1,149,000 บาท ส่วนรุ่น VL 4x4 ราคา 1,129,000 บาท จัดว่าน่าสนใจทีเดียว ไม่ดีดจนดูแพงเว่อร์
สำหรับรถที่เราได้ร่วมทดสอบเป็นรถ Nissan Navara Pro4X (นิสสัน นาวารา พโร 4 เอกซ์) รถกระบะมาดเข้ม ขวัญใจคนชอบลุย ที่ถูกสร้างขึ้นมาให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภค โดยเน้นสมรรถนะการขับขี่ที่ผสานความสะดวกสบาย และระบบความปลอดภัยต่างๆ รอบคัน รองรับการใช้งานที่ครอบคลุมทุกเส้นทาง
กระจังหน้าดีไซจ์นใหม่ มาพร้อมไฟแอลอีดี พโรเจคเตอร์ 4 ดวง สวยดุดัน
จุดเปลี่ยนที่เห็นได้ชัด คือ ภายนอกของเจ้า New Nissan Navara Pro4X โฉมนี้ดูดี และมีบุคลิกที่ชัดเจนจากเดิมมาก มีความแข็งแกร่งที่สะท้อนตัวตนจริงๆ ของ Nissan กระจังหน้าแบบ Interlock ไฟหน้า แอลอีดี พโรเจคเตอร์ 4 ดวง ทรง C-Shaped เพิ่มความสว่างในเวลากลางคืน และเพิ่มพื้นที่การส่องสว่างมากขึ้นอีก 38 % ที่ขาดไม่ได้ คือ ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime Running Lights ไฟท้ายแบบแอลอีดี เช่นเดียวกับฝากระโปรงหน้าที่ออกแบบใหม่ ช่วยให้ด้านหน้ารถดูบึกบึน กันชนหน้าใหม่ มาพร้อมแผงกันกระแทกที่ออกแบบให้รับกับหน้าตา และเสริมแกร่งด้วยล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง Yokohama Geolandar (โยโกฮามา จีโอลานดาร์) ขนาด 255/65 ส่วนรุ่น VL 4x4 (วีแอล 4x4) ใช้ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางขนาด 255/60
สติคเกอร์ PRO4X ที่ด้านท้ายกระบะ
เปลี่ยนจุดยึดสัมภาระใหม่ หนึ่งเดียวในรถกระบะที่กล้าออกแบบมาเพื่อความอเนกประสงค์
ยึดได้ทั้งสัมภาระที่มีความสูงขนาดรถ ATV
ส่วนด้านท้ายรถมีจุดเปลี่ยนแปลงหลายรายการ อาทิ กระบะท้ายดีไซจ์นใหม่หมด มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งจุดยึดสัมภาระใหม่ โดยวางจุดยึดให้ต่ำลงเพื่อให้คุณยึดสัมภาระได้ทั้งทรงสูง และเตี้ย, บันไดข้างใหม่, กระจกตอนหลังกรองแสงสีชา, ไฟท้ายใหม่ทรง C-Shaped, ฝาท้ายใหม่มาพร้อมระบบช่วยผ่อนแรงเปิด/ปิด คุณสามารถเปิด/ปิดได้ด้วยมือเดียว, กันชนท้ายออกแบบใหม่ เป็น 2 ขั้น โดยลดความสูงของจุดที่เหยียบให้ต่ำลงจากเดิม 17 ซม. ช่วยให้การก้าวขึ้น/ลงจากด้านท้ายทำได้สะดวกสบายขึ้น และเด่นสะดุดตาด้วยการพ่นสีกันชนท้ายเป็นสีเดียวกับตัวรถ เพิ่มความสปอร์ทในแบบที่ไม่เคยเห็น
สมรรถนะบนทางเรียบ อัตราเร่งแซงช่วงออกตัวทำได้ดีกว่าเดิม
นอกจากนี้ โครงสร้างตัวถังเป็นแบบโมโนเฟรม แชสซีส์เหล็กกล้าชิ้นเดียวยาวตลอดคันแบบ Fully-Boxed Frame มีข้อดีตรงเรื่องความแข็งแกร่ง และทนทาน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรถกระบะ Nissan
คอนโซลหน้าออกแบบเรียบหรู เน้นการใช้งาน
ส่วนภายในห้องโดยสาร มีการปรับดีไซจ์นใหม่หลายจุด เช่น เบาะนั่งคู่หน้าออกแบบด้วยนวัตกรรม Zero Gravity ที่รองรับกับแนวกระดูกสันหลัง ตามหลักสรีรศาสตร์ และที่นั่งตอนหลังที่ดูทันสมัยขึ้น เสริมความนุ่มสบายพร้อมเพิ่มที่วางแขน และแก้วน้ำด้านหลัง รวมถึงกระจกบานหน้าแบบ Noise-Reducing Acoustic Glass ที่ช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอก ทำให้ห้องโดยสารเงียบขึ้นจากเดิม
พวงมาลัยมัลทิฟังก์ชัน ปรับใหม่มีน้ำหนักเบาขึ้นและลดระยะการหมุนน้อยลง
แผงคอนโซลหน้า ออกแบบใหม่จัดวางอุปกรณ์การใช้งานต่างๆ ลงตัว พวงมาลัยทรง 3 ก้าน มัลทิฟังค์ชัน แบบฟันเฟือง และตัวหนอนพร้อมระบบเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรง มีการปรับปรุงระบบบังคับเลี้ยวใหม่ มีน้ำหนักเบาลง 15 % สามารถเลี้ยวรถในความเร็วต่ำขณะเข้าจอดได้ง่ายขึ้น รวมถึงปรับอัตราทดพวงมาลัยให้ฉับไวขึ้น โดยมีระยะการหมุนลดลงเหลือเพียง 3.4 รอบ จากเดิม 4.1 รอบ ทำให้ควบคุมรถได้ง่าย ทั้งในความเร็วต่ำ การเปลี่ยนช่องทาง หรือเข้าโค้ง เพราะขยับพวงมาลัยน้อยลง และมีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 6.3 ม.
จอแบบสัมผัสขนาด 8 นิ้วแสดงผลต่างๆ ชัดเจน และเด่นมากในโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ 4LO
จุดเด่นหลักๆ ของห้องโดยสาร อยู่ที่จอทัชสกรีน ขนาด 8 นิ้วที่รองรับ Apple Car Play และ Android Auto พร้อมระบบ Nissan Connect สามารถเลือกเล่นแอพพลิเคชันในมือถือผ่านจอเครื่องเสียงรถยนต์ พร้อมระบบนำทาง และระบบสั่งงานด้วยเสียง (Voice Recognition) รวมถึงยังเพิ่มเติมความปลอดภัยตลอดการเดินทาง ผ่านบริการ Connect Car Services เป็นการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ TCU (Telematics Control Unit) เช่น การตรวจสอบประวัติ, การแสดงพิกัดรถยนต์บนสมาร์ทโฟน, ระบบเตือนความเร็ว และอื่นๆ ยังสามารถชาร์จแบทเตอรีอุปกรณ์ไฟฟ้าผ่าน USB Port Type C ได้ด้วย
ขุมพลัง 2.3 ลิตรเทอร์โบคู่ 190 แรงม้า
New Nissan Navara Pro4X วางขุมพลังดีเซล 2.3 ลิตรเทอร์โบคู่ อินเตอร์คูเลอร์ ไดเรคอินเจคชัน รหัส YS23DDTT ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้าที่ 3,750 รตน. แรงบิดสูงสุด 45.9 กก.-ม. (450 นิวตัน-เมตร) ที่ 1,500-2,500 รตน. ถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ เร่งแซงได้ดั่งใจด้วยแรงบิดแบบ Flat Torque ที่ให้อัตราเร่งตั้งแต่รอบเครื่องยนต์ต่ำ นอกจากนี้ ฝาครอบเครื่องยนต์ยังติดตั้งฉนวนกันเสียง ช่วยเพิ่มความเงียบในห้องเครื่องยนต์ เครื่องยนต์รหัสนี้ รองรับน้ำมันดีเซลทุกชนิด เช่น B7, B10 และ B20
บนเส้นทางวิบาก การให้ตัวของช่วงล่างทำได้ดี
ระบบรองรับด้านหน้า อิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบแหนบแผ่นซ้อนพร้อมชอคอับ ส่วนระบบห้ามล้อด้านหน้าแบบจาน พร้อมช่องระบายความร้อน ด้านหลังแบบดุม
เส้นทางช่วงขึ้น/ลงเขาระเบิด ช่วงหน้าแล้ง ชิล ชิล สำหรับการขับขี่
ระบบรองรับถูกปรับปรุงใหม่ เน้นความนุ่มนวลเมื่อวิ่งผ่านเส้นทางขรุขระ เพื่อลดอาการสั่นสะเทือนในห้องโดยสาร และยังเพิ่มความแข็งแรงของยางรองหัวเก๋ง เพื่อลดแรงกระแทกจากพื้นผิวถนน
เปลี่ยนจาก 4H มาเป็น 4LO เพื่อความมั่นใจในช่วงที่เส้นทางลาดชันมากๆ
จากการทดลองขับ 1 วันเต็มๆ กับสภาพเส้นทางที่หลากหลาย ทั้งเส้นทางการจราจรหนาแน่นในเมือง หรือเส้นทางหลวงสายหลัก ความคล่องตัวของ New Nissan Navara Pro4X ทำได้ดี อัตราเร่งแซงจากรอบเครื่องยนต์ประมาณ 2,500 รตน. เป็นต้นไปสามารถทำความเร็วได้ต่อเนื่อง วิ่งสบายๆ 120-140 กม./ชม. ไฮไลท์จริงๆ ของเส้นทางทดสอบครั้งนี้ อยู่ที่เส้นทางขึ้นเขาระเบิด ที่มีความหลากหลาย ครั้งนี้เรามีจุดหมายปลายทางที่ลานร่มร่อนบนยอดเขา เส้นทางช่วงแรกส่วนใหญ่เป็นทางลูกรัง เราปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่มาเป็น 4H โดยปรับเปลี่ยนได้ทันทีขณะขับขี่ด้วยระบบ Shift-on-The-Fly เพียงแค่หมุน Rotor Switch พอผ่านทางลูกรังมาสักระยะสภาพเส้นทางช่วงต่อไปเป็นทางชัน สลับหลุมหรือร่องลึก มีแอ่งน้ำเล็กๆ ตามธรรมชาติบ้างเป็นช่วง และมีหินก้อนใหญ่ตลอดเส้นทาง ทักษะในการขับขี่ช่วงขึ้น/ลงเขา แน่นอนครับว่า เราไม่เน้นความเร็ว เราเน้นการควบคุมตัวรถให้วิ่งไปตามไลน์ที่รถนำทางวางไว้ มีช่วงที่ต้องเปลี่ยนโหมดการขับขี่จาก 4H มาเป็น 4LO ตรงทางเนินชันยาว ที่ต้องอาศัยจังหวะการเร่งส่งขึ้นเนิน แต่ก็ไม่ยาก เพราะเส้นทางค่อนข้างแห้ง แตกต่างจากช่วงหน้าฝนที่เราเคยผ่านมาแล้ว ช่วงนั้นเส้นทางจะโหดร้ายกว่าเยอะ แต่สมรรถนะของ New Nissan Navara Pro4X บวกกับยาง All Terrain ที่ติดรถมา สามารถขับผ่านอุปสรรคเหล่านี้ได้แบบสบายๆ
ยาง Yokohama Geolandar All Terrain รับหน้าที่เป็นยางติดรถเดิมๆ สำหรับ Pro4X
ระยะทางขึ้น/ลงเขาระเบิด ประมาณ 8 กม. บวกลบนิดหน่อย เราใช้เวลาในการขับขึ้น/ลง ประมาณ 1 ชม. เศษๆ ผมชอบตรงที่ว่า พอเราใส่ 4LO และขับด้วยเร็วไม่เกิน 10 กม./ชม. ระบบกล้อง 360 องศารอบตัวรถจะทำงาน แสดงผลผ่านหน้าจอให้เราเห็นชัดเจนถึงการวางตำแหน่งล้อ ตรงนี้ดีงามมาก ส่วนระบบช่วยเหลือการขับขี่ต่างๆ Nissan เขาจัดให้เต็มพิกัด และพร้อมทำงานในเส้นทางแบบนี้ ทั้งระบบป้องกันการลื่นไถล (B-LSD), ระบบลอคเฟืองท้ายแบบไฟฟ้า (ERLD), ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA), ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) ระบบนี้ถ้าเราไม่คุ้นเคย อาจจะรำคาญเพราะตัวรถจะค่อยๆ เคลื่อนที่ลงอย่างช้า จนบางครั้งต้องช่วยเติมคันเร่ง หรือเราจะปลดระบบนี้ แล้วใช้เอนจินเบรคช่วยแทนก็ได้ แต่ต้องมั่นใจว่า เราควบคุมความเร็วของตัวรถได้จริงๆ
สวย ดุดัน ราคาน่าคบหา ไม่ดีดจนแพงเกินงาม
ฟันธง ! New Nissan Navara Pro4X คันนี้ใช่เลยสำหรับแฟน Nissan ที่ชอบลุย ระบบความปลอดภัยจัดเต็มทุกภาคส่วน จะขาดแค่ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ถ้าเติมมาให้ “งานดี” เลยละ และน่าจะเป็นรายแรกๆ ของรถกระบะ เครื่องยนต์และเกียร์เชื่อว่าในอนาคตอาจถูกปรับปรุงให้ทันสมัยเหมือนคู่แข่งเจ้าตลาด ส่วนค่าตัวของ New Nissan Navara Pro4X ราคา 1,149,000 บาท ส่วนรุ่น VL 4x4 ราคา 1,129,000 บาท จัดว่าน่าสนใจทีเดียว ไม่ดีดจนดูแพงเว่อร์ 
เรื่องโดย : ลิขิต น้าประเสริฐ
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
คอลัมน์ Online : ทดลองขับ (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/361918
แชร์บทความ
