บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์ MG (เอมจี)ในประเทศไทย รายงานผลการดำเนินงานปีที่ผ่านมามียอดขายรวม 28,316 คัน เติบโตขึ้น 7 % โดยเป็นผู้นำในกลุ่มรถเอสยูวีของตลาดเมืองไทย ด้วยยอดขายที่สูงถึง 17,819 คัน และมีส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้าสูงเกือบ 90 % พร้อมตั้งเป้าเปิดตัวรถรุ่นใหม่เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ย้ำแผนเดินการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 170 แห่ง ภายในปีนี้
พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปี 2563 MG มียอดขายรวม 28,316 คัน เติบโตขึ้นถึง 7 % เมื่อเทียบกับปี 2562 ซึ่งมียอดขายอยู่ที่ 26,516 คัน โดยแบ่งเป็นยอดขาย MG ZS (เอมจี เซดเอส) สูงถึง 11,013 คัน ตามมาด้วย MG HS (เอมจี เอชเอส) รวม MG HS PHEV (เอมจี เอชเอส พีเอสอีวี) จำนวน 6,008 คัน MG Extender (เอมจี เอกซ์เทนเดอร์) 5,387 คัน MG3 (เอมจี 3) จำนวน 4,856 คัน MG ZS EV (เอมจี เซดเอส อีวี) และ MG EP (เอมจี อีพี) จำนวน 826 คัน และรุ่นอื่นๆ 226 คัน
ในปีที่ผ่านมา MG ยังครองแชมพ์ยอดขายรถยนต์ในกลุ่มรถเอสยูวี ด้วยยอดการจำหน่ายรวมสูงถึง 17,819 คัน หรือประมาณเกือบ 1 ใน 4 ของตลาดรถยนต์ในกลุ่มดังกล่าว โดยมียอดจำหน่ายอันดับหนึ่งในกลุ่ม C-SUV ในขณะที่กลุ่ม B-SUV นั้น MG มียอดจำหน่ายสูงเป็นลำดับที่ 2 ของกลุ่ม
นอกจากนี้ MG ยังคงเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 88 % ด้วยยอดขาย 826 คัน จากยอดขายรวมทั้งหมด 939 คัน
สำหรับแนวทางการดำเนินงานในปีนี้ MG ยังคงมุ่งพัฒนา และนำเสนอสิ่งที่ดียิ่งขึ้นสำหรับลูกค้า สังคม และสิ่งแวดล้อม ภายใต้ปรัชญา Passion To Be Better โดยมีแผนแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดเพื่อเพิ่มผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายมากขึ้น และพัฒนาผลิตภัณฑ์เดิมให้มีความลงตัวมากยิ่งขึ้น สะท้อนภาพลักษณ์ของแบรนด์รถยนต์ MG ซึ่งจะมีความโดดเด่นใน 3 แกนหลัก ได้แก่ เทคโนโลยี (Technology) : มาพร้อมนวัตกรรม หรือเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และทำให้การใช้ชีวิตของคนง่ายยิ่งขึ้น, ความทันสมัย (Fashion) : มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่น และสามารถสร้างมาตรฐานใหม่ให้แก่อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และให้ความคุ้มค่า (Value) : ต้องมีความคุ้มค่า ทั้งในด้านของการใช้งาน และความคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของ
ส่วนของแผนงานขยายเครือข่ายผู้จำหน่าย ในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถขยายโชว์รูม และศูนย์บริการมาตรฐานได้ครบ 150 แห่ง ตามแผนงานที่วางไว้ และตั้งเป้าการขยายโชว์รูมและศูนย์บริการมาตรฐานเป็น 170 แห่ง ภายในปี 2564 เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทฯ และสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
นอกเหนือจากการแนะนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าซึ่งในปีที่ผ่านมา MG สามารถตั้งสถานี MG Super Charge ซึ่งเป็นสถานีชาร์จที่รองรับการชาร์จแบบ DC ได้ครบ 100 จุดชาร์จ ซึ่งอยู่ในระหว่างการทดลองระบบก่อนการเปิดใช้งาน และในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายในการตั้งสถานี MG Super Charge เพิ่มอีก 500 จุด เพื่อสร้างความมั่นใจในการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า และกระตุ้นการเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างครอบคลุม เร่งให้เกิดสังคมยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) ในประเทศไทยที่สมบูรณ์แบบ และมีประสิทธิภาพอย่างเร็วที่สุด
เรามั่นใจว่าตลาดรถยนต์โดยรวมในปีนี้จะเติบโตขึ้นด้วยปัจจัยสนับสนุนในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าถึงวัคซีน COVID-19 โดยคาดว่าตลาดรถยนต์โดยรวมน่าจะอยู่ที่ 840,000 คัน ในขณะที่ MG ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 42,000 คัน หรือเติบโตขึ้นกว่า 40 %”
บทความแนะนำ เกี่ยวกับ Mg
บทความแนะนำ คอลัมน์ ธุรกิจ