Ford Bronco กลับมาอีกครั้ง กับความคลาสสิค

วันนี้ Ford ได้เปิดตัว Bronco รุ่น 2020 ใหม่ อย่างเป็นทางการ ด้วยรูปโฉมใหม่ แต่ยังคงความคลาสสิค โดยมีทั้งรุ่น 2 ประตู แบบเดิมที่เคยวางขาย และเพิ่มรุ่น 4 ประตู ในรูปแบบเอสยูวีที่กำลังมาแรงในยุคปัจจุบัน การออกแบบ Ford Bronco ยังคงเอกลักษณ์ด้วยไฟตากลมเหมือนรุ่นแรก ตัวรถมีรูปทรงเหลี่ยมบึกบึนแข็งแรง ไฟท้าย LED พร้อมประตูท้าย มีทั้งแบบเปิดทางด้านข้างกว้าง 150 องศา และเปิดขึ้นด้านบน ตัวรถมาพร้อมฟังค์ชันสามารถถอดประตู และถอดหลังคาได้ กระจังหน้าแบบเปิด/ปิดอัตโนมัติ Active Grill Shutter ลูกค้าสามารถเลือกออพชัน กันชนหน้าพร้อมขอเกี่ยวที่ถูกยกสูงขึ้น พร้อมที่จะลุยทุกอุปสรรค ตั้งแต่ออกจากโชว์รูม ติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว หรือ 17 นิ้ว พร้อมยาง 35 นิ้ว มาจากโรงงาน ภายในห้องโดยสารยังคงทันสมัย และแปลกตาด้วยคอนโซลที่เต็มไปด้วยเหลี่ยมสัน มีหน้าจอตรงกลางขนาดใหญ่ถึง 12 นิ้ว เครื่องยนต์เบนซิน EcoBoost Turbo เจเนอเรชันใหม่ Race-bred EcoBoost เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ EcoBoost ขนาด 2.3 ลิตร Direct Injection กำลังสูงสุด 270 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 42.8 กก.-ม. (420 นิวตัน-เมตร)​ เครื่องยนต์เบนซิน V6 EcoBoost ขนาด 2.7 ลิตร เทอร์โบคู่ กำลังสูงสุด 310 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 55.3 กก.-ม. (542 นิวตัน-เมตร)​ ทั้งหมดจับคู่กับเกียร์ธรรมดา 7 จังหวะ หรือเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ระบบช่วงล่างด้านหน้าอิสระให้การตอบสนองที่ดีเวลาต้องเข้าพื้นที่ทุรกันดาร ด้านหลังระบบช่วงล่าง Solid Axle พร้อมการยึด 5 จุด มาพร้อมชอคอับจากค่าย Bilstien ที่มีระยะในการยืด/ยุบมากเป็นพิเศษ รวมถึงยังมีเหล็กกันโคลงแบบ Semi Hydrolic Ford Bronco รุ่นพื้นฐานมีความสูงจากพื้น 207 มม. และเพิ่มขึ้นได้เป็น 290 มม. เมื่อเปลี่ยนเป็นล้อ 17 นิ้ว ที่มาพร้อมยาง 35 นิ้ว ในรุ่นพื้นฐานมีมุมปะ 35.4 องศา มุมจาก 30 องศา

ในส่วนของรุ่นล้ออัลลอย 17 นิ้ว มุมปะทะจะเพิ่มเป็น 43.3 องศา มุมจาก 37.3 องศา สามารถลุยน้ำได้ 800 - 875 มม. มาพร้อมโหมดออฟโรด ที่เรียกว่า G.O.A.T (Go Over Any type of Terrain ) โดยมีโหมดให้เลือกขับขี่มากถึง 7 โหมด ได้แก่ Normal, Eco, Sport, Slippery และ Sand, รวมถึง Baja, Mud/Ruts and Rock Crawl พร้อมกับระบบลอคเฟืองท้าย Electronic Differential Lock Ford Bronco รุ่น 2021 เป็นรถลุยในทางวิบาก แต่การขับในทางเรียบ ก็ทำได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน Ford บอกว่านี่เหมือนการจับ Ford F-Series (เอฟ-ซีรีส์) มาผสมกับ Ford Mustang (มัสแตง)  มันทั้งลุยได้ และรวดเร็ว ในเวลาเดียวกัน