ทดลองขับกลุ่มแรกๆ ในโลก ! Toyota Corolla Cross ครอสส์โอเวอร์บึกบึน กว้างขวาง พกไฮบริดมาด้วย จะขับขี่ดีแค่ไหน มาพิสูจน์กัน !

https://youtu.be/Z0ZcKPIHI5M

• คลิพบรรยากาศการทดลองขับ Toyota Corolla Cross ในแต่ละสถานีโดยทีมงาน AutoinfoOnline

  เปิดตัวกันไปแล้ว กับ Toyota Corolla Cross ครอสส์โอเวอร์รุ่นใหม่แกะกล่อง ประเดิมที่แรกในโลก ณ ประเทศไทย (น่าภูมิใจจริงๆ) ก่อนเตรียมทำตลาดทั่วโลกในอนาคตอันใกล้ รายละเอียดตัวรถสามารถอ่านได้ในนี้ (คลิคเลย !!) พร้อมคลิพรีวิวจากพิธีกรของ Autoinfo Online ดังนั้นเราจะไม่ลงลึกในเรื่องของสเปคทั้งหลาย แต่จะเน้นไปที่การขับขี่เป็นหลัก แม้เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ ในสนามทดสอบของ Toyota Driving Experience Park แต่ทำให้เราได้เข้าใจบุคลิกของ Corolla Cross อีกไม่น้อย โดยเฉพาะคุณลักษณะการขับขี่จากตัวถังที่มีความบึกบึนกว่า C-HR อย่างชัดเจน รวมถึงระบบรองรับด้านหลังแบบ “ทอร์ชันบีม” ที่สร้างความประหลาดใจไม่น้อย จะลงตัวแค่ไหน มาทดลองขับไปพร้อมกัน    

• บุคลิกแบบครอสส์โอเวอร์ใช้งานในเมืองยังมีอยู่

การทดลองขับของเรา เริ่มต้นด้วยการขับที่ความเร็วต่ำ เป็นสลาลอมแบบเบาๆ เพื่อประเมินการตอบสนองของการหักเลี้ยวที่ความเร็วต่ำ เสมือนการขับขี่ในตัวเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น เราพบว่า Corolla Cross ยังมีบุคลิกของครอสส์โอเวอร์ที่รองรับการขับขี่ลักษณะดังกล่าวได้ดี พวงมาลัยเบาแรง  แม้การหักเลี้ยวอย่างต่อเนื่อง ตัวรถสามารถลัดเลาะผ่านไพลอนได้สบายๆ ไม่ต้องหักพวงมาลัยมากเกินไป มีความคล่องตัวที่ดี จุดนี้เราคิดว่าตัวรถสามารถทำได้ดีไม่แพ้เพื่อนร่วมค่าย (และร่วมโครงสร้างตัวถัง TNGA) อย่าง C-HR ที่มีรูปทรงสปอร์ทกว่า    

• ระบบช่วยเหลือการขับขี่สำหรับเดินทางไกล

ส่วนถัดมา เรายืดเส้นยืดสายเจ้า Corolla Cross กันสักนิด ด้วยการเพิ่มความเร็วขึ้นมาที่กว่า 50 กม./ชม. เพื่อทดสอบระบบ Lane Keep Assist พร้อมระบบเตือนผู้ขับ หากพบว่าตัวรถแล่นออกนอกเลนโดยไม่เจตนา (นั่นคือ ไม่มีการเปิดไฟเลี้ยว) ระบบมีการควบคุมพวงมาลัยอย่างนุ่มนวล รักษาตัวรถให้กลับมาอยู่กึ่งกลางเลนอย่างแม่นยำ เป็นระบบที่นอกเหนือจากความปลอดภัยแล้ว ยังช่วยให้ผู้ขับมีความผ่อนคลายขณะควบคุมตัวรถขณะขับขี่ทางไกล เนื่องจากระบบจะช่วยประคองการควบคุมพวงมาลัยอีกแรง    

• สลาลอมทดลอง Handling

หลังจากผ่านการทดลองขับแบบเบาๆ สบายๆ ได้เวลาเพิ่มความท้าทายให้ Toyota Corolla Cross กันอีกสักนิด ด้วยการเร่งความเร็วขึ้นมาที่ 60 กม./ชม. และแล่นผ่านไพลอนแบบสลาลอม หักเลี้ยวต่อเนื่องซ้าย/ขวา พวงมาลัยที่มีน้ำหนักเบาจากการทดลองขับช่วงแรก แปรเปลี่ยนเป็นความเฉียบคมที่ทำได้ดีอย่างน่าพอใจ น้ำหนักเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ยังบังคับควบคุมได้แม่นยำ นอกเหนือจากการบังคับควบคุม ระบบรองรับก็ตอบสนองได้ดี (ขอย้ำอีกครั้งว่าระบบรองรับด้านหลังเป็นแบบ ทอร์ชันบีม) อาการโคลงมีเพียงเล็กน้อย หากใครที่กังวลว่าตัวถังของ Corolla Cross ที่มีความเป็น เอสยูวี มากขึ้น จะส่งผลต่อความคล่องแคล่วเมื่อใช้ความเร็วระดับหนึ่ง ก็ขอบอกเลยว่า “สบายใจได้ หายห่วง” และยังต่อเนื่องด้วยการหักเลี้ยวกระทันหัน ตัวรถก็ยังตอบสนองการบังคับควบคุมได้ดีมาก    

• อัตราเร่งไหลลื่น มอเตอร์เสริมแรง

การขับขี่ที่น่าพอใจในแต่ละส่วน ทำให้ Toyota Corolla Cross มีความน่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้ความปลอดโปร่งของห้องโดยสารรอบตัวผู้ขับ แต่เชื่อว่าหัวข้อสมรรถนะ คือ สิ่งที่หลายคนยังคงสนใจ กับเครื่องยนต์ระบบไฮบริด ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังทั้งระบบที่ 122 แรงม้า (ข้อมูลโดยละเอียดดูได้ในเวบไซต์ก่อนหน้านี้) พูดง่ายๆ คือ นี่คือ ระบบไฮบริดที่ถูกใช้งานใน C-HR และ Corolla Altis นั่นเอง สเปคเหมือนกันทุกประการ แต่ทางผู้ผลิตระบุว่า บรรดากล่องควบคุมจะอิงพื้นฐานจากทาง Corolla Altis มากกว่า จะอย่างไรก็แล้วแต่.. ส่วนต่อไปนี้ คือ การทดสอบอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. (ตามเข็มบนหน้าปัด) อยู่ที่ประมาณ 12-13 วินาที กับการกดคันเร่งบนทางตรงยาวประมาณ 300 ม. ระดับของแบทเตอรีมีพอสมควรพร้อมเสริมการขับเคลื่อน เมื่อกดคันเร่งลงไปจนสุด จึงมีเสียงหวีดหวิวของมอเตอร์ไฟฟ้า ขับเคลื่อนร่วมกับเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร ความเร็วไต่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่หวือหวาแบบหลังติดเบาะ แต่เน้นความไหลลื่น อย่างที่เคยสัมผัสมาแล้วกับ C-HR แต่ด้วยลักษณะของตัวถัง เราคิดว่าอัตราเร่งของ Corolla Cross อาจช้ากว่ากันเล็กน้อยในแง่ของตัวเลข (หากวัดกันจริงๆ) แต่ในแง่ของความรู้สึก ไม่ถึงกับอืดอาดแต่อย่างใด ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยในรุ่นไฮบริดอยู่ที่ 23.3 กม./ลิตร (ข้อมูลจาก Ecosticker)     

• มองเห็นได้ชัด จัดโค้งได้เนียน

ส่วนถัดมา คือ การเข้าโค้งในวงกว้าง ตามปกติคงเป็นสถานีทดลองขับสำหรับการยึดเกาะถนนอีกครั้ง ในแง่ของการเข้าโค้ง แต่สำหรับ Corolla Cross ได้พิสูจน์คุณลักษณะที่โดดเด่นอีกประการ นั่นคือ “ทัศนวิสัย” ด้วยช่องกระจกทรง 3 เหลี่ยม บริเวณเสา เอ ถูกออกแบบมาให้มีขนาดใหญ่เพียงพอ มีประโยชน์ยามเมื่อเข้าโค้งต่อเนื่อง หรือ หากใช้ความเร็วต่ำก็มีประโยชน์ในการมองเห็นขอบถนนด้านข้าง (ติดกับผู้ขับ) ได้ดีเช่นกัน ขอยืนยันว่า “การมองเห็นที่ดี นำมาสู่การเข้าโค้งที่แม่นยำ” และ นี่คือ อีกหนึ่งจุดเด่นของ Corolla Cross ช่วยให้การเข้าโค้งตามแนวไพลอนทำได้เรียบเนียนจากทัศนวิสัยที่ดี และแน่นอนว่า เสริมด้วยระบบรองรับที่มีความนุ่มหนึบอย่างพอเหมาะ ไม่มีปัญหาในการขับลัดเลาะตามแนวไพลอนแต่อย่างใด    

• พิสูจน์กันไปเลย ว่าไหวไหมกับ “ทอร์ชันบีม”

อย่างที่เราเกริ่นตั้งแต่เริ่มแรกแล้วว่า Toyota Corolla Cross เป็นรถยนต์ภายใต้โครงสร้างตัวถัง TNGA “รุ่นแรก” ที่ใช้ระบบรองรับด้านหลังแบบ ทอร์ชันบีม เพราะรุ่นอื่นๆ เขาใช้แบบอิสระทั้งหมด (ไม่ว่าจะเป็น Camry หรือรถยนต์ระดับเดียวกันอย่าง C-HR และ Corolla Altis) เรามีโอกาสสอบถามกับทีมงานของผู้ผลิตว่าเหตุใดจึงเลือกใช้งานระบบรองรับ ทอร์ชันบีม ? คำตอบที่ได้รับ คือ ทางผู้ผลิตมีความเห็นว่า Corolla Cross จะเป็นครอสส์โอเวอร์ที่ใช้งานอย่างหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะการเดินทางไกล การโดยสารลักษณะครอบครัว การบรรทุกสัมภาระพอประมาณ และการลุยทางสมบุกสมบันเล็กน้อย (แต่ลุยได้ดีกว่าครอสส์โอเวอร์ที่เน้นการใช้งานในตัวเมืองเป็นหลัก) ดังนี้แล้ว ระบบรองรับสำหรับการใช้งานลักษณะดังกล่าวอย่างเหมาะสมจึงเป็นแบบทอร์ชันบีม และทางผู้ผลิตก็ทำการปรับแต่งในช่วงล่างมีความนุ่มนวลในระดับที่น่าพอใจอยู่แล้ว จึงไม่ต้องกังวลเรื่องความแข็งกระด้าง     นั่นก็เป็นคำตอบของทางผู้ผลิต แต่กลับมาที่ผลลัพธ์จากการทดลองขับของเราต่อไป การแล่นรถผ่านสะพานขนาดเล็ก คอสะพานมีความชันเล็กน้อย เราพบว่าตัวรถมีอาการกระดอนไม่มากนัก ระบบรองรับดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี และเมื่อแล่นลงจากสะพาน อาการกระแทกก็ไม่มีแต่อย่างใด ตัวรถกระดอนเพียงเล็กน้อยเช่นกัน (ซึ่งเป็นธรรมดาของการแล่นลงจากคอสะพาน) ไม่มีอาการโคลง หรือสั่นไหวไปมา แต่.. อาการของระบบรองรับแบบ ทอร์ชันบีม ยังมีให้สัมผัสอยู่ นั่นคือ แรงสะเทือนที่มากกว่ารถเก๋งทั่วไป แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่ก็พอมีความแตกต่างให้สัมผัสได้ เราคิดว่า คนที่เข้าใจลักษณะของตัวรถ รวมถึงมีความคุ้นเคยกับรถยนต์ประเภทครอสส์โอเวอร์ หรือ เอสยูวี มาบ้างแล้ว การตอบสนองของระบบรองรับจาก Corolla Cross  ไม่แข็งกระด้างแม้แต่น้อย แต่ใครที่ใช้งานรถเก๋งจนชิน แทบไม่เคยสัมผัสรถยนต์อเนกประสงค์ทรงสูง ควรหาโอกาสทดลองขับเสียก่อน เพื่อประเมินว่าจะรับการตอบสนองของช่วงล่างได้มากน้อยแค่ไหน    

• พิสูจน์กันต่อกับทางขรุขระ (ที่พบเจอบ่อยในบ้านเรา)

ส่วนสุดท้าย คือ การแล่นรถผ่านเนินสลับ เพื่อทดลองการดูดซับแรงสั่นสะเทือนจากพื้นถนนที่เป็นลอน ไม่ราบเรียบ เราพบว่าตัวรถยังคงแล่นผ่านพื้นผิวถนนในส่วนนี้ได้อย่างเรียบเนียน อาการโคลงมีน้อยมาก ไม่จำเป็นต้องควบคุมพวงมาลัยมากนัก (ผนวกกับการแปรผันด้วยไฟฟ้า) ตัวรถแล่นได้เป็นเส้นตรง ผ่านเนินสลับได้สบายๆ แสดงให้เห็นว่า Toyota Corolla Cross ถูกปรับแต่งมาให้สามารถรับรองสภาพถนนหนทางของบ้านเราได้ดีในระดับหนึ่ง หรือแม้แต่ในส่วนถัดมา กับการแล่นผ่านพื้นผิวขรุขระ แรงสั่นสะเทือนก็ส่งขึ้นมายังห้องโดยสารในระดับที่สัมผัสได้ แต่ไม่สูญเสียความสะดวกสบายของการโดยสาร และการบังคับควบคุมโดยรวม ความนุ่มนวลของระบบรองรับทำหน้าที่ได้ดี นอกจากอเนกประสงค์แล้วยังขับสบาย แม้เจอกับทางขรุขระ    

• ทดลองนั่งด้านหลัง กว้างสบายจริงๆ

นอกเหนือจากการเป็นผู้ขับ เรายังมีโอกาสนั่งเป็นผู้โดยสารบนเบาะด้านหลัง บอกได้เลยว่า นี่คือ “หนึ่งในสิ่งน่าประทับใจ” ของ Corolla Cross กับความกว้างขวางที่ทำได้น่าพอใจ พนักพิงหลังทำมุมเอนได้พอเหมาะ นั่งได้สบายโดยเฉพาะการนั่งเป็นระยะเวลานานๆ ในแง่ของการเดินทางไกล และสำคัญที่สุด คือ ทัศนวิสัยโดยรวมที่ปลอดโปร่ง มองเห็นได้รอบตัว ทีมงานของเรามีความสูงประมาณ 170 ซม. พบว่าพื้นที่เหนือศีรษะยังเหลืออีก 1 กำปั้นกว่าๆ จึงให้ความรู้สึกปลอดโปร่งเป็นอย่างดี ขอบล่างของกระจกหน้าต่างอยู่ในระดับเหนือหัวไหล่เล็กน้อย สามารถมองเห็นทิวทัศน์ด้านนอกได้ชัดเจน ไม่อึดอัด (ต่างจาก C-HR ที่เน้นรูปทรงแบบคูเป ทำให้มุมมองของผู้โดยสารด้านหลังค่อนข้างอับ และอึดอัด) เสริมด้วยการติดตั้งหลังคาซันรูฟ ช่วยเพิ่มความรู้สึกปลอดโปร่งได้อีก แต่มีจุดสังเกตอยู่บ้าง คือ รูปทรงของเบาะคู่หน้าค่อนข้างหนา ทำให้การมองไปข้างหน้าของผู้โดยสารบนเบาะหลังจะติดขัดเล็กน้อย    

• สรุป (จากการลองสั้นๆ) ทางเลือกครอสส์โอเวอร์ขับสบาย และอเนกประสงค์กว่าเดิม

คำว่าครอสส์โอเวอร์ต่างก็มีใช้กันอย่างแพร่หลาย จากความนิยมที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่อัตราส่วนการผสมผสานที่แตกต่าง ทำให้ครอสส์โอเวอร์แต่ละรุ่นมีบุคลิกเฉพาะตัว สำหรับ Toyota Corolla Cross ถูกเพิ่มดีกรีการเป็น เอสยูวี มากขึ้น (เมื่อเทียบกับครอสส์โอเวอร์ทรงสปอร์ทอย่าง C-HR) ทำให้มีตัวถึงที่บึกบึน ใหญ่โต มีมาดความเป็นรถอเนกประสงค์ชัดเจน แต่ไม่เทอทะแต่อย่างใด ห้องโดยสารกว้างขวาง ทัศนวิสัยยอดเยี่ยม มีอุปกรณ์ใช้สอยเพื่อความสะดวกสบาย (เช่น ประตูบานท้ายเปิด/ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมการเปิดด้วยการกวาดขาข้างใต้กันชนท้าย..หากถือกุญแจรถอยู่กับตัว) มีการประหยัดเชื้อเพลิงที่ดีจากเครื่องยนต์ไฮบริด และสมรรถนะที่ดีสมตัว ภายใต้ราคาที่ไม่ต่างจากคู่แข่ง เชื่อว่ารถรุ่นนี้สามารถดึงความสนใจจากผู้ที่ต้องการอรรถประโยชน์ที่ครบครัน ภายใต้ราคาระดับ 1 ล้านบาทต้นๆ จากค่ายรถที่มีศูนย์บริการแพร่หลาย อย่าได้มองข้ามรถรุ่นนี้ไปเชียว .. Toyota Corolla Cross     Toyota Corolla Cross (จะเข้าโชว์รูมทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 24 กค. นี้)

• รุ่น Hybrid Smart ราคา 1,019,000 บาท
• รุ่น Hybrid Premium ราคา 1,089,000 บาท
• รุ่น Hybrid Premium Safety ราคา 1,199,000 บาท
• รุ่น 1.8 Sport ราคา 989,000 บาท (ช่วงนี้ราคาพิเศษที่ 959,000 บาท ตั้งแต่เปิดตัวถึง 30 กันยายน 2563 มีจำนวนจำกัด)