เรื่องน่ารู้
ฟ้าหลังฝนที่ “ปิล๊อก” หลังปลดลอค
https://www.youtube.com/watch?v=yE-D6iz-IPQ&t=2s
หลังผ่านวิกฤต COVID-19 “ชีวิตอิสระ” ออกเดินทางอีกครั้งไปยัง “บ้านอีต่อง” หมู่บ้านเล็กๆ สุดเขตตะวันตกของไทย ในดินแดนแห่งหุบเขาปิล๊อก ที่อากาศดี และได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่ชอบความสงบ กลางหุบเขา และสายหมอก
มุ่งหน้าสู่ทองผาภูมิ กับ NISSAN NAVARA
อำเภอทองผาภูมิ แม้อยู่แค่จังหวัดกาญจนบุรี แต่หากเดินทางจากกรุงเทพฯ ระยะทางจะไกลถึงกว่า 300 กม. ยิ่งจุดหมายปลายทางของเราอยู่ที่บ้านอีต่องด้วยแล้ว ยิ่งต้องใช้เวลาเดินทางมากกว่า 6 ชม. กับระยะทางเกือบ 400 กม.
แม้ตลอดทางจะมีฝนโปรยปรายลงมา แต่ช่วงล่างของ NISSAN NAVARA (นิสสัน นาวารา) รถคู่ใจของเรา ถูกปรับให้นุ่มนวลมากขึ้น และไม่โยนตัวขณะเข้าโค้ง ถือว่าสอบผ่านได้อย่างสบาย
เครื่องยนต์ 2.3 ลิตร 190 แรงม้า ตอบสนองดี และแรงพอตัว เวลาไต่เนินชันเครื่องยนต์ให้แรงบิดที่ดี สิ่งที่ชอบอีกอย่าง คือ ระบบอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น กล้องอัจฉริยะรอบทิศทาง ทำให้การขับง่ายขึ้นเยอะ
บ้านอีต่อง อดีตเหมืองแร่ที่รุ่งเรือง
บ้านอีต่อง เป็นแหล่งเหมืองแร่ที่เคยรุ่งเรืองในอดีตกว่า 60 เหมือง แม้ปัจจุบันจะเหลือเพียงตำนานเล่าขาน ทิ้งไว้เพียงหมู่บ้านที่แสนสงบ และชาวบ้านที่มีมิตรไมตรี ทั้งชาวไทย และชาวเมียนมาร์ ของลูกหลานคนงานเหมืองแร่ในอดีต ที่นี่ยังเต็มไปด้วยความงดงามของธรรมชาติ และอากาศบริสุทธิ์ เปรียบเสมือนแรงดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาสัมผัส
ฤดูกาลท่องเที่ยวของหมู่บ้านอีต่อง คือ ช่วงหน้าหนาว ประมาณเดือน ตค. เป็นต้นไป เป็นเวลาที่ร้านค้าต่างๆ ในหมู่บ้านเริ่มเปิดบริการอย่างคึกคัก แต่ในช่วงฤดูฝนแบบที่เรามานี้ แม้ร้านค้าต่างๆ จะไม่มากมายนัก แต่ก็ได้บรรยากาศที่เงียบสงบเข้ามาแทน และด้วยความที่เป็นหุบเขาสูง จึงมีหมอกลอยเอื่อยๆ ให้เราได้สัมผัสกันทั้งวัน เหมาะมากกับการพักผ่อน
บ้านบนเขาเทวดา แปรเปลี่ยนเป็นโฮมสเตย์
เคยสงสัยกันไหมว่า “อีต่อง” แปลว่าอะไร เราสอบถามชาวบ้านได้ความว่า หมู่บ้านอีต่อง มาจากคำว่า “หมู่บ้านณัตเอ่งต่อง” ซึ่งคำว่า “ณัต” แปลว่า เทพเจ้า หรือ เทวดา “เอ่ง” แปลว่า บ้าน ส่วนคำว่า “ต่อง” แปลว่า ภูเขา เมื่อรวมกันแล้วจึงหมายถึง หมู่บ้านที่อยู่บนเขาเทวดา ต่อมาได้ออกเสียงเพี้ยนกลายเป็นหมู่บ้านอีต่อง จนถึงปัจจุบัน
ถ้าใครสังเกตเห็นบ้านดั้งเดิมของคนที่นี่ จะสร้างแบบเรียบง่ายด้วยโครงไม้ และมุงหลังคาด้วยสังกะสี ถ้าบ้านไหนมีฐานะดีก็จะมุงด้วยกระเบื้อง แต่ปัจจุบันได้กลายมาเป็นโฮมสเตย์เกือบหมดแล้ว โดยเฉพาะบริเวณติดสระน้ำ คงเพราะความเจริญเข้ามา มีประปาหมู่บ้าน ไฟฟ้า สัญญาณโทรศัพท์
รวมไปถึงร้านขายของที่ระลึก เริ่มมีผลิตภัณฑ์ของตัวเองให้ได้เห็น ไม่ว่าจะเป็น โพสการ์ด แมกเนท ที่เสียบรูป เสื้อผ้า กางเกงชาวเขา เครื่องเงิน และพลอย ให้เลือกซื้อเป็นของฝาก
เดินชมเหมือง และวัดเหมืองปิล๊อก
จากหมู่บ้านอีต่อง แค่เดินข้ามถนนก็เข้าสู่เหมืองปิล๊อกที่เคยรุ่งเรืองในอดีตแล้ว จากคำบอกเล่าทำให้ผมจินตนาการไปถึงความรุ่งโรจน์ของเหมืองปิล๊อกสมัยก่อน ว่ากันว่าหมู่บ้านอีต่องกลายเป็นหมู่บ้านที่มีมากกว่า 1,000 หลังคาเรือน ก็จากเหมืองแห่งนี้
เนื่องจากมีผู้คนเข้ามาทำงานในเหมืองกันมากมาย ที่นี่จึงคึกคัก มีชีวิตชีวา มีการแลกเปลี่ยนค้าขาย สถานบันเทิง โรงบ่อน และมีโรงหนังถึง 2 โรง จนกระทั่งเกิดวิกฤตการณ์ราคาแร่ตกต่ำทั่วโลก เหมืองจำนวนมากทยอยปิดตัวลง คนงานพากันอพยพไปหางานทำที่อื่น หมู่บ้านนี้จึงกลับคืนสู่ความเงียบสงบอีกครั้งหนึ่ง
ปัจจุบันบริเวณเหมืองปิล๊อก เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินเข้าชมเครื่องจักรต่างๆ ที่ใช้ในการทำเหมืองสมัยก่อน ทั้งรถบรรทุกเก่า รถไถ ถังน้ำมัน เครื่องยนต์ดีเซลต่างๆ หัวจ่ายน้ำมัน ฯลฯ
ส่วนด้านบนมีบ้านพัก และสวนผลไม้
เดินถัดไปอีกนิด จะพบกับวัดเหมืองปิล๊อก เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์คู่หมู่บ้านอีต่อง
ด้านบนมีพระธาตุให้เคารพกราบไหว้ วัดนี้อยู่ติดกับชายแดนไทย-เมียนมาร์ ถูกสร้างขึ้นในยุคที่เหมืองปิล๊อกรุ่งเรืองประมาณ 60 ปีที่แล้ว สถาปัตยกรรมแบบเมียนมาร์ โดยมีเจดีย์ทรงเมียนมาร์ตั้งอยู่บนเนินเขาลูกเล็ก
ชมพระอาทิตย์ขึ้น ที่เนินช้างศึก
เช้าวันรุ่งขึ้น เราเดินทางไปสัมผัสความงดงามยามเช้าที่เนินช้างศึก ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุด อยู่ห่างจากหมู่บ้านอีต่องเพียงแค่ 2 กม. เท่านั้น
สามารถมองเห็นภูเขาน้อยใหญ่มากมายสุดสายตา ถ้ามาช่วงหน้าฝน หรือหน้าหนาว จะได้เห็นทะเลหมอกที่สวยงาม และยังสามารถเห็นสันเขาที่กั้นแบ่งเขตประเทศไทย และประเทศเมียนมาร์ได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังมองเห็นหมู่บ้านอีต่องได้ทั้งหมู่บ้านอีกด้วย
หากใครชอบกางเทนท์ ที่เนินช้างศึกสามารถกางเทนท์ค้างแรมได้ฟรี มีห้องน้ำ และทหารคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ แต่เนื่องจากสูง ลมจะแรง และอากาศเย็นเป็นพิเศษ จึงต้องเตรียมอุปกรณ์มาให้พร้อม เนื่องจากในตอนเช้าจะมีหมอกหนา แต่ไม่แนะนำให้มาพักในหน้าฝน
แผนที่เส้นทาง
ที่กิน
หากใครมาที่หมู่บ้านอีต่อง แนะนำให้ลองมาชิมอาหารร้าน “ครัวเจ๊ณี” ร้านชื่อดังของที่นี่ อาหารขึ้นชื่อได้แก่ปูทะเลสดๆ และอาหารทะเลจากประเทศเมียนมาร์ แต่เนื่องจากด่านปิดจากโรคระบาด COVID-19 ทำให้เราไม่ได้กินเมนูทะเล แต่ไม่เป็นไร "เจ๊ณี" ยังมีเมนูพื้นบ้านให้ได้ลองชิมกัน เราสั่ง “ปลาหัวยุ่งทอด” “ต้มยำปลาคัง” “ปลาคังผัดฉ่า” และ “ผัดผักพื้นบ้าน” ทุกจานอร่อย รสจัด และราคาถูก ไปลองชิมกันได้
ที่นอน
ในหมู่บ้านอีต่องมีโฮมสเตย์หลายแห่ง ส่วนใหญ่เป็นบ้านที่นำมาต่อเติมเป็นโฮมสเตย์ เราเลือกพัก “ทางช้างเผือกโฮมสเตย์” เนื่องจากตั้งอยู่บนที่สูง สามารถมองเห็นหมู่บ้าน และเนินช้างศึกได้ชัดเจน ภายในสะอาด มีเครืองทำน้ำอุ่น ทีวี และพัดลม ด้านบนมีดาดฟ้าให้นั่งดูดาวยามค่ำคืนได้ด้วย ราคาเริ่มต้นที่ 600 บาท/คืน เท่านั้น
ขอขอบคุณ
บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เอื้อเฟื้อพาหนะในการเดินทาง
เรื่องโดย : วิธวินท์ ไตรพิศ
ภาพโดย : จินดา ลัยนันท์
คอลัมน์ Online : เรื่องน่ารู้
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/333260