รถล่าสุด
MG HS เอสยูวีหรู ผสมมาดสปอร์ท ราคาน่าสนใจ จัดไปที่ 919,000-1,119,000 บาท ช้าก่อน.. ลูกค้า 1,000 คนแรก รับส่วนลด 34,000 บาท สำหรับทุกรุ่น !!
https://youtu.be/07y0AhhC6Kk
MG HS ถูกออกแบบด้วยความพิถีพิถัน ผสมผสานระหว่างความหรูหรากับความสปอร์ท เส้นสายตัวถังแบบ British Shoulder Line เน้นความโค้งมนของตัวรถ กระจังหน้าเอกลักษณ์เฉพาะของ MG ไฟหน้าโฉบเฉี่ยวแบบแอลอีดี พโรเจคเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน และไฟท้ายแบบ Space Light Field ไฟเลี้ยวด้านหน้า/หลังที่แสดงผลไล่ระดับแบบ Sequential ล้อแมกขนาด 18 นิ้ว ในรุ่น D และ X และขนาด 17 นิ้ว ในรุ่น C ขณะที่มิติตัวถัง ความยาว 4,574 มม. กว้าง 1,876 มม. สูง 1,664 มม. และระยะฐานล้อ 2,720 มม. น้ำหนักรวม 1,510-1,570 กก. ระยะต่ำสุดจากพื้น 145 มม.
ห้องโดยสารได้รับการออกแบบให้มีความโค้งมน โอบรับสรีระ ตกแต่งด้วยวัสดุภายในให้สัมผัสนุ่ม (Soft Touch) ครอบคลุมทั้งบริเวณคอนโซลหน้า และแผงประตูทั้งด้านหน้า และหลัง เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้าแบบ Bucket Seat ทรงสปอร์ทสีดำสลับแดง หุ้มด้วยวัสดุ Alcantara (เฉพาะรุ่น X) เบาะหลังปรับพับได้แบบ 60:40 พร้อมพนักพิง ปรับองศาได้ และที่วางแขนขนาดใหญ่ ไฟในห้องโดยสารแบบ Interactive Ambient Light ส่องสว่างทันทีที่เปิดประตู และสามารถปรับโทนแสงภายในห้องโดยสารได้มากถึง 64 สี สามารถปรับเปลี่ยนแบบอัตโนมัติตามโหมดการขับขี่ หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิคขนาดใหญ่ 1.1 ตรม.
MG HS มีการติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกในขณะขับขี่ครบครัน ได้แก่ หน้าจอแสดงผลแบบ Interactive Multi Function Display ขนาด 7 นิ้ว แสดงข้อมูลเรื่องการขับขี่ ระบบความปลอดภัย ระบบความบันเทิง และระบบนำทาง พร้อมหน้าจอหลักแบบ Smart Touchscreen ขนาด 10 นิ้ว พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชั่น ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone และช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง พร้อมกุญแจระบบ Smart Key และปุ่ม Push Start นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้า (Electric Liftgate) ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน (ในรุ่น X)
MG HS ใช้เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร เกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ กำลังสูงสุด 162 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 25.5 กก.-ม. ที่ 1,700 รตน. ทางผู้ผลิตอ้างว่ารถรุ่นนี้มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาไม่ถึง 10 วินาที อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 16.1 กม./ลิตร (ตามข้อมูลจาก Ecosticker) รองรับน้ำมันเชื้อเพลิง E85 โดยรุ่น X มาพร้อมปุ่มปรับโหมดการขับขี่ที่สามารถปรับรูปแบบการขับขี่ได้ถึง 4 โหมด นั่นคือ โหมด Normal สำหรับการขับขี่แบบทั่วไป โหมด Eco เพื่อการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง โหมด Sport เพื่อการขับขี่ที่เร้าใจ และโหมด Custom ที่สามารถเลือกรูปแบบการขับขี่ได้ตามต้องการ นอกจากนี้ ยังมีโหมด Super Sport บนพวงมาลัยที่ช่วยเร่งพลังการขับขี่เร้าใจยิ่งขึ้น (มีติดตั้งในรุ่น X)
MG HS มาพร้อมช่วงล่างตามแบบ Euro Tuning Suspension ด้วยช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท ที่ได้รับการตั้งค่าให้เหมาะสมกับการขับขี่ของลูกค้า และช่วงล่างด้านหลังแบบมัลทิ ลิงค์ รองรับการขับขี่ในสภาพถนนที่หลากหลาย
MG HS ติดตั้งระบบปฎิบัติการอัจฉริยะ i-SMART ประกอบด้วยระบบ Smart Command ระบบสั่งการที่สามารถสั่งการได้ด้วยเสียงภาษาไทย สั่งงานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การโทรออก สั่งการควบคุมระบบเครื่องเสียง ระบบปรับอากาศ ระบบเปิด/ปิดหน้าต่างฝั่งคนขับ และระบบเปิด/ปิดหลังคาซันรูฟ รวมถึงค้นหาจุดที่น่าสนใจผ่านระบบเนวิเกเตอร์ นอกจากนี้ยังสามารถสั่งงานระบบต่างๆ ผ่านหน้าจอสัมผัสภายในรถ หรือเลือกสั่งงานผ่าน MG Mobile Application บนโทรศัพท์มือถือ ถัดมา คือ ระบบ Smart Connect ที่สามารถค้นหาเพลงผ่านระบบออนไลน์ เและค้นหาร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว และโรงแรม รวมถึงแสดงผลการจราจร รวมถึงอัพเดทข่าวสารในปัจจุบันบนหน้าจอในรถ สุดท้าย คือ ระบบ Smart Check ที่สามารถตรวจสอบสถานะ และตรวจเชครถได้อย่างง่ายดาย ตลอดจนการสั่งการลอค หรือปลดล็อก ประตูรถ ตรวจสอบตำแหน่งรถ แจ้งเตือนเมื่อพบสิ่งผิดปกติ และช่วยค้นหาศูนย์บริการ รวมถึงการบันทึกการดูแลรักษารถตามระยะ ผ่าน MG Mobile Application
MG HS ให้ความปลอดภัยด้วยระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) ที่แข็งแกร่ง พร้อมติดตั้งระบบความปลอดภัยระดับมาตรฐานยุโรป หรือ Advanced Synchronized Protection System มากถึง 25 ระบบ ประกอบด้วย ระบบ Synchronized Protection System เป็นระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุที่ช่วยทั้งเรื่องระบบเบรก และช่วยรักษาเสถียรภาพในการขับขี่ 14 ระบบ อาทิ ระบบควบคุมการเบรคขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control) ระบบลดความเสี่ยงที่จะทำให้รถพลิกคว่ำ ARP (Anti Rolling Program) ระบบตรวจสอบลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System) และมีอีก 4 ระบบที่ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา ประกอบด้วย
คู่แข่งที่เปิดตัวล่าสุด: Chevrolet Captiva ราคา 999,000-1,199,000 บาท
- ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
- ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
- ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-Beam Control)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
- ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถจะออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
- รุ่น C ราคา 919,000 บาท
- รุ่น D ราคา 1,019,000 บาท
- รุ่น X ราคา 1,119,000 บาท
คู่แข่งที่เปิดตัวล่าสุด: Chevrolet Captiva ราคา 999,000-1,199,000 บาท
เรื่องโดย : ภูเขม หน่อสวรรค์
คอลัมน์ Online : รถล่าสุด (บก. ออนไลน์)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/online/295123