รถล่าสุด
Mazda 3 ออพชันดี ราคาแรง ..หรือไม่ ? มาแจกแจงสเปคกันดูในแต่ละรุ่นย่อย

https://youtu.be/m2ELcYBWJPY
Mazda 3 ทั้ง 2 ตัวถัง นั่นคือ Sedan และ Fastback มีราคาของแต่ละรุ่นย่อยเท่ากัน นั่นคือ 2.0 C ราคา 969,000 บาท ตามด้วย 2.0 S ราคา 1,069,000 บาท ปิดท้ายด้วย 2.0 SP ราคา 1,198,000 บาท ใครจะเลือกตัวถังสไตล์ไหน คงแล้วแต่ความสนใจ และลักษณะของการใช้งาน โดยรุ่น Sedan จะมีความเรียบง่าย ผสมความภูมิฐาน ขณะที่รุ่น Fastback จะเน้นความสปอร์ท ผสมความหรู
จุดน่าสนใจ: ราคาไม่ถึง 1 ล้านบาท , ติดตั้งระบบแสดงผลสะท้อนบนกระจกหน้า , ระบบเตือนจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน , ระบบเตือนเมื่อมีรถแล่นมาข้างหลังขณะถอย , เบาะหนัง , ระบบไฟหน้าอัตโนมัติ , สปอยเลอร์หลัง (ในรุ่น Fastback) , ระบบรองรับปรับแต่งมาเทียบเท่ากันทุกรุ่น , เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร Skyactiv-G 165 แรงม้า
จุดสังเกต: ไม่มีไฟส่องสว่างเวลากลางวัน , ไม่มีไฟตัดหมอก , ระบบปรับอากาศธรรมดา (ไม่อัตโนมัติ) , ไม่มีระบบความปลอดภัยของ i-Activsense
การประเมินโดยรวม: Mazda รุ่น 2.0 C เน้นความเรียบง่าย ล้อแมกไม่โดดเด่น เพราะมีขนาดเพียง 16 นิ้ว (รุ่นย่อยถัดมาล้วนใช้ขนาด 18 นิ้วกันหมด) รูปทรงภายนอกโดยรวมยังคงมีความใกล้เคียงกัน และภายในห้องโดยสารให้อารมณ์ใกล้เคียงกับรุ่นย่อยที่สูงกว่า เพราะตกแต่งด้วยเหมาะหนังเหมือนกัน รวมถึงจอแสดงผลต่างๆ ขาดแต่เพียงอุปกรณ์ใช้งาน และระบบความปลอดภัยที่ล้ำสมัย กับราคาที่ 969,000 บาท มีความคุ้มค่าของมาดสปอร์ทจากตัวรถ ความกว้างขวาง และระบบรองรับที่ปรับแต่งมาลงตัว แต่ทางที่ดี คนที่ได้ครอบครองควรหาล้อแมกชุดใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น (อย่างน้อยขนาด 18 นิ้วขึ้นไป) จะเข้ากับตัวรถมากๆ
https://youtu.be/nKbgAEkrqAY
จุดน่าสนใจ: จุดเด่นของรุ่น 2.0 S คือ รูปทรงภายนอก และภายในที่ใกล้เคียงกับ รุ่นทอพ 2.0 SP ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งภายในผสมโครเมียม ล้อแมกขนาด 18 นิ้ว ขณะที่อุปกรณ์ใช้สอยเพิ่มเติม คือ ระบบแอร์อัตโนมัติแบบแยกโซน
จุดสังเกต: ระบบความปลอดภัยยังคงเหมือนรุ่นย่อย 2.0 C ส่วนระบบ i-Activsense ยังคงไม่มีในรุ่นนี้ เรามีความคิดว่า ในรุ่นย่อยระดับกลางเช่นนี้ ควรมีระบบความปลอดภัยเสริมเข้ามาบางรายการ อาจไม่ครบเท่ารุ่นทอพ แต่ควรจะมีติดตั้งบ้าง เพราะรุ่นย่อยระดับกลาง ราคาเกินกว่า 1 ล้านบาทเข้าให้แล้ว
การประเมินโดยรวม: เรามีความรู้สึกว่า รุ่นย่อยระดับกลางอย่าง 2.0 S เน้นรูปทรงที่ลงตัว ใกล้เคียงกับรุ่นทอพ 2.0 SP (ขาดแต่เพียงไฟส่องสว่างเวลากลางวันซะงั้น) แต่อุปกรณ์ใช้สอยกลับเพิ่มเข้ามาพอประมาณเท่านั้น จุดที่น่าเสียดาย คือ ระบบความปลอดภัยของ i-Activsense แทบไม่มีติดตั้งเลย (ร่วม 10 รายการ) อย่างน้อยควรมีสัก 4-5 รายการติดตั้งเข้ามาบ้าง เพื่อความเหมาะสมของการเป็นรุ่นย่อยตัวกลาง ราคาเกิน 1 ล้านบาทเช่นนี้
จุดน่าสนใจ: ระบบความปลอดภัยของ i-Activsense ถูกติดตั้งเข้ามาครบครัน สมกับการเป็นรุ่นทอพ ระบบที่ถูกเพิ่มเข้ามาจากรุ่นก่อนหน้านี้ คือ ระบบช่วยหยุดรถ เมื่อมีรถแล่นมาจากจุดอับสายตาด้านหลัง , ระบบเตือน และช่วยหยุดรถ เมื่อถอยหลัง และมีรถกำลังแล่นเข้ามา ช่วยให้มีความปลอดภัยที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น รวมถึงระบบใช้งานต่างๆ เช่น เครื่องเสียงของ Bose , ความเร้าใจแบบสปอร์ทกับแพดเดิล ชิฟท์ ส่วนไฟส่องสว่างเวลากลางวันกลับมีให้ในรุ่นทอพเท่านั้น ส่วนยางที่ใช้ คือ Yokohama Advan dB
จุดสังเกต: แม้จะเป็นรุ่นทอพ แต่ยังคงปราศจากไฟตัดหมอก อีกทั้งรูปทรงโดยรวมแยกความแตกต่างจากรุ่นย่อย 2.0 S ค่อนข้างยาก แน่นอนว่า รุ่น 2.0 SP ไม่มีหลังคาซันรูฟติดตั้งมาให้ นอกจากนี้ ระบบเนวิเกเตอร์ก็ไม่มีติดตั้งมาในตัว ต้องอาศัยการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือเท่านั้น นับเป็นสิ่งที่น่าเสียดายสำหรับตัวทอพ มูลค่าเกือบ 1.2 ล้านบาทเช่นนี้ นอกจากนี้เครื่องยนต์บลอคใหม่ Skyactiv-X ยังไม่มีกำหนดนำมาใช้งานในอนาคตอันใกล้
การประเมินโดยรวม: รุ่นทอพ 2.0 SP ยังคงเหมาะสำหรับผู้ที่ถูกใจ Mazda 3 รุ่นนี้มากมาย (พร้อมกับงบประมาณที่มากพอ) สิ่งที่ได้มา คือ ระบบความปลอดภัยที่ทันสมัยจาก i-Activsense เพิ่มเติมจากรุ่นก่อนหน้านี้ และเผลอๆ จะมากกว่าคู่แข่งระดับเดียวกันด้วย !! พร้อมระบบเครื่องเสียงชั้นดี เสียงกระหึ่ม เรามีความคิดว่า รุ่นย่อยที่คุ้มค่าที่สุด คือ ตัวทอพ 2.0 SP นี่เอง
ความคุ้มค่านอกเหนือจากบรรดาอุปกรณ์ใช้สอย และระบบความปลอดภัย: ก่อนหน้านี้เราได้ทดลองขับ Mazda 3 กันไปล่วงหน้า แม้เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่พิสูจน์ให้เห็นว่า Sedan และ Fastback รุ่นนี้ มีความโดดเด่นในแง่ของระบบรองรับ ถูกปรับแต่งมาอย่างลงตัว ขับสนุก ตัวรถมีอาการโคลงน้อยขณะเข้าโค้ง ควบคุมง่าย จัดเป็น ซี-เซกเมนท์ ที่มีช่วงล่างลงตัวที่สุดก็ว่าได้ และคุณสมบัติดังกล่าวมีในทุกรุ่นย่อย
Coming Up Next: เทียบสเปคกับ 3 คู่ฟัด Mazda 3 v Toyota Corolla Altis v Honda Civic !! 

