ทดลองขับ/ทดสอบ Hyundai Ioniq Electric ฟาสต์แบคพลังงานไฟฟ้า ทรงสปอร์ท อัตราเร่งสูสี Honda Civic 1.8 !

  Hyundai Ioniq Electric คือ หนึ่งในขุมพลังที่หลากหลายของรถรุ่นนี้ ไล่เรียงตั้งแต่ เครื่องยนต์เบนซิน เครื่องยนต์พลัก-อิน ไฮบริด และเครื่องยนต์ไฟฟ้าล้วน ที่เราได้มาทดลองขับ และทดสอบ รูปทรงของ Ioniq Electric มาในสไตล์ฟาสต์แบค นั่นคือ แฮทช์แบคท้ายลาด ตัวรถจึงมีความปราดเปรียว ถูกออกแบบให้คำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์ เพื่อการประหยัดพลังงานไฟฟ้า มีอัตราการลู่ลมที่ 0.24 Cd เท่านั้น รวมถึงการลดน้ำหนักตัวรถ ด้วยการเลือกใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบาอย่างอลูมิเนียมในการผลิตฝากระโปรงหน้า และฝากระโปรงท้าย ทำให้สามารถลดน้ำหนักลงไปได้ถึง 12.6 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับเหล็กทั่วไป ในแง่ของมิติตัวถัง Hyundai Ioniq Electric มีความยาว 4,470 มม. และระยะฐานล้อ 2,700 มม. จัดเป็นรถยนต์ระดับ ซี-เซกเมนท์ (เช่น Honda Civic)     ขุมพลังของรถยนต์รุ่นนี้ คือ มอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 120 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 30.1 กก.-ม. แบทเตอรีความจุ 28 กิโลวัตต์ชั่วโมง กำลังไฟ 98 กิโลวัตต์ ระหว่างการทดลองขับ เราใช้เส้นทางบนทางด่วน พบว่าอัตราเร่งน่าพอใจ ในโหมด Normal มีความไหลลื่นเป็นอย่างดี สามารถไต่ความเร็วไปถึงช่วง 120-130 กม./ชม. อย่างไม่ยากเย็น โดยก่อนหน้านี้ทีมงานของเราได้มีโอกาสนำ Ioniq Electric มาทดสอบอัตราเร่ง ผลออกมาดังนี้ (หมายเหตุ: ขณะทำการทดสอบ มีผู้โดยสาร 2 คน ปิดแอร์ และใช้โหมด Normal)    

• อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 10.3 วินาที
• อัตราเร่งระยะ 0-1,000 ม. 32.0 วินาที (ที่ความเร็ว 164.1 กม./ชม.)
• อัตราเร่งยืดหยุ่น 60-100 กม./ชม. 5.2 วินาที
• อัตราเร่งยืดหยุ่น 80-120 กม./ชม. 7.1 วินาที

  ตัวเลขอัตราเร่งดังกล่าวถือว่าทำได้ใกล้เคียงกับรถยนต์ระดับ ซี-เซกเมนท์ โดยคู่เปรียบเทียบ คือ Honda Civic เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.8 ลิตร กำลังสูงสุด 141 แรงม้า มีตัวเลขสมรรถนะจากการทดสอบของเราตามนี้       

• อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 11.1 วินาที
• อัตราเร่งระยะ 0-1,000 ม. 32.4 วินาที (ที่ความเร็ว 166.6 กม./ชม.)
• อัตราเร่งยืดหยุ่น 60-100 กม./ชม. 6.1 วินาที
• อัตราเร่งยืดหยุ่น 80-120 กม./ชม. 7.5 วินาที

  จากตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า อัตราเร่งของ Hyundai Ioniq Electric มีการตอบสนองที่ดี อัตราเร่งช่วงตีนต้น และช่วงความเร็วต่ำมีความได้เปรียบ จากแรงบิดที่ส่งออกมาตั้งแต่ออกตัว ตามแบบฉบับมอเตอร์ไฟฟ้า แม้ช่วงความเร็วสูงจะมีแผ่วเล็กน้อย เนื่องจากถูกจำกัดความเร็วสูงสุดเอาไว้ที่ประมาณ 165 กม./ชม. แต่ในการใช้งานทั่วไปถือว่าเหลือเฟือ ไม่อืดแต่อย่างใด     นอกเหนือจากเรื่องอัตราเร่งที่ทำได้ดีไม่แพ้เครื่องยนต์สันดาปของรถยนต์ระดับเดียวกัน รูปแบบการใช้งานโดยรวมก็มีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่มีจุดที่ต้องทำความเคยชินเล็กน้อย คือ การใช้งานแพดเดิล ชิฟท์ หลังพวงมาลัย ตามปกติ จะเป็นแป้นใช้งานสำหรับเปลี่ยนจังหวะเกียร์ แต่สำหรับ Ioniq Electric จะเป็นการปรับระดับแรงหน่วงของมอเตอร์ไฟฟ้า     แรงหน่วงนั้นมีประโยชน์อย่างไร ? ระบบจะแปรผันแรงหน่วงให้เป็นพลังงานไฟฟ้ากลับมาใช้งานนั่นเอง หลักๆ แล้วจะเกิดขึ้นระหว่างการเบรค และการถอนเท้าออกจากคันเร่ง ยิ่งระดับของการหน่วงของมอเตอร์ไฟฟ้ามากเท่าไร พลังงานที่ได้คืนมาก็มากตามเท่านั้น ช่วงยืดระยะทำการของแบทเตอรีอย่างได้ผล (หากใช้งานอย่างถูกต้อง) อย่างไรก็ตาม ระดับความหน่วงขั้นสูงสุด อาจลดทอนความไหลลื่นขณะขับขี่ด้วย นอกจากนี้ขณะใช้งานควรแน่ใจว่า ไม่มีรถยนต์ขับตามหลังในระยะกระชั้นชิด เพราะความเร็วจะลดลงมาค่อนข้างไวกว่าปกติ หากผู้ขับถอนเท้าจากคันเร่ง     ระบบรองรับโดยรวมมีความนุ่มหนึบกำลังดี ขับขี่ได้สบาย รวมถึงพวงมาลัยที่มีน้ำหนักพอเหมาะ ค่อนข้างเบาเล็กน้อย แต่ยังบังคับควบคุมได้ดีในทุกช่วงความเร็ว การขับขี่ที่ดีถูกเสริมด้วยระบบช่วยเหลือที่ครบครันตามสมัยนิยม เช่น ระบบครูสคอนทโรลแบบแปรผันความเร็วกับรถคันหน้าอัตโนมัติ ทางทีมงานเปิดโอกาสให้เราได้ทดลองระบบดังกล่าว และพบว่า การทำงานมีความนุ่มนวลดีมาก ไม่ว่าจะเป็นการชะลอความเร็ว หรือเพิ่มความเร็ว นอกจากนี้ยังมีระบบเตือนการเปลี่ยนเลนโดยไม่เจตนา พร้อมกับการช่วยควบคุมทิศทางของพวงมาลัยให้อยู่ในเลน แต่จุดที่ยอดเยี่ยมของ Hyundai Ioniq Electric คือ ระบบชะลอความเร็วจากรถคันหน้าจนกระทั่งหยุดสนิท และสามารถเคลื่อนรถไปข้างหน้าอัตโนมัติ หากหยุดนิ่งไม่เกิน 3 วินาที เหมาะสำหรับการขับขี่บนการจราจรที่หนาแน่น รถยนต์เคลื่อนตัวช้าๆ (แต่อาจไม่เหมาะกับถนนเมืองกรุงในบ้านเราที่รถติดเป็นเวลานาน)     ระหว่างการขับขี่ และสลับมาเป็นผู้โดยสาร เราพบว่า ห้องโดยสารของ Ioniq Electric มีความกว้างขวางอย่างน่าพอใจ เบาะคู่หน้านั่งได้สบาย ด้านหลังมีระยะศีรษะอีกพอสมควร แม้ตัวรถจะมีหลังคาลาดเทตามสไตล์ฟาสต์แบค การตกแต่งโดยรวมเน้นความทันสมัยตามแบบฉบับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า แต่ผสมผสานความหรูหรา ให้ความรู้สึกคุ้นเคย คุณภาพประกอบ และการตกแต่งทำได้น่าพอใจมาก     สิ่งที่แฝงอยู่ คือ ความรักษ์โลกในตัว ใช้วัสดุตกแต่งจากธรรมชาติ เช่น ผ้าบุเพดานหลังคา และพรมที่มีส่วนผสมจากต้นอ้อย สีพ่นตัวถังที่มีส่วนผสมของน้ำมันถั่วเหลือง แผงประตูที่ผลิตจากพลาสติครีไซเคิล ผสมกับผงไม้ และหินจากภูเขาไฟ มีความแข็งแรงเป็นอย่างดี นอกจากนี้ บริเวณช่องแอร์ คอนโซลกลาง พวงมาลัย และเบาะนั่ง ถูกตกแต่งขอบด้วยวัสดุสีส้มทองแดง ได้แรงบันดาลใจจากวัสดุทองแดงของวงจรระบบไฟฟ้า     ทางผู้ผลิตอย่าง Hyundai ระบุว่า Ioniq Electric มีระยะทำการที่ 280 กม. เมื่อชาร์จแบทเตอรีเต็ม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับสภาวะการขับขี่ด้วย (เช่น ความเร็วที่ใช้ และลักษณะของเส้นทาง) เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป โดยเฉพาะในตัวเมืองได้หลายวัน การชาร์จไฟฟ้าจากครัวเรือนจะใช้เวลาประมาณ 4 ชม. ขึ้นไป (จากระดับแบทเตอรีเกือบหมดจนกระทั่งชาร์จเต็ม) ขณะที่การชาร์จแบบเร่งด่วนจะใช้เวลาเพียง 20-30 นาทีเท่านั้น แต่จุดจ่ายไฟฟ้าแบบเร่งด่วนยังคงมีไม่มากนัก แม้สถานีจ่ายไฟโดยบริษัทเอกชนจะมีแพร่หลายขึ้นบ้างก็ตาม แต่ไม่ใช่ทุกจุดที่จะสามารถจ่ายไฟฟ้าแบบเร่งด่วนได้ (Quick Charge) นับเป็นจุดที่ผู้ต้องการใช้งานต้องตรวจสอบให้ดี ในแง่ของความคุ้มค่าเรื่องรายจ่ายของการชาร์จไฟฟ้า การชาร์จจากครัวเรือน โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยของผู้เป็นเจ้าของเอง เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด     จากการทดลองขับ และทดสอบ Hyundai Ioniq Electric ในระยะเวลาสั้นๆ แต่หลากหลายแง่มุม เรามีความคิดว่า รถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นนี้ให้ความคุ้นเคยเป็นอย่างดี เมื่อเทียบกับการขับขี่รถยนต์เครื่องยนต์สันดาป การขับขี่ทำได้ไหลลื่น อัตราเร่งทันใจ พร้อมกับอุปกรณ์ที่ครบครัน กับราคาที่ 1,749,000 บาท ถือว่าสูงกว่ารถยนต์ระดับ ซี-เซกเมนท์ ทั่วไป เทียบเท่ารุ่นทอพของรถยนต์ ดี-เซกเมนท์ แต่มีความคุ้มค่าเรื่องการใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้าก่อนใคร ซึ่งเป็นกระแสที่มีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับการได้ครอบครองรถยนต์ยุคอนาคตที่ใช้งานได้จริงในช่วงเวลาปัจจุบัน !   ขอขอบคุณ Hyundai Motor (Thailand) Co., Ltd. สำหรับการทดลองขับครั้งนี้   ตารางข้อมูลจำเพาะ และออพชันของ Hyundai Ioniq Electric (คลิคที่รูปเพื่อดูขนาดเต็ม)