เมื่อคิดจะเปลี่ยนแมกให้กับรถคันรัก ต้องศึกษาให้ถี่ถ้วน ลงตัวและเข้ากับตัวรถให้มากที่สุด แต่พอไปเปิดดูข้อมูลตามอินเตอร์เนท ก็มักพบกับศัพท์เทคนิคต่างๆ ที่ยากเกินจะเข้าใจ โดยเฉพาะค่า "พีซีดี" และ "ออฟเซท" Autoinfo คลายข้อสงสัยให้ครับ มาดูกัน
ภาพจาก https://modifiedcarpartsnortheast.co.uk
อย่างแรกก็คือ ค่า PCD ย่อมาจาก Pitch Circle Diameter ซึ่งหมายถึงระยะห่างของรูนอทล้อ โดยวัดจากเส้นผ่าศูนย์กลางวงกลมของตำแหน่งนอทล้อฝั่งตรงข้ามกัน (เส้นผ่าศูนย์กลางวงกลมนั่นเอง) ซึ่งจะเป็นค่าที่ใช้แตกต่างกันไปในรถแต่ละรุ่น ถ้าเป็นรถยนต์นั่งสัญชาติญี่ปุ่น และรถยุโรปบางรุ่น จะเป็นค่าอยู่ที่ 100 และ 114.3 มม. เป็นส่วนมาก ส่วนรถยนต์นั่งสัญชาติเยอรมันก็จะเป็น 112 กับ 120 มม. เป็นต้น ส่วนใหญ่จะเรียกควบคู่กับจำนวนของรูนอท เช่น 4 รู 100 แมกมีจำนวน 4 รูนอท เส้นผ่าศูนย์กลาง 100 มม. นั่นเอง วิธีการเลือกซื้อเมื่อเราทราบขนาดของ พีซีดี ของรถเราแล้ว ก็สามารถเลือกซื้อล้อแมกให้ตรงกับรุ่นรถของเราได้เลย โดยที่ไม่ตรงแปลงดุมล้อแต่อย่างใด
ส่วนคำว่า ออฟเซท เป็นระยะหน้าแปลนดุมล้อแมกรถยนต์ (จุดที่ใส่นอทล้อ) เป็นค่าที่กำหนดระยะยื่นและหุบของล้อ
- ออฟเซทลบ จะเป็นแฟชันของรถรุ่นเก่า หรือรถแต่งแนวฟลัส ระยะที่ยึดดุมล้อจะเยื้องไปด้านใน เกินกึ่งกลางความกว้างของล้อแมก (ทิศทางจุดยึดนอทล้อ ขยับเข้าหาล้อด้านใน) ทำให้ล้อมีขอบยื่นออกมาสวยงาม แต่ข้อเสีย คือ เมื่อเวลาตกหลุม หรือยางรั่ว ยางแตก ล้อหน้าก็จะเลี้ยวออกด้านนอก ทำให้เกิดการแฉลบได้ง่าย (ภาพช่องแรก)
- ออฟเซทศูนย์ ระยะดุมล้อที่ไม่เยื้อง อยู่กึ่งกลางกับความกว้างของล้อแมก (ภาพช่องกลาง)
- ออฟเซทบวก ระยะดุมล้อที่เยื้องไปทางด้านนอก เมื่อตั้งแมกตรง (เหมือนใส่กับรถ) มองจากด้านหน้าของแมก จะสังเกตได้ว่าจุดที่ใส่รูนอทของแมกนั้น มีระยะออกมาทางในทิศทางด้านนอก เกินกึ่งกลางความกว้างของล้อแมก ซึ่งรถสมัยใหม่ก็จะเป็นออฟเซท บวกทั้งสิ้น เนื่องจากเวลาตกหลุม หรือยางรั่วที่ความเร็วสูง ล้อหน้าจะไม่เลี้ยวออกด้านนอก ช่วยลดอาการแฉลบ (ภาพช่องสุดท้าย)
ส่วนการดูออฟเซท ให้สังเกตด้านหลังล้อ บริเวณดุมหรือก้าน จะมีคำว่า ET ต่อด้วยเครื่องหมายและตัวเลข หรือมีเฉพาะตัวเลข เช่น ET +38 หรือ 38 หมายถึง ออฟเซท +38 นั่นเอง
บทความแนะนำ เกี่ยวกับ เปลี่ยนล้อแมก
บทความแนะนำ คอลัมน์ เรื่องน่ารู้