GM ปรับกำลังผลิตหลังคนอเมริกันไม่ชอบรถเล็ก

  Detroit News รายงานข่าวว่า General Motors สหรัฐอเมริกา เตรียมปรับลดกำลังการผลิตในโรงงาน 5 แห่ง รวมทั้งเลิกจ้างพนักงานหลายพันคน เหตุเพราะราคาน้ำมันที่ถูกลง รวมทั้งความนิยมของคนอเมริกัน หันไปนิยมชมชอบรถกระบะ ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ รวมทั้งรถเอสยูวี ทำให้ยอดการจำหน่ายรถซีดาน, รถเก๋งขนาดเล็ก และรถสปอร์ท ซบเซาลงอย่างหนัก รายงานข่าวกล่าวว่า เมื่อสิ้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีรถยนต์ที่ผลิตเสร็จเรียบร้อย อยู่ในสตอคของ GM ทั้งสิ้น 870,000 คัน ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในรอบ 8 ปี โดยรถยนต์ส่วนใหญ่เป็นรถขนาดเล็ก ซึ่งนักวิเคราะห์ระบุว่า อายุการส่งมอบรถยนต์ที่ประกอบแล้วเสร็จจนถึงมือลูกค้า จะอยู่ในราว 60-70 วัน ที่ถือว่าเป็นระยะเวลาที่ดีที่สุด ขณะที่ค่าเฉลี่ยของการส่งมอบโดยรวมของ GM อยู่ที่ 105 วัน แต่สำนักวิจัยและข้อมูลด้านยานยนต์ Autodata ที่ทำงานด้านนี้ระบุว่า รถบางรุ่นของ GM ใช้ระยะเวลานานกว่าค่าเฉลี่ยจำนวนมาก อาทิ เมื่อสิ้นสุดเดือนพฤศจิกายน รถยนต์รุ่น LaCrosse มีอายุการส่งมอบ 168 วัน, Camaro 177 วัน, Corvette และ  Spark 170 วัน, Cruze 121 วัน, ATS 119 วัน, CTS 132 วัน และ CT6 110 วัน Detroit News ระบุว่า จากผลของจำนวนรถยนต์ในสตอค ดังกล่าว ทำให้ค่าย GM เตรียมลดปริมาณการผลิต หรือหยุดการทำงานในเดือนนี้ ในโรงงานประกอบรถยนต์ 5 แห่ง นอกเหนือจากนั้น GM ยังระบุว่า ได้วางแผนที่จะเลิกการทำงานผลัดที่สอง ในโรงงานที่ ดีทรอยท์ อันจะทำให้ต้องเลิกจ้างพนักงานราว 1,300 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นส่วนที่นอกเหนือจากจำนวนพนักงานที่คาดว่าจะต้องเลิกจ้างราว 2,000 คน เมื่อ GM เลิกการทำงานผลัดที่สาม General Motors ชี้แจงในคำแถลงการณ์เรื่องการเลิกจ้างพนักงานครั้งนี้ เพื่อให้ "เป็นไปตามปริมาณการผลิตในปัจจุบัน และการคาดการณ์ความต้องการในอนาคต" แม้ว่าราคาน้ำมันจะถูก ทำให้ผู้บริโภคยินดีหันไปหารถยนต์เครื่องยนต์ขนาดใหญ่มากขึ้น แต่จากนโยบายของว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ โดนัลด์ ทรัมพ์ ถึงนโยบายด้านการประหยัดพลังงาน ยิ่งทำให้อนาคตของโรงงานประกอบรถยนต์มืดมนยิ่งขึ้น