จากรายงานการขายรถยนต์ในประเทศจีน ในรอบ 11 เดือนที่ผ่านมา Honda สามารถทำยอดการจำหน่ายแซง Toyota และจะทำให้เชือดเฉือนตำแหน่งผู้นำของยอดรวมในปีนี้
จากรายงานการขายของทั้ง 2 บริษัทจนถึงเดือนพฤศจิกายน ในรอบ 11 เดือน Honda ขายได้มากกว่า Toyota ราว 14,500 คัน โดยนับจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน Honda ส่งมอบรถยนต์ในประเทศจีนไปแล้ว 1.11 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 28 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ Toyota ส่งมอบได้ 1.10 ล้านคัน เพิ่มขึ้นเพียง 10 %
Honda ประสบความสำเร็จอย่างมากในเดือนพฤศจิกายน ขายได้ 126,713 คัน เพิ่มถึง 40 % โดยรุ่นรถส่วนใหญ่ สามารถได้รับการลดหย่อนภาษีซื้อ 50 % สำหรับรถยนต์ความจุไม่เกิน 1.6 ลิตร และการลดหย่อนภาษีซื้อนี้ จะหมดอายุปลายปีนี้
สำนักข่าว Nikei ญี่ปุ่น รายงานว่า Toyota ประเทศจีน ส่งมอบรถยนต์ในเดือนพฤศจิกายน 111,100 คัน เพิ่ม 6 %
ผู้บริโภคชาวจีน รีบเร่งซื้อหา Honda รุ่นใหม่ๆ ทั้ง Civic และรถในกลุ่มเอสยูวี
และเพื่อตอบรับต่อความต้องการของผู้บริโภค ค่ายรถยนต์อันดับ 3 ของญี่ปุ่น เตรียมวางศิลาฤกษ์โรงงานแห่งใหม่ ที่เมือง Wuhan
ยอดการขายรถยนต์ในประเทศจีน ค่อนข้างได้รับความกดดัน จากสภาพทางเศรษฐกิจที่เป็นไปอย่างเชื่องช้า แต่นักวิเคราะห์ก็เชื่อว่า ในปีนี้ยอดการขายจะกลับมาเติบโตอีกครั้ง จากการอัดฉีดทางภาษีของรัฐบาล
แต่รถในกลุ่มเอสยูวี น่าจะเป็นข้อยกเว้น เพราะผู้บริโภคให้ความนิยมรถขนาดใหญ่ ทำให้อัตราเติบโตในเซกเมนท์นี้ โตถึง 46 %
โฆษกของ Toyota ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นกรณียอดขายที่ต่ำกว่าคู่แข่งขัน “เราไม่เห็นจุดบอดในการเพิ่มยอดขายของเรา” เขากล่าว “จุดประสงค์ของเราในประเทศจีน คือ การทำให้ธุรกิจเติบโตไปได้ โดยมุ่งเป้าไปที่ความพึงพอใจของลูกค้า, รวมทั้งคุณภาพการขายและการบริการของเรา”
ขณะเดียวกับที่โฆษกของ Honda ก็ระบุว่า “การเอาชนะบแรนด์คู่แข่งขัน ไม่ใช่วัตถุประสงค์ทางธุรกิจของเราในประเทศจีน เรามุ่งเป้าไปที่ความต้องการของผู้บริโภคชาวจีน และรู้สึกได้ถึงแรงตอบรับของผู้บริโภค และประเมินได้ว่า เป้าหมายการทำงานของเรามาถูกทางแล้ว”
Honda ทำประวัติการขาย 9 เดือนของปีนี้ด้วยตัวเลข 2 หลัก และเข้าใกล้เป้าการขายจำนวน 1.18 ล้านคัน ที่เพิ่มเป้ามาเมื่อเดือนตุลาคม อีก 100,000 คัน ขณะที่ Toyota ทำตัวเลขได้มากกว่า Honda 240,000 คัน เมื่อปี 2557 แต่ทั้ง 2 ค่ายก็ยังทำยอดขายได้ห่างจากผู้นำอย่าง GM และ Volkswagen ซึ่งทั้ง 2 ยี่ห้อขายรวมกันได้ในปีที่แล้ว 3.6 ล้านคัน

