รหัส M ของ BMW บ่งบอกความแรงมาแต่ไหนแต่ไร ภายใต้ตัวถังที่หลากหลาย แต่หากต้องการความเร้าใจแบบดั้งเดิม ผสมความดิบห้าวในตัว ตัวแรง M2 ยังคงเป็นรุ่นที่หลายคนยังถวิลหา ครั้งนี้เราได้มาทดสอบสมรรถนะกันเต็มๆ กับ BMW DRIVING CHALLENGE 2023 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท จ. บุรีรัมย์
รูปทรงของ BMW M2 (บีเอมดับเบิลยู เอม 2) รุ่นล่าสุด ยังคงมาในสไตล์สปอร์ทคูเป ขนาดกะทัดรัด แต่มีการเพิ่มสันเหลี่ยมรอบคันให้มีความดุดันมากกว่ารุ่นก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด กระจังหน้าไตคู่มีลักษณะเน้นเหลี่ยมสันกว่าเดิม กันชนหน้าทรงเหลี่ยม พร้อมกับช่องรับอากาศขนาดใหญ่ สันเหลี่ยมเหนือซุ้มล้อมีขนาดใหญ่ขึ้น รับกับล้อแมกคู่หน้าขนาด 19 นิ้ว สีดำเข้มสำหรับรหัส M (ยางขนาด 275/35 R19) และคู่หลังขนาด 20 นิ้ว (ยางขนาด 285/30 R20) จานเบรค และคาลิเพอร์สีแดงสดขนาดใหญ่พร้อมโลโก M ขณะที่ส่วนท้ายมีความุดันไม่แพ้กัน กับท่อไอเสียคู่แยก 2 ฝั่งซ้าย/ขวา สมกับสมรรถนะของตัวรถ
ภายนอกที่ดิบห้าวของ M2 รุ่นล่าสุด กลับเป็นอารมณ์ที่แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับภายในห้องโดยสาร มีการออกแบบที่ทันสมัยเกินคาด เห็นได้จากจอแสดงผลขนาดใหญ่ตามแบบฉบับ BMW สมัยใหม่หลายรุ่น จอภาพมีความคมชัด แสดงผลได้หลากหลาย รวมถึงการแสดงผลในโหมดสปอร์ท หรือขณะขับขี่แบบเน้นสมรรถนะยังมีให้ครบครัน องค์ประกอบอื่นๆ ยังคงมีความสปอร์ทเต็มเปี่ยม ตามสไตล์ M ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัยทรงสปอร์ท คันเกียร์พร้อมโลโก M แป้นแพดเดิล ชิฟท์ขนาดใหญ่ ใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ รวมถึงวัสดุตกแต่งหลายส่วนในห้องโดยสาร เบาะนั่งทรงสปอร์ท มีตำแหน่งต่ำลงมาตามสไตล์รถสปอร์ทสมรรถนะสูง โอบกระชับสรีระอย่างยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตาม M2 รุ่นนี้ยังเผื่อเหลือให้ความสะดวกสบายเล็กน้อย กับเบาะด้านหลังที่นั่งได้จริง (แม้จะมีขนาดเล็กมากๆ) และมีการติดตั้งช่องแอร์ด้านหลังมาให้ด้วย
ขุมพลังของ BMW M2 คือ เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 3.0 ลิตร กำลังสูงสุด 460 แรงม้า ไม่มีระบบไฮบริดมาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด เป็นหนึ่งในจุดเด่นของขุมพลังที่เน้นการตอบสนองแบบดั้งเดิมที่หาได้ยากขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบัน ส่งกำลังสู่ล้อคู่หลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ แต่สามารถปรับการตอบสนองให้คล้ายกับเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ได้ (เพื่อความเร้าใจแบบสปอร์ทสมรรถนะสูง)
การทดลองขับในสนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิท ทำให้เราได้มีโอกาสกดคันเร่งกันเต็มๆ ในช่วงทางตรง ความเร้าใจแรกที่สัมผัสได้ คือ ซุ่มเสียงที่แผดดังตามระดับการกดคันเร่ง ความดุดันของเสียงทำได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้รถสปอร์ทระดับซูเพอร์คาร์ และสิ่งที่ถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกับซุ่มเสียง คือ อัตราเร่งที่เร้าใจจากสปอร์ทคูเปคันนี้ การไต่ความเร็วเกิดขึ้นในพริบตา สมกับพละกำลังอันมหาศาลของ M2 แม้การเลือกใช้โหมดเกียร์แบบอัตโนมัติ แต่การเปลี่ยนจังหวะทำได้ไหลลื่นดีมาก (ผู้ขับสามารถเลือกบันทึกโหมดการขับเคลื่อน และการปรับแต่ง ผ่านปุ่ม M สีแดงสดบนพวงมาลัย) การปลดปล่อยพละกำลังทำได้ง่ายดาย และตอบสนองได้หลากหลายรูปแบบ สมกับการเป็นตัวแรงรหัส M ยุคใหม่ ที่มีทั้งความดิบห้าว และความหลากหลายในตัว ในช่วงทางตรงยาวของสนามแข่ง การไต่ความเร็วถึงระดับ 200 กม./ชม. ใช้เวลาสั้นๆ เท่านั้น
พละกำลังอันมหาศาลของ BMW M2 ย่อมต้องมาพร้อมกับระบบรองรับ และระบบเบรคที่มีประสิทธิภาพสูงไม่แพ้กัน การขับในสนามแข่ง คือ บทพิสูจน์คุณสมบัติดังกล่าวได้อย่างชัดเจน เราพบว่าจุดเด่นของ M2 รุ่นนี้ คือ การเข้าโค้งที่เฉียบคม ควบคุมได้ดังใจ เพลิดเพลินกับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงที่สนุกเร้าใจอย่างมั่นใจ นอกจากนี้การใช้งานระบบเบรคที่หนักหน่วงในแต่ละโค้ง การชะลอความเร็วยังทำได้หนักแน่น แป้นเบรคไม่มีอาการล้าให้สัมผัสแม้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง บ่งบอกว่าตัวแรงคันนี้มีความถึงพร้อมในแง่ของระบบรองรับที่ยอดเยี่ยม ใครที่ต้องการสัมผัสอาการท้ายปัด (หรือที่นิยมเรียกกันว่า ดริฟท์) ก็สามารถปรับโหมดการขับเคลื่อนได้ โดยมีระบบ DRIFT ANALYSER ให้คะแนนอีกด้วย
ท่ามกลางยุคสมัยของโลกยานยนต์ที่มีความหลากหลายยิ่งขึ้น การมีบทบาทของระบบมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังทำให้บริบทของความเป็นรถสปอร์ทเปลี่ยนแปลงขึ้นเรื่อยๆ แต่ BMW M2 ยังคงยึดมั่นกับแนวทางความเร้าใจแบบดั้งเดิม กับเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ที่มีสมรรถนะร้อนแรง ผนวกกับการตอบสนองที่มีความดุดัน ดิบห้าว แบบที่หลายคนยังถวิลหาเสมอมา รถสปอร์ทรุ่นนี้จึงควรค่าการครอบครองอย่างแท้จริง ตอกย้ำว่ารหัส M คือ ความแรงแบบครบเครื่องจากค่ายรถแห่งนี้