มาตรวัดตลาดรถ
ยังดีอยู่
[table]
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนเมษายน ปี '56 กับ '55
ตลาดโดยรวม ,+ 24.9 % รถยนต์นั่ง ,+ 24.6 % กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ, + 33.4 % กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ, - 12.2 % รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV), + 13.8 % รถอเนกประสงค์ (MPV), - 0.9 % อื่นๆ, + 25.1 %เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม-เมษายน ปี '56 กับ '55
ตลาดโดยรวม, + 42.5 % รถยนต์นั่ง, + 80.2 % กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ, + 21.8 % กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ, - 23.5 % รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) ,+ 40.8 % รถอเนกประสงค์ (MPV) ,+ 15.0 % อื่นๆ, + 25.2 % [/table] แม้ว่าเดือนเมษายน จะเป็นเดือนหนึ่งที่มีวันทำงานน้อยที่สุด เพราะมีเทศกาลสงกรานต์ ที่บริษัทห้างร้าน พากันหยุดกันสนุกสนาน แต่เพียงเดือนเดียว ยังขายกันถึง 109,580 คัน เพิ่มขึ้น 24.9 % ยอดรวม 4 เดือน ขายเพิ่มขึ้น 42.5 % ขายได้ 522,992 คัน ก็แสดงว่าสภาวะเศรษฐกิจของเรายังดีอยู่จริงๆ รวมทั้งค่ายรถยนต์ก็เร่งผลิตรถ เพื่อส่งมอบให้ได้จากใบจองที่ค้างเติ่งกันมา ทั้ง รถคันแรก และรถไมเนอร์เชนจ์ เพื่อที่จะได้เริ่มผลิตรุ่นใหม่กันเสียที ครึ่งปีแรกนี่ ตัวเลขการขายอาจผันผวนไปบ้าง เพราะแต่ละค่ายต่างก็พยายามผลักดันยอดจองจากปีก่อน เพื่อให้ส่งมอบได้เร็วที่สุด ต้องดูจากตัวเลขเดือน 7 ไปแล้ว ที่จะบอกว่าความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคจะเป็นอย่างไร ใช้รถประเภทไหน ที่ถูกต้องตรงกับความต้องการแท้จริง ไม่ใช่ความต้องการที่บิดเบือน ก็ต้องขอแสดงความยินดีกับค่ายรถยนต์ ที่ สถาบันยานยนต์ ออกมาบอกว่า ไทยจะเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลก หรือ SUPER HUB ใน 10 ปีข้างหน้า หรือ 5 ล้านคัน/ปี โดยปีนี้ยอดผลิตจะสร้างตัวเลขสูงสุดครั้งใหม่ 2.5-2.6 ล้านคัน/ปี เป็นผู้ผลิตอันดับที่ 10 ของโลก อย่างไรก็ตาม จากเงินบาทที่แข็งค่า อาจทำให้เป้าหมายการผลิตต่อการส่งออกชะลอลงบ้าง จากเดิมที่อาจจะส่งออก 50-60 % ของการผลิต อาจเหลือประมาณ 50 % เท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็นการผลิตเพื่อขายในไทย แต่การแก้ปัญหาที่คาดว่าแรงงานภาคยานยนต์ ประเภทช่างเทคนิค จะขาดแคลนอย่างหนัก หลังเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปลายปี 2558 โดยคาดว่าจะขาดแคลน 300,000 คน ซึ่งขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบปัญหาและพยายามผลิตบุคลากรให้เพียงพอ นั่นเป็นเรื่องอนาคต แต่ปัญหาในปัจจุบัน ก็ได้เห็นการขายรถกันแบบ ดาวน์ 0 % ดอกเบี้ย 0 % แถมผ่อนกัน 84 เดือน มีให้เห็นกันอีกครั้ง หลังจากห่างหายไปนาน เป็นเพราะการแข่งขันที่รุนแรง จำนวนโชว์รูมที่ผุดเพิ่มขึ้นเป็นว่าเล่น ทำเอาดีเลอร์ต้องขยับออกมาทำแคมเปญกันเอง เพราะรอบริษัทแม่ไม่ไหว เดี๋ยวนี้คำว่า ส่วนลดสูงสุด 100,000 บาท เห็นกันจนชินตาไปแล้ว เรื่องของแถม ประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปี เป็นเรื่องปกติไปแล้ว ก็เป็นโอกาสทองอีกครั้งของผู้บริโภค สามารถเลือกซื้อหารถที่ถูกใจ ในแต่ละยี่ห้อ เลือกตรวจสอบราคากับโชว์รูมหลายแห่ง ดูว่าสรุปรวมแล้ว จะได้ส่วนลดจริงๆ เท่าไรกันแน่ อย่าลืมตรวจสอบจากโฆษณาของบริษัทแม่ให้เรียบร้อยเสียก่อน ว่าบริษัทแม่มีส่วนลดเท่าใด แล้วค่อยตรวจสอบ รับรองได้ว่า ราคาที่ได้ แจ๋วจริง ช่วงนี้ แถมด้วยการใช้เงินภาษีของเราท่าน ที่หลวงเอาไปอุดหนุนบริการสาธารณะ ตามนโยบายประชานิยม สำหรับปีงบประมาณ 2557 ทั้งการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะต้องกู้เงิน จำนวน 2,436.442 ล้านบาท และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จะต้องกู้เงิน 1,524.835 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับ รถเมล์ฟรี และ รถไฟฟรี เคยนั่งกันมั่งไหมครับ ท่านมนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย เงินภาษีของท่านแท้ๆ ทีเดียว กลับมาเข้าเรื่อง มาตรวัดหนนี้ สรุปยอดขายรถยนต์ประจำเดือนเมษายน เดือนเดียว ขายกัน 109,580 คัน เพิ่มขึ้น 24.9 % ยอดรวม 4 เดือน ขายเพิ่มขึ้น 42.5 % ขายได้ 522,992 คัน ตำแหน่งแชมพ์ประจำเดือน โตโยตา ขาย 35,942 คัน เพิ่มขึ้น 16.2 % ส่วนแบ่งตลาด 32.8 % อันดับสอง อีซูซุ ขาย 20,202 คัน เพิ่มเยอะ 62.6 % ส่วนแบ่ง 19.5 % อันดับสาม ฮอนดา ขาย 20,202 คัน เพิ่ม 62.6 % ส่วนแบ่งตลาด 18.4 % อันดับสี่ มิตซูบิชิ ขาย 7,323 คัน ลดลง 0.8 % ส่วนแบ่ง 6.7 % และอันดับห้า เชฟโรเลต์ ขาย 4,617 คัน ลดลง 15.1 % ส่วนแบ่ง 6.7 % แยกประเภทเป็นรถยนต์นั่ง ขายเพียงเดือนเดียวทั้งตลาด 45,185 คัน ยังเพิ่มอยู่ 24.6 % เพราะผลพวงจาก โครงการ รถคันแรก ยังไม่ซา รวม 4 เดือนขายเพิ่มถึง 80.2 % ขายได้ 241,628 คัน แชมพ์ประจำเดือน ได้แก่ ฮอนดา ขาย 17,843 คัน เพิ่มขึ้น 58.2 % ส่วนแบ่ง 39.5 % แซงยักษ์ใหญ่ โตโยตา ที่ขายเพียง 10,881 คัน เพราะอยู่ในช่วงไมเนอร์เชนจ์ ลดลง 15.0 % ส่วนแบ่ง 24.1 % ที่สาม นิสสัน ขาย 3,432 คัน ลดลง 23.6 % ส่วนแบ่ง 7.6 %, ที่สี่ ซูซูกิ มาแรง ขาย 2,782 คัน เพิ่มเยอะ 411.4 % ส่วนแบ่ง 6.2 % และที่ห้า มิตซูบิชิ ขาย 2,776 คัน เพิ่มเยอะเหมือนกัน 295.4 % ส่วนแบ่ง 6.1 % ผู้เสียภาษียอดเยี่ยม มิตซูโอกะ และ แฟร์รารี ขายเจ้าละ 3 คัน โลทัส 2 คัน และ มาเซราตี 1 คัน ส่วนรถเล็ก หรือ อีโคคาร์ เดือนเดียว ฮอนดา ขาย 12,093 คัน เพิ่ม 11.0 % ครองตลาดด้วยส่วนแบ่ง 40.7 % โตโยตา ขาย 5,362 คัน และ ซูซูกิ ขาย 2,746 คัน รถฟิคอัพขับเคลื่อนสองล้อ ยังคงขายเพิ่มขึ้นอยู่เช่นกัน เดือนเดียวขายได้ 45,348 คัน เพิ่ม 33.4 % ขณะที่ยอดรวม 4 กลับติดลบอยู่ 12.2 % ขายกันทั้งตลาด 3,479 คัน โดย อันดับหนึ่ง อีซูซุ ขาย 18,247 คัน เพิ่ม 77.0 % ส่วนแบ่ง 40.3 % ที่สอง โตโยตา ขาย 17,211 คัน เพิ่ม 57.7 % ส่วนแบ่ง 38.0 % และที่สาม มิตซูบิชิ ขาย 3,007 คัน ลดลง 30.5 % ส่วนแบ่ง 6.6 % รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) เพิ่มนิดหน่อย 13.8 % ขาย 7,197 คัน รวม 4 เดือนขาย 37,261 คัน มากกว่าเก่าถึง 40.8 % โดยมี โตโยตา ขายมากสุด 2,696 คัน เพิ่ม 10.6 % ส่วนแบ่ง 37.5 % ก็เป็นความเป็นไปในห้วงที่สภาพเศรษฐกิจ ยังก้าวไปข้างหน้า อย่างไม่มีอะไรมาขวาง ค่ายรถยนต์ทุกค่ายต่างกำลังง่วนอยู่กับการขยายโรงงาน สร้างโรงงานใหม่ เลยไม่ค่อยมีเรื่องให้กวนใจมากเท่าไรนัก คนในวงการก็ก้มหน้าก้มตาทำงานกันตัวเป็นเกลียว มาคอยดูกันว่า คำว่า ดีทรอยท์แห่งเอเชีย จะเป็นจริงได้สักเมื่อไรกันแน่เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2556
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/91334