ไฟหน้าแบบ BI-LED PROJECTOR มาพร้อม DAYTIME RUNNING LIGHT ส่องสว่างในเวลากลางวัน ส่วนไฟท้ายแบบ LED เช่นกัน วงล้อขนาด 18 นิ้วมาพร้อมยาง 225/60 R18 ฝาท้ายเปิดแบบไฟฟ้า หลังคาแบบมูนรูฟ มีมุมองศาการปะทะ หน้า/หลัง 19.0/21.0 องศา ตามลำดับ ใต้ท้องรถสูงจากพื้นดินถึง 8.1 นิ้ว การกระจายน้ำหนัก หน้า/หลัง อยู่ที่ 56 % และ 44 %
ภายในห้องโดยสาร ออกแบบทันสมัย โดดเด่น ด้วยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง ส่วนเบาะผู้โดยสารหน้าปรับ 4 ทิศทาง การออกแบบภายในเน้นความเรียบง่าย ไม่หวือหวา ตกแต่งด้วยไฟแบบ BLUE AMBIENT LIGHTING พวงมาลัยแบบ RACK AND PINION เพาเวอร์ไฟฟ้า ชุดมาตรวัดขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว ให้ความชัดเจนในการใช้งาน ระบบมัลทิมีเดียแสดงค่าผ่านจอแนวตั้งขนาด 10.5 นิ้ว รองรับทั้งระบบ APPLE CAR PLAY และ ANDROID AUTO แบบไร้สาย ลำโพงคุณภาพจาก JBL พื้นที่ด้านท้ายรถสามารถบรรจุสัมภาระได้ 580 ลิตร
ขุมพลังวางเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.5 ลิตร ไร้เทอร์โบ ให้กำลัง 176 แรงม้าที่ 5,700 รตน. ส่วนแรงบิด 18.8 กก.-ม. ที่ 3,600 รตน. ทำงานผสานกับพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งที่ด้านหน้า และหลัง ให้กำลัง 118/54 แรงม้าตามลำดับ ส่วนแรงบิด 20.6/12.3 กก.-ม. ตามลำดับ แบทเตอรีแบบ ลิเธียม-ไอออน ขนาด 259.0 โวลท์ ให้กำลังรวมทั้งหมดถึง 219 แรงม้าที่ 5,700 รตน. แรงบิดสูงสุด 28.5 กก.-ม. ที่ 3,600 รตน. ระบบเกียร์แบบ E-CVT พร้อม SEQUENTIAL SHIFT 6 จังหวะ ควบคุมการทำงานด้วยไฟฟ้า โดยมี 3 โหมดให้เลือก คือ NORMAL, ECO และ SPORT มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ใหม่ แบบ DYNAMIC TORQUE VECTORING ALL-WHEEL DRIVE WITH REAR DRIVELINE DISCONNECT กระจายแรงบิดแบบ 50 % ไปยังล้อหลัง และยังสามารถส่งกำลังเพิ่มไปยังล้อคู่หน้า เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการลุยมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีโหมด EV และ TRAIL-DRIVE ขับเคลื่อน 4 ล้อควบคุมการทำงานด้วยไฟฟ้าตามที่ผู้ขับขี่ต้องการ (ELECTRONIC ON-DEMAND ALL-WHEEL DRIVE)
สมรรถนะมีอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ใช้เวลาเพียง 7.3 วินาที ส่วนระยะ 0-128 กม./ชม. ใช้เวลา 12.14 วินาที และระยะ 402 ม. หรือควอเตอร์ไมล์ ใช้เวลา 15.5 วินาที ที่ความเร็วปลาย 145 กม./ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ในเมือง/นอกเมือง/รวม อยู่ที่ 41/38/40 ไมล์/แกลลอน ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีทีเดียว
ระบบรองรับแบบอิสระ ด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท ส่วนด้านหลังแบบมัลทิลิงค์ เซทมาในแนว SPORT ไม่นุ่มนวลจนเกินไป ให้การควบคุมบังคับที่ดีทั้งบนทางเรียบ และฝุ่น ประสิทธิภาพการหยุดรถที่ความเร็ว 96 กม./ชม. ใช้ระยะทาง 133.5 ฟิท ถือว่ายังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร
TOYOTA RAV4 HYBRID (โตโยตา รัฟโฟร์ ไฮบริด) เป็นรถครอสส์โอเวอร์ ที่น่าใช้อีกรุ่นจากรูปทรงที่สวยงาม กะทัดรัด มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ชาญฉลาด พาคุณขับลุยไปบนเส้นทางโหดๆ ได้ โดยมีความประหยัดเชื้อเพลิงเป็นของแถมจากการที่มีมอเตอร์ไฟฟ้ามาช่วยขับเคลื่อน คงต้องลุ้นกันว่า รถรุ่นนี้จะได้เข้ามาจำหน่ายในเมืองไทยหรือไม่ ?
คุณรู้หรือไม่ ?
TOYOTA RAV4 HYBRID ติดตั้งระบบควบคุมเฟืองท้ายอัตโนมัติ TRAIL MODE เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการยึดเกาะถนน และสามารถควบคุมรถได้ดี ในขณะที่วิ่งอยู่บนพื้นถนนที่ลื่น                    บทความแนะนำ

