ชีวิตอิสระ
“ลานตะบูน” มหัศจรรย์ป่าชายเลน แห่งเมืองตราด
“ชีวิตอิสระ” ฉบับนี้ เรายังอยู่กันที่ จ. ตราด หลังจากได้สัมผัสชุมชนประมงบ้านไม้รูดกันไปแล้ว ก็ถึงเวลาเดินทางต่อไปยัง “ลานตะบูน” UNSEEN THAILAND เมืองตราด ที่ใครไปต้องหลงรัก
มุ่งหน้าบ้านท่าระแนะ กับ HAVAL H6 HEV
แน่นอนว่า เรายังอยู่กับพาหนะคู่ใจอย่าง HAVAL H6 HEV (ฮาวัล เอช 6 เอชอีวี) รถครอสส์โอเวอร์ เอสยูวีไฮบริดจากเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 1.5 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้กำลังรวมกว่า 243 แรงม้า ขับสนุก นุ่มนวล และนั่งสบาย เหมาะกับการเดินทางท่องเที่ยวอย่างแท้จริง ครั้งนี้เราเริ่มต้นกันที่ตัวเมืองตราด มุ่งหน้าสู่ “ป่าชายเลนบ้านท่าระแนะ” ต. หนองคันทรง อ. เมือง จ. ตราด ตามหมายเลข 3155 เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที กับระยะทาง 11 กม.
ชุมชนท่าระแนะ แหล่งการค้าแต่กาลก่อน
ยอมรับว่า ไม่เคยเที่ยวป่าชายเลนที่ไหน แล้วตื่นตาตื่นใจเท่านี้มาก่อน ชุมชนท่าระแนะ ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำตราด ก่อนที่จะไหลออกสู่ทะเลตราด เป็นพื้นที่ป่าชายเลนกว้างใหญ่นับพันไร่ ที่อุดมสมบูรณ์จนได้รับรางวัลในฐานะชุมชนต้นแบบที่มีการดูแลทรัพยากรป่าชายเลนดีเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อปี 2556 ในอดีตพื้นที่บริเวณนี้เป็นอ่าวทะเลขนาดใหญ่ มีร่องน้ำลึก ความลึกขนาดที่เรือสำเภาใหญ่สามารถแล่นเข้ามาจอดเทียบท่าขนส่งสินค้าได้ จึงกลายเป็นท่าจอดเรือสำเภาของพ่อค้าชาวจีนในอดีต ที่เดินทางผ่านไปมาเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าในท้องถิ่น อาทิ เครื่องเทศ และของป่าต่างๆ ปัจจุบันชาวชุมชนท่าระแนะส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน และได้รวมตัวกันเปิดเป็นชุมชนเพื่อการท่องเที่ยวที่สวยงาม ระดับ UNSEEN THAILAND จนเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “มหัศจรรย์ลานตะบูน”
UNSEEN THAILAND มหัศจรรย์ลานตะบูน
สิ่งที่ทำให้บ้านท่าระแนะมีชื่อเสียงไปไกล คือ ความงดงามของลานตะบูน ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของที่นี่ กิจกรรม คือ การนั่งเรือผ่านปากอ่าว และป่าชายเลน เพื่อเข้าชมป่ามหัศจรรย์ลานตะบูน ระยะทาง 3 กม. ซึ่งเอกลักษณ์เด่น คือ รากของต้นตะบูนที่ลอยอยู่เหนือดิน ไม่จมอยู่ใต้ดินเหมือนต้นไม้ทั่วไป แต่จะแผ่รากอยู่บนดินโคลนของป่าชายเลน มองเห็นได้อย่างเด่นชัด มีความงดงาม ร่มรื่น สามารถเดินลงไปเยี่ยมชมแบบใกล้ๆ ได้เลย
คำว่า “มหัศจรรย์ลานตะบูน” ที่ชาวชุมชนได้ตั้งฉายาไว้ ไม่ได้เกินจากความจริงเลยครับ ด้วยบรรยากาศที่ร่มครึ้มของป่าชายเลน เราจะเห็นต้นตะบูนเก่าแก่ ขึ้นอยู่เป็นระยะๆ มีความสูงเท่าๆ กัน โดยมีรากของแต่ละต้นเลื้อยพันกัน ถักทอเหมือนเครื่องสานเหนือพื้นดิน กลายเป็น “ลานตะบูน” ที่มองแล้วดูลึกลับซ่อนเร้น ราวกับป่าในเทพนิยาย ยิ่งเมื่อแสงแดดส่องทะลุกระทบรากลานตะบูน ยิ่งเพิ่มความงดงามให้แจ่มชัดยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ต้นตะบูนยังได้รับยกย่องให้เป็น "รุกขมรดกของแผ่นดิน" ที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ได้คัดสรรต้นไม้ใหญ่ทรงคุณค่าจากสถานที่ต่างๆ ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ เพื่อสร้างจิตสำนึกอนุรักษ์หวงแหนในทรัพยากรธรรมชาติ นับเป็นสถานที่มากด้วยคุณค่า เป็นอย่างยิ่ง
ต้นตะบูน ไม้มหัศจรรย์
ลุงนิด ผู้นำพาเราเข้ามา เล่าให้ฟังว่า ต้นตะบูนส่วนมากจะขึ้นอยู่บริเวณเหนือป่าชายเลน เป็นต้นไม้ที่โตช้ามาก ต้นที่โดดเด่นสุดมีอายุประมาณ 100 ปี โดยรากของมันจะแผ่ออกไปไกลเหนือพื้นดิน ไม่มีรากแก้วเพื่อพยุงต้นเหมือนไม้ทั่วไป ดังนั้นจึงไม่สูงใหญ่ตามอายุ แต่จะมีความสูงเท่าๆ กัน ไม่ว่าจะอายุเท่าไร ในบริเวณรอบๆ นี้ก็จะมีต้นตะบูนดำอยู่บ้าง ซึ่งจะต่างจากต้นตะบูนขาวที่เราเห็นตรงที่รากของมันจะมีลักษณะแหลมขึ้นมาคล้ายรากต้นลำพู และถ้าวันไหนน้ำแห้งช่วงกลางวัน และมีแสงแดดส่องถึง รากก็จะแห้งเป็นสีขาวสวยงาม แต่หากตรงไหนยังไม่แห้งดี ก็จะออกสีดำ
ปัจจุบัน ทางชุมชนอนุญาตให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินลงไปชมได้ หลังจากที่ปิดช่วง COVID-19 มานาน นักท่องเที่ยวสามารถถ่ายรูปบริเวณลานตะบูนได้ และทางชุมชนได้ทำสะพานทางเดินเหนือรากตะบูนไว้ด้วย ซึ่งก็เป็นข้อดี เพราะบางช่วงที่น้ำขึ้นจนท่วมลานตะบูน นักท่องเที่ยวก็ยังสามารถเข้าไปชม และถ่ายรูปจากบนสะพานได้
พระจมน้ำ เขาระกำ
เมื่อปีที่แล้ว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้คัดสรรแหล่งท่องเที่ยว UNSEEN แห่งใหม่ในโครงการ “25 UNSEEN NEW SERIES” ที่เป็นการคัดเลือกแหล่งท่องเที่ยวแปลกๆ ใหม่ๆ ทั้งทางธรรมชาติ และที่มนุษย์สร้างขึ้น "พระจมน้ำ" ตั้งอยู่ที่อ่างเก็บน้ำเขาระกำ ต. วังกระแจะ อ. เมือง จ. ตราด เป็น 1 ใน 25 แหล่งท่องเที่ยวข้างต้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานตราด และชุมชนเจ้าของพื้นที่ จึงร่วมมือกันส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ให้คนที่มาเยือนตราดได้มีกิจกรรมท่องเที่ยวอื่นๆ นอกเหนือจากการมาเที่ยวทะเลตราด ที่เป็นจุดขายหลัก สำหรับองค์พระพุทธรูปจมน้ำภายในอ่างเก็บน้ำเขาระกำนี้ มีนามว่า “พระพุทธสิริภูวดลมงคลชัย” เดิมเป็นพระพุทธรูปภายในสำนักสงฆ์เขาระกำ หรือที่ชาวบ้านมักเรียกว่า “วัดมอญ” เพราะในแถบนี้มีชุมชนชาวมอญที่มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา และด้วยความศรัทธา ชาวไทย และชาวมอญในแถบนี้ ได้ร่วมกันสร้างองค์พระพุทธสิริภูวดลมงคลชัย ขนาดความสูงประมาณ 5 ม. เสร็จในปี 2548 เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านในแถบนี้
ต่อมาในปี 2554 กรมชลประทานได้มีโครงการขยายสันเขื่อนอ่างเก็บน้ำเขาระกำเพื่อเพิ่มความจุอ่าง และเริ่มกักเก็บน้ำตามแผนที่วางไว้ ทำให้พื้นที่ริมอ่างเก็บน้ำถูกน้ำท่วมเพิ่ม รวมถึงวัดมอญแห่งนี้ จึงต้องย้ายสำนักสงฆ์เขาระกำไปอยู่ในพื้นที่แห่งใหม่ ส่วนวัดมอญเดิมก็ถูกทิ้งร้างไป พร้อมกับระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่พระพุทธสิริภูวดลมงคลชัยที่ยังคงประดิษฐานอยู่ที่เดิมไม่ได้ย้ายไปไหน จนกลายเป็น "พระจมน้ำแห่งอ่างเก็บน้ำเขาระกำ" มองดูลึกลับ จนทำให้ทางชุมชนร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จ. ตราด ส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ปัจจุบันมีถนนใหม่ตัดผ่านถึงที่เลย
หาดบานชื่น
ก่อนกลับกรุงเทพฯ เรามุ่งหน้าต่อไปยัง อ. คลองใหญ่ เพื่อไปเยี่ยมชมชายหาดบานชื่น หาดที่มีชื่อเสียงเรื่องความสวยงาม ที่ไม่แพ้บนเกาะ หาดบานชื่น เดิมชื่อ หาดมะโร ต่อมาเจ้าของที่ดินได้บริจาคที่ดินบริเวณหน้าหาด จำนวน 14 ไร่ ให้แก่จังหวัด เพื่อนำไปพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ เมื่อปี 2527 หาดบานชื่น มีจุดเด่นที่น้ำทะเลใส และมีทรายขาวเนื้อละเอียด เนื่องจากในเนื้อทรายมีส่วนผสมของแร่ซิลิคาอยู่มาก สามารถลงเล่นน้ำได้ และภายในบริเวณหาดยังมีร้านอาหาร รวมถึงบังกะโลที่พักให้บริการด้วย นอกจากนี้ ระหว่างเส้นทางไป อ. คลองใหญ่ เราจะพบกับหาดต่างๆ มากมาย เช่น หาดทรายงาม หาดทรายแก้ว หาดทับทิม และหาดจินดา เป็นต้น
ส่วนแคบที่สุดในประเทศไทย
ช่วงก่อนสิ้นสุดถนนสุขุมวิท (3) บริเวณหลัก กม. ที่ 81 ยังมีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่งของไทย ที่ได้รับการบันทึกไว้อย่างเป็นทางการว่า "บนถนนสุขุมวิทบริเวณพื้นที่บ้านโขดทราย ต. หาดเล็ก อ. คลองใหญ่ จ. ตราด เป็นพื้นที่ส่วนที่แคบสุดของประเทศไทย" เมื่อวัดจากชายฝั่งทะเลเข้าไปจรดกับสันเขาบรรทัด ที่เป็นแนวกั้นพรมแดนธรรมชาติระหว่างประเทศไทย กับประเทศกัมพูชาแล้ว พบว่ามีความกว้างเพียงแค่ 450 ม. เท่านั้น ใครที่เดินทางไปตลาดชายแดนบ้านหาดเล็ก จะต้องผ่านจุดนี้อย่างแน่นอน
ตลาดชายแดนบ้านหาดเล็ก
ขับรถเลยส่วนแคบที่สุดไปอีกนิด ปลายทางหลวงหมายเลข 318 ก็จะถึงชายแดนประเทศไทย ที่ ต. บ้านหาดเล็ก อ. คลองใหญ่ จ. ตราด เป็นหมู่บ้านสุดท้ายติดกับประเทศกัมพูชา ตลาดแห่งนี้เป็นแหล่งรับซื้อพืชพันธุ์ธัญญาหารของชาวกัมพูชา เพื่อไปขายต่อที่เกาะกง และยังมีสินค้าราคาถูกมากมายที่มาจากกัมพูชา เช่น เสื้อผ้า แว่นตา น้ำหอม เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ หากต้องการเข้าไปเที่ยวยังเกาะกง (ถ้าด่านเปิดแล้ว) สามารถทำหนังสือเดินทางได้เลยที่ด่าน โดยสามารถว่าจ้างรถแทกซีจากพรมแดนฝั่งประเทศกัมพูชา เพื่อไปเที่ยวยังเกาะกงได้ และสำหรับการเดินทางจากตัวเมืองตราดไปเกาะกง สามารถนั่งรถตู้จากตัวเมืองตราดไปหาดเล็ก โดยจะมีรถออกทุกๆ ชม. ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชม. ครึ่งเท่านั้น
แผนที่
ที่กิน
มาเที่ยวหาดบานชื่นทั้งที ก็ควรรับประทานอาหารสดๆ จากทะเลเท่านั้น ครั้งนี้ผมเลือกร้าน "น้องโฟร์ซีฟูดส์" ที่คนแถวนี้แนะนำมา ผมสั่งกั้งทอดกระเทียม กุ้งอบเนย ปลาอินทรีทอดน้ำปลา และต้มยำทะเล รสชาติอาหารที่นี่บอกเลยว่า "อร่อยใช้ได้" ในราคาสมเหตุสมผล
ขอขอบคุณ
GREAT WALL MOTOR ประเทศไทย ที่เอื้อเฟื้อยานพาหนะในการเดินทาง