มาตรวัดตลาดรถ
รถไฟฟ้า มาแล้วนะจ๊ะ
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนสิงหาคม 2021/2020
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม-สิงหาคม 2021/2020
ห้วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา อุตสาหกรรมรถยนต์ประเทศไทย ได้รับแนวทางในการทำงานในอนาคต จากท้ัง นายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี โดยยืนยันความมุ่งมั่นของไทย สนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ และเป้าหมายตามความตกลงปารีส สู่การพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
ท่านนายกฯ แสดงวิสัยทัศน์ในการประชุมระดับผู้นำด้านพลังงาน ที่สหประชาชาติ โดยรัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน โดยเร่งรัดการดำเนินการตามเป้าหมายที่ 7 ของสหประชาชาติ ในเรื่องการประกันการเข้าถึงการบริการด้านพลังงานที่สะอาด และราคาที่จับต้องได้ มุ่งไปสู่การบรรลุเป้าหมายการปล่อยแกส ในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ คาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ และการควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลก ไม่ให้เกิน 1.5 ถึง 2 องศาเซลเซียส ตามความตกลงปารีส
โดยประเทศไทยอยู่ระหว่างการจัดทำแผนพลังงานชาติ มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนภาคพลังงานของประเทศสู่เศรษฐกิจ และสังคมคาร์บอนต่ำด้วยพลังงานสะอาด เพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าใหม่ที่มีสัดส่วนของพลังงานสะอาดไม่น้อยกว่า 50 % และกำลังจัดทำแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวในการลดการปล่อยแกสเรือนกระจกของไทย เพื่อให้ทุกภาคส่วนนำไปปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ เพื่อบรรลุเป้าหมาย CARBON NEUTRALITY ภายในปี 2065-2070
ท่านนายกฯ ระบุว่า ไทยได้ใช้แนวทางโมเดลการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว “BIO-CIRCULAR-GREEN ECONOMY” หรือ “BCG” ใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรมต่อยอดความเข้มแข็งของไทยในด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม ความหลากหลายทางชีวภาพ และวัฒนธรรม สร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม และความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม และจะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมาย CARBON NEUTRALITY รวมทั้งส่งเสริมการผลิต และการใช้พลังงานที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ ไทยมีนโยบาย 30@30 ส่งเสริมอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ตั้งเป้าหมายไว้ว่า ภายในปี 2030 ไทยจะต้องมีสัดส่วนการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 30 % จากการผลิตรถยนต์ทั้งหมด
การประชุมครั้งนี้ เป็นการประชุมระดับผู้นำด้านพลังงานครั้งแรกในรอบ 40 ปี ที่จัดภายใต้สมัชชาสหประชาชาติ ซึ่งนอกจากประเด็นการดำเนินการด้านพลังงานแล้ว ยังให้ความสำคัญกับมิติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นโอกาสในการพิจารณาแผนงานระดับโลกสำหรับการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ในปี 2030 เร่งรัดการเข้าถึงบริการด้านพลังงานสะอาด ตลอดจนเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานเพื่อบรรลุการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ (NET-ZERO EMISSIONS) ในปี 2050
เท่ากับว่า โรงงานผลิตรถยนต์ในประเทศไทย ต้องตั้งเป้าหมายในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ตามนโบายของประเทศ ภายในปี ค.ศ. 2030 ไทยจะต้องมีสัดส่วนการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 30% จากการผลิตรถยนต์ทั้งหมด
ผู้บริโภคท่ีจะตัดสินใจซื้อรถ จากปีนี้ ไปจนถึง 2030 หรือปี พ.ศ. 2573 ต้องพิจารณากันด้วย ว่าเราจะต้องใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันแล้วนะจ๊ะ
เรื่องอื่น ในรอบนี้ เป็นผลการจัดจะต้องให้ความสำคัญในการเร่งพัฒนาคุณภาพคน โดยพัฒนาการศึกษาควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพของแรงงาน อาทิ พัฒนากำลังคนให้มีสมรรถนะสูง มีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาร่วมในการพัฒนาบุคคล รวมถึงการปลูกฝัง ทัศนคติแนวคิดที่พร้อมจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และรับมือกับการเปลี่ยนแปลง (Growth Mindset) โดยภาครัฐต้องให้ความสาคัญกับการเอื้อประโยชน์ต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ทั้งการสร้างกลไกให้เกิดการเรียนรู้ การสร้างสภาพแวดล้อมและโครงสร้างพื้นฐาน
อันดับความสามารถในการแข่งขัน IMD ปี 2564 ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 28 จาก 64 เขตเศรษฐกิจทั่วโลก ปรับตัวดีขึ้น 1 อันดับ จากปี 2563 โดยปัจจัยที่มีความเชื่อมโยงและเป็นพื้นฐาน ของการพัฒนาคน คือ ปัจจัยด้านโครงสร้างพื้นฐานได้รับการจัดอันดับอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะด้านการศึกษาอยู่ในอันดับที่ 56 และส่งผลต่อผลิตภาพของประเทศ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับความสามารถในการแข่งขัน
ขณะเดียวกันโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีที่เป็นปัจจัยสนับสนุนการพัฒนาทักษะในโลกยุคใหม่ ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 37 ซึ่งยังคงต้องได้รับการพัฒนา โดยเฉพาะทัศนคติต่อการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สะท้อนจากผลการสำรวจการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในครัวเรือน พ.ศ. 2563 ของสำนักงานสถิติ แห่งชาติพบว่า สาเหตุส่วนใหญ่ที่ครัวเรือนไทยไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต คือยังไม่มีความจำเป็น 54.4% รองลงมาคือ ไม่มีความรู้/ทักษะในการใช้ 28.9% และไม่สามารถเข้าถึง (ไม่มีบริการอินเทอร์เน็ตในพื้นท่ี) 6.5%
อันนี้เป็นการเตรียมพร้อมเพื่อให้ประเทศไทย ก้าวไปสู่ประเทศที่มีโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี ดีกว่าประเทศอื่น
คงไม่ต้องเปรียบเทียบกับประเทศไหนนะฮะ ถ้าทำได้จริง ผลมันแสดงออกมาเองนั่นแหละ
หรือใครว่าไม่จริง ก็เถียงมา
ตลาดโดยรวม | -38.8 % |
รถยนต์นั่ง | -35.0 % |
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) | -56.2 % |
กระบะ 1 ตัน | -40.9 % |
รถเพื่อการพาณิชย์ | +1.8 % |
ตลาดโดยรวม | +2.4 % |
รถยนต์นั่ง | -5.4 % |
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) | +17.9 % |
กระบะ 1 ตัน | +4.4 % |
รถเพื่อการพาณิชย์ | +10.5 % |
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2564
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/388069