| ตลาดโดยรวม | -25.1 % |
| รถยนต์นั่ง | -35.3 % |
| รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) | -6.8 % |
| กระบะ 1 ตัน | -22.9 % |
| รถเพื่อการพาณิชย์ และรถประเภทอื่นๆ | +13.0 % |
| TOTAL VEHICLE/ตลาดโดยรวม | -0.2% |
| SUV/รถกิจกรรมกลางแจ้ง | +39.5% |
| กระบะ 1 ตัน | -6.5% |
| รถเพื่อการพาณิชย์ และรถประเภทอื่นๆ | +109.0% |
เมื่อย่อยลงมาดูกันในตลาดรถพิคอัพ 1 ตัน เดือนพฤศจิกายนนี้มียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 37,445 คัน ลดลงจากเดือนพฤศจิกายนปีก่อน 6.5 % พิคอัพขวัญใจมหาชนยังคงเป็นของค่าย ISUZU ที่เดือนนี้จำหน่ายไปได้อีก 15,470 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดที่ 41.3 % เป็นยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น 15.7 % เมื่อเทียบกับตัวเลขยอดจำหน่ายของเดือนพฤศจิกายนปี 2562 พิคอัพมหาชนอันดับที่ 2 เป็นของ TOYOTA จำหน่ายได้ 14,539 คัน ได้ส่วนแบ่งการตลาดไป 38.8 % ลดลง 7.0 % ชวัญใจมหาชนอันดับ 3 เป็นของ MITSUBISHI จำหน่ายได้ 2,889 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 7.7 % ลดลง 18.2 % อันดับ 4 เป็นพิคอัพค่าย FORD (ฟอร์ด) จำหน่ายได้ 2,840 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 7.6 % ลดลง 19.9 % และอันดับ 5 NISSAN จำหน่ายได้ 853 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 2.3 % ลดลง 61.7 %
เหลืออีกเพียงเดือนเดียวจะปิดบัญชีซื้อขายปี 2563 รถพิคอัพ 1 ตัน มียอดซื้อขายรวมกันทั้งสิ้น 344,599 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 ที่ 22.9 % เป็น ISUZU ที่โกยตัวเลขยอดจำหน่ายนำหน้า TOYOTA ไปไกลจนยากจะตามทันแล้วในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของปี 2563 เพียงเดือนเดียวเท่านั้น โดย ISUZU กวาดยอดจำหน่ายได้ไป 145,455 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 42.2 % เพิ่มขึ้น 5.0 % ส่วน TOYOTA จำหน่ายไปได้ 121,816 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 35.4 % ลดลง 30.2 % เบอร์ 3 ตลาดนี้มั่นคงอยู่กับ MITSUBISHI จำหน่ายได้ 28,928 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 8.4 % ลดลง 35.3 % อันดับ 4 FORD จำหน่ายได้ 23,825 คัน ส่วนแบ่งตลาด 6.9 % ลดลง 47.3 % และอันดับ 5 NISSAN จำหน่ายได้ 13,737 คัน ส่วนแบ่งตลาด 4.0 % ลดลง 44.3 %
ภาคส่วนของรถเอสยูวี เดือนพฤศจิกายนนี้ TOYOTA กลับมาเป็นผู้นำตลาด แต่เมื่อรวมตัวเลขยอดจำหน่ายตั้งแต่ต้นปีแล้วคงยากที่ TOYOTA จะคว้าบัลลังก์แชมพ์เอสยูวีขายดีที่สุดของปีมาได้ เดือนพฤศจิกายน 2563 ตลาดนี้มียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 7,587 คัน เพิ่มขึ้นจากพฤศจิกายน 2562 ถึง 39.5 % TOYOTA คว้าแชมพ์จำหน่ายขายดีเดือนนี้ไปครองด้วยยอดจำหน่าย 2,654 คัน ได้ส่วนแบ่งการตลาดไป 35.0 % เป็นยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นถึง 358.4 % ตามด้วยแชมพ์เก่า MG (เอมจี) จำหน่ายได้ 1,973 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 26.0 % เพิ่มขึ้น 24.4 % อันดับ 3 HONDA จำหน่ายได้ 1,532 คัน ส่วนแบ่งตลาด 20.2 % ลดลง 28.5 % MAZDA (มาซดา) เข้ามาในอันดับ 4 ด้วยยอดจำหน่าย 1,010 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 13.3 % เพิ่มขึ้นถึง 77.8 % และอันดับ 5 เป็นของค่ายดาวลูกไก่ SUBARU (ซูบารุ) จำหน่ายได้ 247 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 3.3 % ลดลง 16.6 %
11 เดือนผ่านพ้นไป ตลาดเอสยูวีมียอดจำหน่ายรวมกันทั้งสิ้น 58,790 คัน ลดลง 6.8 % เมื่อเทียบกับห้วงเวลาเดียวกันของปี 2562 โดยเอสยูวีที่ยังยืนหยัดอยู่เป็นเบอร์ 1 ของตลาดนี้ ยังคงเป็นเอสยูวีจากจีนแผ่นดินใหญ่ภายใต้บแรนด์ MG จำหน่ายแล้วรวม 15,300 คัน รับส่วนแบ่งการตลาดที่ 26.0 % เพิ่มขึ้น 2.0 % อันดับ 2 เป็น HONDA จำหน่ายแล้ว 13,925 คัน ส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 23.7 % ลดลง 48.4 % อันดับ 3 ยักษ์ใหญ่ TOYOTA จำหน่ายแล้วรวม 13,207 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 22.5 % เพิ่มขึ้น 20.5 % อันดับ 4 MAZDA จำหน่ายแล้ว 9,939 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 16.9 % เพิ่มขึ้น 105.5 % และ CHEVROLET (เชฟโรเลต์) อยู่ในอันดับ 5 จำหน่ายแล้ว 2,588 คัน ส่วนแบ่งตลาด 4.4 % เพิ่มขึ้น 612.9 %
รถยนต์เพื่อการพาณิชย์อื่นๆ เดือนพฤศจิกายน 2563 จำหน่ายได้รวม 8,708 คัน เพิ่มขึ้นถึง 109.0 % 11 เดือนจำหน่ายแล้วรวมทั้งสิ้น 48,009 คัน เพิ่มขึ้น 13.0 % 
