| ตลาดโดยรวม | -34.2 % |
| รถยนต์นั่ง | -36.6 % |
| รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) | -27.3 % |
| กระบะ 1 ตัน | -34.6 % |
| รถเพื่อการพาณิชย์ และรถประเภทอื่นๆ | -16.7 % |
| ตลาดโดยรวม | -65.0 % |
| รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) | -64.8 % |
| กระบะ 1 ตัน | -59.4 % |
| รถเพื่อการพาณิชย์ และรถประเภทอื่นๆ | -33.7 % |
ในหมวดหมู่ของรถพิคอัพ 1 ตัน ถึงแม้ว่าในเดือนเมษายนนี้ TOYOTA จะมียอดจำหน่ายที่สูงเป็นอันดับ 1 แต่เมื่อดูไปที่ยอดจำหน่ายสะสมตั้งแต่เดือนแรกของปีมาจนถึงสิ้นสุดเดือนเมษายนนี้ยังมีตัวเลขยอดจำหน่ายที่ยังเป็นรองทางค่าย ISUZU อยู่พอสมควร ต้องดูกันยาวไปว่า TOYOTA จะจับ REVO (รีโว) มาอาบน้ำปะแป้งแต่งเนื้อแต่งตัวใหม่ยังไงเพื่อจะให้กอบโกยยอดจำหน่ายแซงขึ้นหน้า ISUZU ไปได้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งแว่วมาว่าอีกไม่ช้าไม่นานคงจะได้เห็นตัวจริงกันแล้ว สำหรับเดือนเมษายน 2563 นี้ พิคอัพ 1 ตัน มียอดจำหน่ายรวมทั้งตลาดอยู่ที่ 16,733 คัน เป็นตัวเลขยอดจำหน่ายที่ลดลงถึง 59.4 % เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน ปี 2562 TOYOTA กลับมาอยู่หัวแถวด้วยยอดจำหน่าย 7,019 คัน ได้ส่วนแบ่งการตลาด 41.9 % แต่ยังเป็นตัวเลขที่ลดน้อยลงกว่าเดือนเมษายน 2562 โดยปรับตัวลดลง 53.1 % ตามด้วย ISUZU ยอดจำหน่าย 6,267 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 37.5 % ลดลง 56.0 % FORD (ฟอร์ด) มียอดจำหน่าย 1,205 คัน อยู่อันดับ 3 ส่วนแบ่งการตลาดได้ไป 7.2 % แต่เป็นยอดจำหน่ายที่ลดลงถึง 73.1 % MITSUBISHI จำหน่ายอยู่ในอันดับ 4 ได้ 1,196 คัน รับส่วนแบ่งการตลาดไป 7.1 % แต่ก็ลดลง 66.7 % อันดับ 5 NISSAN จำหน่ายได้ 676 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 4.0 % ลดลง 68.4 % เมื่อรวมตัวเลขยอดจำหน่ายของเดือนนี้เข้ากับตัวเลขยอดจำหน่ายไตรมาสแรกเป็น ISUZU ที่ยังรั้งอยู่ในตำแหน่ง หัวแถวมียอดจำหน่ายรวม 45,887 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 40.4 % ลดน้อยลง 17.8 % TOYOTA อยู่ในอันดับ 2 ยอดรวม 39,752 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 35.0 % ลดลง 38.2 % อันดับ 3 เป็นของ MITSUBISHI จำหน่ายแล้วรวม 11,031 คัน ส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 9.7 % ลดลง 37.0 % อันดับ 4 เป็น FORD ยอดจำหน่ายรวม 8,406 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 7.4 % ลดลง 55.1 % อันดับ 5 เป็นของ NISSAN ยอดจำหน่ายรวม 5,228 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 4.6 % ลดลง 44.6 % ทั้งนี้ตัวเลขยอดจำหน่ายรวม 4 เดือนแรกของพิคอัพ 1 ตัน อยู่ที่ 113,696 คัน ลดลง 34.6 %
ประเภทรถเอสยูวี มีแนวโน้มว่าในอนาคตอันใกล้ตลาดนี้จะมีผู้นำตลาดเป็นรถเอสยูวีจากแดนมังกรที่มีชื่อบแรนด์เป็นบแรนด์รถยนต์เก่าแก่ของเมืองผู้ดีมาก่อน รถยนต์ MG (เอมจี) เดือนเมษายนมียอดจำหน่ายสูงสุดขณะที่ยอดรวม 4 เดือนขยับเข้าใกล้ผู้นำตลาดปัจจุบัน HONDA เรียกว่าหายใจรดต้นคอแล้ว เดือนเมษายนทั้งตลาดจำหน่ายรวมกันได้ 2,293 คัน เป็นยอดจำหน่ายที่ลดลง 64.8 % โดย MG มียอดจำหน่ายมากสุด 813 คัน แต่ก็เป็นยอดจำหน่ายที่ลดน้อยลง 43.4 % เมื่อเทียบเมษายนปีก่อนมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 35.5 % อันดับ 2 MAZDA (มาซดา) 469 คัน ส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 20.5 % ปรับตัวลดลง 32.1 % อันดับ 3 เป็นเจ้าตลาดปัจจุบัน HONDA 419 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 18.3 % ลดลงถึง 84.6 % CHEVROLET (เชฟโรเลต์) อยู่อันดับ 4 จากยอดจำหน่าย 266 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 11.6 % และอันดับ 5 เป็น TOYOTA จำหน่ายได้ 265 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 11.6 % ลดลง 78.4 % รวม 4 เดือนของปี 2563 ตลาดเอสยูวีมียอดจำหน่ายรวมกันทั้งสิ้น 17,186 คัน ลดลง 27.3 % อันดับ 1 ยังคงเป็น HONDA มียอดจำหน่ายรวม 5,138 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 29.9 % แต่ก็จำหน่ายได้น้อยลง 49.6 % อันดับ 2 MG บี้ติดเข้ามาด้วยยอดจำหน่ายรวม 5,002 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 29.1 % ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 เพียง 2.2 % อันดับ 3 CHEVROLET จำหน่ายได้รวม 2,281 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 13.3 % อันดับ 4 MAZDA มียอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น 0.4 % โดยจำหน่ายได้ 2,274 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 13.2 % และอันดับ 5 TOYOTA จำหน่ายแล้วรวม 1,619 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 9.4 % ลดลง 64.0 %
อนึ่งนับเนื่องจากมกราคมถึงเมษายน มีรถพิคอัพ และเอสยูวี ถูกนำไปจดทะเบียนใช้งานอย่างเป็นทางการแล้วรวม 35,402 คัน ลดลงจากห้วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา 28.2 %
ในส่วนของรถยนต์เพื่อการพาณิชย์อื่นๆ เดือนเมษายนนี้ยอดจำหน่ายรวม 2,253 คัน ลดลง 33.7 % รวม 4 เดือนแรก 12,076 คัน ลดลง 16.7 % 
