คุณเคยเจอสถานการณ์แบบนี้ไหม ? จอดรถนานเกิน 3 วัน สตาร์ทไม่ติด เปลี่ยนแบทเตอรีใหม่ไม่กี่เดือน ไฟดันหมด หรือแบทเตอรีไฟหมด ทั้งๆ ที่ไดชาร์จก็ปกติ...ทั้งหมดนี้ คือ สัญญาณของ “ไฟรั่ว” DIY...คุณทำเองได้ฉบับนี้ จะพาไปเรียนรู้วิธีเชคไฟรั่ว อย่่าให้ช่างมั่วๆ มาเหมาว่าแบทเตอรีเสื่อม
ใครที่ใช้รถเดิมๆ จากโรงงาน โดยไม่ได้เพิ่มอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นเข้าไปมากนัก ย่อมอุ่นใจได้ เพราะระบบไฟในรถจะเสถียรอยู่แล้ว แต่ถ้าติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นเพิ่มเติม อาทิ เครื่องเสียงชุดใหญ่, สปอทไลท์วัตต์สูงๆ หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้กระแสไฟมาก กระแสไฟอาจไม่พอได้ การเปลี่ยนแบทเตอรี หรือไดชาร์จอย่างใดอย่างหนึ่งให้ใหญ่ขึ้น เสี่ยงเกิดปัญหาตามมาภายหลัง เช่น เปลี่ยนแบทเตอรีใหญ่ขึ้น แต่ไดชาร์จยังมีขนาดเท่าเดิม แบบนี้ไดชาร์จจะทำงานหนักเกินไป (ทำงานตลอดเวลา) เพื่อผลิตกระแสไฟให้ทัน หรือตรงกันข้าม แต่หากเปลี่ยนเฉพาะไดชาร์จ โดยใช้แบทเตอรีเดิม ไดชาร์จก็ชาร์จไฟเข้ามากเกินไป ส่งผลให้แบทเตอรีเสื่อมสภาพก่อนวัยอันควร ดังนั้นควรเปลี่ยนให้ใหญ่ขึ้นพร้อมกันจะดีที่สุด
แบทเตอรี สามารถใช้งานได้ถึง 3-4 ปี ถ้าเราดูแลรักษาให้อยู่ในสภาพปกติตลอดเวลา วิธีง่ายที่สุด คือ ตรวจดูระดับน้ำกรดให้อยู่ในระดับ MAX หรือขีดบนสุดอยู่เสมอๆ โดยต้องให้ระดับน้ำกรดสูงท่วมแผ่นธาตุตะกั่วขึ้นมาประมาณ 1 เซนติเมตร และต้องใช้น้ำกลั่นเติมเท่านั้น แบทเตอรีอายุยิ่งนานยิ่งกินน้ำกลั่น ฉะนั้นควรตรวจระดับน้ำกรดในแบทเตอรีทุกสัปดาห์ หรืออย่างน้อยเดือนละครั้ง โดยเฉพาะแบทเตอรีที่ใช้มาแล้วเกิน 2 ปี
1. เครื่องวัดโวลท์มิเตอร์
2. คีม
3. ประแจเบอร์ 12
4. เทปกาว
5. อุปกรณ์หลอดไฟ ตรวจเชคระบบ
2. ปรับไปตำแหน่ง DC V-50 แล้วอ่านค่า ต้องอยู่ที่ประมาณ 12 โวลท์
3. เร่งเครื่องไปที่ 2,500 รตน. ค่าที่ได้ต้องมากกว่า 14.5 โวลท์ขึ้นไป จึงจะปกติ
4. บิดสวิทช์กุญแจออก ปิดประตูรถทุกบาน ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด
5. หาไฟรั่ว โดยนำประแจเบอร์ 12 มาคลายนอทขั้วลบของแบทเตอรี
6. ถอดขั้วลบออก นำไปแตะกับขั้วลบของอุปกรณ์ และนำขั้วบวก แตะแท่งตะกั่วลบ
7. สังเกตที่หลอดไฟว่ามีความสว่างเพียงใด แล้วเอาเทปกาวมายึดขั้วทั้ง 2 ข้าง
8. ใช้คีมถอดฟิวส์ที่กล่องฟิวส์ทีละตัวไปเรื่อยๆ เช่น เครื่องเสียง ไฟหน้า แตร ฯลฯ
9. ถ้าถอดฟิวส์ตัวไหนแล้วไฟที่หลอดมีความสว่างน้อยลง แสดงว่าฟิวส์ตัวนั้น ไฟรั่ว !
10. เมื่อเจอแล้ว ให้ตรวจเชคระบบไฟของอุปกรณ์นั้นต่อไป
บทความแนะนำ

