เปลี่ยนถ่าน และไดโอด ในไดชาร์จ ป้องกันการหมดไฟ

ไดชาร์จ หรืออัลเทอร์เนเตอร์มีหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า แล้วส่งไปเก็บในแบทเตอรี เพื่อใช้สตาร์ทเครื่องยนต์ และป้อนให้แก่ระบบอีเลคทรอนิคส์ในรถยนต์ DIY....คุณทำเองได้ มีขั้นตอนการเปลี่ยนถ่าน และไดโอด ไดชาร์จ มาฝาก เพื่อให้ระบบไฟในรถยนต์ทำงานเต็มประสิทธิภาพ

ไดชาร์จ คืออะไร

ไดชาร์จ หรือเครื่องปั่นไฟในรถ เรียกเป็นทางการว่า อัลเทอร์เนเตอร์ (ALTERNATOR) เป็นอุปกรณ์ผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อไปเลี้ยงระบบต่างๆ ในรถยนต์ และนำไปเก็บในแบทเตอรี ซึ่งเป็นแหล่งเก็บไฟสำรอง เพื่อใช้ในการสตาร์ทเครื่องยนต์ ไดชาร์จจะทำงาน เมื่อเครื่องยนต์ส่งกำลังไปที่พูลลีย์ ผ่านสายพาน เพื่อปั่นกระแสไฟ    

เมื่อไหร่ควรเปลี่ยนอุปกรณ์

ไดชาร์จ มีแปรงถ่าน ทำงานเป็นสะพานไฟที่จะต้องสีกับการหมุนของทุ่นไดชาร์จตลอดเวลาเพื่อสร้างกระแสไฟ จึงมีโอกาสสึกหรอสูงมาก และไดโอด เป็นตัวควบคุมการจ่ายไฟเข้าแบทเตอรี และระบบไฟฟ้าในรถ เมื่อใช้งานไปนานๆ การควบคุมการจ่ายไฟจะลดประสิทธิภาพ ดังนั้น หลังจากวิ่งถึง 150,000 กิโลเมตร เราควรดูแลบำรุงรักษา เปลี่ยนแปรงถ่าน และไดโอด ก่อนที่ระบบไฟจะเสื่อมถอย    

สัญญาณเตือนเมื่อไดชาร์จมีปัญหา

    • รถยนต์รุ่นใหม่ๆ มักมีสัญญาณเตือนกรณีไดชาร์จไม่ทำงาน เป็นรูปแบทเตอรี ถ้ามีไฟเตือน ให้รีบนำรถเข้าตรวจเชคโดยด่วน   • สตาร์ทเครื่องไม่ติด ถ้าแบทเตอรียังสมบูรณ์ดีอยู่ มักจะเกิดจากไดชาร์จเสื่อมสภาพ   • ไดชาร์จทั่วไปมีอายุใช้งานราว 10 ปี ฉะนั้นรถใครไม่ได้เปลี่ยนไดชาร์จเกิน 10 ปี รีบไปตรวจเชคไดชาร์จเลย    

อุปกรณ์

    1. ประแจขันนอท 2. ชุดบัดกรี 3. แปรงถ่าน 4. ไดโอด    

ขั้นตอนการเปลี่ยนแปรงถ่าน และไดโอด

1. ดึงสลักลอคฝากระโปรงหน้ารถ แล้วค้ำขาตั้งฝากระโปรงรถให้มั่นคง แข็งแรง       2. คลายนอทยึด และปลดสายพานเพื่อนำไดชาร์จออกมา       3. เปิดฝาท้ายของไดชาร์จ       4. ถอดตัวยึดแปรงถ่าน และไดโอด (อยู่ในตำแหน่งเดียวกัน)       5. ตัดเอาแปรงถ่านตัวเก่าออกด้วยเครื่องบัดกรี และเชื่อมใส่ตัวใหม่       6. เปลี่ยนไดโอดตัวใหม่       7. ประกอบแปรงถ่านเข้าไปในตำแหน่งเดิม       8. ตรวจเชครายละเอียดอีกครั้งก่อนปิดฝา       9. ตั้งสายพาน       10. สตาร์ทเครื่องเพื่อทดสอบระบบไฟ เป็นอันเสร็จ