กลับมาคุยกันเรื่องมูลค่าส่งออกสินค้าไทย ในเดือนกุมภาพันธ์ ปรากฏว่าติดลบ 2.8 % แต่หากไม่รวมสินค้าที่มูลค่าการส่งออกมีความผันผวนสูงในปีก่อน ซึ่งมีผลของฐานในการคำนวณ เช่น ทองคำและสินค้าหมวดอากาศยาน ที่ถือเป็นอาวุธและยุทธปัจจัย มูลค่าส่งออกสินค้าของไทยขยายตัว 8.5 % นอกจากนี้ การขยายตัวดังกล่าวส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัจจัยทางด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น
แม้ภาพรวมมูลค่าส่งออกสินค้าจะหดตัว แต่การส่งออกไปจีนขยายตัวสูง โดยการส่งออกสินค้าไปยังหลายตลาดสำคัญมีการขยายตัวบนเลข 2 หลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "จีน" ที่มียอดการส่งออกสินค้าจากไทยอยู่ที่ 2,279 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 31.1 %
อย่างไรก็ดี มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยไปจีนอาจจะสูงกว่าตัวเลขที่กล่าวมาในเบื้องต้น ด้วยส่วนหนึ่งมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยไปจีนถูกแฝงไปในรูปแบบมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยไปยังเวียดนาม ผ่านช่องทาง "การค้าผ่านแดน" เพื่อส่งออกต่อไปยังจีนอีกหนึ่งทอด (RE-EXPORT) เนื่องด้วยเวียดนามได้รับสิทธิพิเศษในการได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VALUE ADDED TAX) จากจีน หากส่งออกสินค้าผ่านพรมแดนระหว่าง 2 ประเทศ โดยเฉพาะสินค้าในหมวดอาหารที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มจากที่จัดเก็บในอัตรา 13 % จึงทำให้การส่งออกสินค้าในหมวด "ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง" จากไทยไปเวียดนามขยายตัวสูงติดต่อกันนานหลายเดือน เพื่อรองรับความต้องการบริโภคผลไม้ของชาวจีน
นอกจากนี้ สินค้าส่งออกในหมวดอาหาร ชิ้นส่วนรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงแผงวงจรไฟฟ้าก็มีทิศทางการขยายตัวที่ต่อเนื่อง โดยสินค้าในหมวดอาหาร ทั้งในส่วนของสินค้าประมง โดยเฉพาะกุ้งที่มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสินค้าไก่แช่เย็น-แช่แข็ง-แปรรูปที่ยังขยายตัวได้ดี ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการยกเลิกการห้ามนำเข้าไก่จากไทยของเกาหลีใต้ อีกทั้งได้อานิสงส์จากการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน รวมถึงสหรัฐอเมริกา
ในขณะที่การส่งออกชิ้นส่วนรถยนต์ก็มีแนวโน้มการขยายตัวต่อเนื่องในตลาดเวียดนามและอินโดนีเซีย ที่มีฐานการผลิตรถยนต์ ทั้งนี้ หากทิศทางการขยายตัวของการส่งออกสินค้ากลุ่มนี้ยังคงรักษาโมเมนทัมการเติบโตได้ ก็น่าจะทำให้มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยในปี 2560 มีแนวโน้มที่จะขยายตัวสูงกว่าที่ประมาณการไว้เบื้องต้นที่ 0.8 %
เมื่อมองภาพจากสถานการณ์ที่เป็นไป ณ เวลานี้ ก็น่าจะเป็นตัวชี้วัดได้พอสมควร ว่าภาคการส่งออกของไทยในปีนี้ น่าจะไปได้ดีตามสมควร ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจของระดับโลกด้วย ว่าจะไม่เลวร้ายไปกว่านี้ บทความแนะนำ

