รอบรู้เรื่องรถ
น้ำมันเกียร์ ซีวีที ถ้าไม่ใช่ พังแน่
ในฉบับที่แล้ว ผมได้เล่าข้อดีของเกียร์อัตโนมัติแบบปรับอัตราทดได้ต่อเนื่อง หรือซีวีทีไปแล้ว แค่มองหลักการทำงานของมันจากภาพประกอบ เราก็พอจะจินตนาการได้ว่าด้านข้างของสายพานจะต้องรับภาระสูงเพียงใด เพราะต้องอาศัยการถูกบีบอย่างรุนแรง เพื่อให้เกิดแรงเสียดทานในการส่งแรงขับเคลื่อน และด้วยความเร็วที่สูงพอสมควร สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาทันที ก็คือ ความร้อน และความสึกหรอครับ ระบบส่งกำลังในยานพาหนะ ไม่ว่าจะมีข้อดีเพียงใด ถ้าไม่ผ่าน “ด่านสำคัญ” ก็ไร้ค่าครับด่านที่ว่านี้ ก็คือ อายุใช้งาน ซึ่งต้องอยู่ในระดับ 100,000 กม. ขึ้นไป จึงจะเหมาะแก่การนำมาใช้กับรถที่จะขายให้ลูกค้าครับ แต่ในภาคปฏิบัติบางทีก็ไม่ถึงระดับนี้ เพราะอยากได้ชื่อว่าเป็นผู้นำ ถึงรู้ว่าอายุใช้งานยังไม่สูงพอ ต้องอาศัยการพัฒนาต่อไปอีก ก็ยังใช้วิธี “ไปตายเอาดาบหน้า” ถ้าอยู่ในระยะประกันคุณภาพก็ซ่อมหรือเปลี่ยนให้ใหม่ คันไหนเสียหรือหมดประกัน ก็ได้กำไรจากการซ่อมหรือขายอะไหล่อีกเป็นของแถม สิ่งที่จะมาช่วยลดความสึกหรอของสายพานและพูลเลย์ในเกียร์ซีวีที ให้มีอายุการใช้งานยืนยาวเพียงพอ ก็คือ สารหล่อลื่น ที่ต้องพัฒนาขึ้นมาใหม่ให้รับภารกิจนี้โดยเฉพาะ ขอเรียกชื่ออย่างที่พวกเราคุ้นเคยกันดีว่า น้ำมันเกียร์ซีวีที นะครับ คุณสมบัติของน้ำมันนี้ ไม่ใช่แค่ช่วยหล่อลื่นแบบที่ยิ่งลื่นยิ่งดี เพราะถ้าเป็นแบบนั้นมันก็จะลื่นจนไถลไปกับร่องของพูลเลย์ ไม่สามารถส่งแรงขับเคลื่อนได้ กล่าวแบบให้เข้าใจง่าย คือ น้ำมันเกียร์นี้จะต้องลื่นเพียงพอที่จะไม่ทำให้เกิดความสึกหรอจนอายุใช้งานสั้น และในขณะเดียวกัน ก็จะต้องฝืดพอที่จะให้ด้านข้างของสายพานเหล็กยึดเกาะกับพูลเลย์ เพื่อให้ส่งแรงขับเคลื่อนได้ นอกจากนี้ก็ยังจะต้องใส่สารเพิ่มคุณภาพด้านอื่นๆ อีก เช่น ไม่ให้เกิดฟอง ไม่ข้นเกินไปเมื่อเย็น และไม่ใสเกินไปเมื่อร้อน ต้องมีสารต้านการสึกหรอภายใต้แรงกดสูงระหว่างผิวโลหะ น้ำมันเกียร์ซีวีทีจึงเป็นน้ำมันเกียร์อัตโนมัติแบบเฉพาะเจาะจง ไม่เหมือนน้ำมันเกียร์อัตโนมัติระบบอื่น และไม่ใช่ว่าถ้าเป็นน้ำมันเกียร์ซีวีทีแล้ว จะใช้กับซีวีทีรุ่นไหนก็ได้นะครับ ก็เหมือนกับเกียร์อัตโนมัติแบบอื่นๆ ถึงจะทำงานด้วยหลักการเดียวกัน แต่ก็แตกต่างกันในรายละเอียดปลีกย่อย มีผู้ผลิตมากรายด้วยกัน แรงบีบสายพาน วัสดุที่ใช้ทำสายพาน วัสดุที่ใช้ทำพูลเลย์ จึงแตกต่างกัน และต้องการน้ำมันเกียร์ที่ผลิตมาสำหรับเกียร์แต่ละรุ่นโดยเฉพาะ ถ้าเอาน้ำมันเกียร์อัตโนมัติแบบอื่น ที่ไม่ใช่สำหรับเกียร์ซีวีทีมาใช้ พังพินาศแน่นอนครับ แต่ถ้านำน้ำมันเกียร์ซีวีทีที่ไม่ตรงรุ่นมาใช้กับเกียร์ซีวีที อาจจะอายุสั้น มากก็ได้ น้อยก็ได้ ไม่แน่นอน หรืออาจจะไม่มีอาการผิดปกติ แต่กรณีหลังนี้มีโอกาสน้อยมาก เพราะฉะนั้นสำหรับผู้ใช้รถเกียร์อัตโนมัติแบบซีวีที ผมขอแนะนำให้ปฏิบัติดังนี้ 1. ถ้ารถยังอยู่ในระยะประกันคุณภาพไม่ต้องทำอะไรเป็นพิเศษ เพราะต้องเข้าศูนย์บริการอย่างเป็นทางการอยู่แล้ว เพื่อมิให้การรับประกันคุณภาพเป็นโมฆะ 2. ถ้าหมดระยะประกันคุณภาพแล้ว และรู้สึกว่างานบริการบางอย่างไม่สมเหตุสมผล หรือราคาสูงเกินควร อยากจะใช้บริการซ่อม หรือบำรุงรักษาของอู่นอกระบบ ไม่มีปัญหาครับ ขอให้เว้นงานที่เกี่ยวกับน้ำมันเกียร์ไว้ ไม่ว่าจะเติมหรือเปลี่ยน เราสามารถเจาะจงให้ศูนย์บริการอย่างเป็นทางการทำให้ได้ครับ ไม่ต้องไปกลัวว่าเป็นงานเล็กน้อย แต่ถ้าอู่ที่ใช้บริการดำเนินการโดยอดีตช่างของศูนย์บริการอย่างเป็นทางการ เชื่อถือได้แน่นอน เช่น ช่างให้ข้อมูลน่าเชื่อถือ นำน้ำมันเกียร์ที่จะเติมมาให้เราดูว่าเป็นน้ำมันเฉพาะรถรุ่นของเราจริงๆ แบบนี้หมดกังวลครับ 3. สำหรับเจ้าของรถที่ใช้บริการของอู่ซ่อมรถแบบ “ครอบจักรวาล” อาจจะรู้ที่ซื้อน้ำมันเกียร์ซีวีที มันไม่ง่ายอย่างนั้นนะครับ โอกาสที่จะได้น้ำมันเกียร์ผิดรุ่นนั้นมีสูงมาก ยกเว้นซื้อน้ำมันเกียร์ได้ตรงกับบแรนด์ และรุ่นของรถเราจริงๆ ซึ่งก็ยังไม่หมดปัญหาครับ เพราะวิธีเติมนั้นไม่ง่ายถึงจะเติมได้ ก็ยังมี “ด่าน” ที่ยากต่อไปอีก นั่นคือ ปริมาณน้ำมันเกียร์ที่ควรเติมเพื่อให้ได้ระดับที่ถูกต้อง เพราะระดับน้ำมันเกียร์อัตโนมัตินั้นขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของน้ำมันอย่างมาก คือ ยิ่งร้อนระดับน้ำมันเกียร์จะยิ่งสูง เช่น ถ้าเราไม่มีความรู้เรื่องนี้ แล้วเติมน้ำมันเกียร์จนถึงระดับสูงสุด ตอนน้ำมันเกียร์ยังไม่ร้อน เมื่อขับใช้งานและน้ำมันเกียร์ร้อนถึงอุณหภูมิทำงานปกติ ระดับน้ำมันเกียร์จะสูงเกินไปมาก ศูนย์บริการอย่างเป็นทางการของรถแต่ละบแรนด์ จะมีเครื่องมือวัดอุณหภูมิ และระดับน้ำมันเกียร์ที่ผู้ผลิตรถกำหนดให้ใช้ โอกาสทำเอง หรือให้ช่างที่ไม่มีความรู้ ขาดเครื่องมือเติม หรือเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ให้โดยไม่มีปัญหาเลยนั้น แทบเป็นไปไม่ได้เลย สำหรับช่างตามอู่ หรือศูนย์บริการแบบรับรถไม่เลือก ง่ายมากครับ อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับน้ำมันเกียร์ซีวีที ไม่ว่าจะเปลี่ยนหรือเติม งานอื่นมีให้ทำมากพออยู่แล้ว แนะนำลูกค้าไปเลยว่า ไม่พร้อม ควรให้ศูนย์บริการเฉพาะบแรนด์นี้จัดการให้ดีกว่า ผลประโยชน์ที่ได้ไม่คุ้มกับความเดือดร้อนเมื่อเกิดความเสียหายขึ้น ถึงภาคปฏิบัติจะสามารถ “ลอยตัวเหนือปัญหา” ได้ เพราะประเทศนี้ไม่มีหน่วยงานของรัฐที่ตรวจสอบความผิดด้านเทคนิค ตะแบงแก้ตัวได้ทุกรูปแบบอยู่แล้ว ก็ควรจะมีคุณธรรม นึกถึงความเดือดร้อนของลูกค้ากันบ้าง ไม่ใช่แค่เกียร์อัตโนมัติแบบซีวีทีเท่านั้นนะครับ ที่ต้องการน้ำมันเกียร์ที่ถูกต้องเฉพาะรุ่น แต่เป็นเกียร์อัตโนมัติทุกรุ่น ไม่ว่าจะทำงานด้วยวิธีใด และก็ยังไม่ใช่แค่นี้ แต่ยังรวมถึงเกียร์ธรรมดาทั้งหลายอีกด้วย ผมลองใช้เวลาว่างตรวจสอบดูในใจเล่นๆ ว่ามีเกียร์แบบใดบ้าง ใช้น้ำมันเกียร์ต่างจากที่ผู้ผลิตกำหนดไว้ แล้วไม่เกิดความเสียหายเลย และการทำงานก็เป็นปกติทุกอย่าง ปรากฏว่า ไม่พบครับ เลยอยากยกตัวอย่างให้เห็นภาพ ความหลากหลายของน้ำมันเกียร์ที่ผู้ผลิตรถยนต์กำหนดให้ใช้ และน่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่มี หรือใช้รถคลาสสิคด้วย รถ มีนี รุ่นดั้งเดิม ห้องเกียร์อยู่รวมกับห้องข้อเหวี่ยง จึงใช้น้ำมันเครื่องสำหรับหล่อลื่นฟันเฟืองของเกียร์ไปในตัวเลย ถึงจะมีห้องเกียร์แยกอยู่ต่างหาก แบบรถทั่วไป รถ เปอโญต์ บางรุ่นก็ใช้ น้ำมันเครื่องเป็นน้ำมันเกียร์ ไม่แปลกครับ เพราะหน้าที่สำคัญของน้ำมันเครื่อง คือ ต้องหล่อลื่นและป้องกันความสึกหรอของโลหะที่เสียดสีกัน เช่น ฟันเฟือง โซ่ ฯลฯ รถขับเคลื่อนล้อหน้า ที่วางเครื่องตามยาว เช่น ซูบารุ และ รถเครื่องหลัง เช่น โฟล์คสวาเกน รุ่นระบายความร้อนด้วยอากาศในห้องเกียร์ของรถเหล่านี้ มีชุดเฟืองตัวหนอนและเฟืองบายสี (PINNION และ CROWN WHEEL) ซึ่งต้องการน้ำมันเกียร์รุ่น GL-5 ที่ปกติใช้กับเฟืองท้ายของรถเครื่องหน้า ขับเคลื่อนล้อหลัง เจ้าของรถเหล่านี้ควรระวังเป็นพิเศษครับ ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ ถ้าไม่ใช่อู่หรือช่างประจำที่รู้เรื่องดี ให้เน้นไปเลยว่าเติมด้วย "น้ำมันฟืองท้าย" เท่านั้น ถ้าใช้น้ำมันเกียร์แบบทั่วไป (GL-4) ชุดเฟืองตัวหนอนและเฟืองบายศรี สึกกระจุยในเวลาไม่นานแน่นอนครับ และถึงจะเป็นห้องเกียร์ธรรมดา ของรถเครื่องหน้า ขับเคลื่อนล้อหลัง ผู้ผลิตบางรายก็เลือกใช้น้ำมันเกียร์แบบ GL-5 ครับ เช่น อัลฟา โรเมโอ รุ่นเกียร์อยู่หน้าปี 1960-1970 ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดครับ เพราะโลหะที่ใช้ทำแหวนซินโครเมชต้องการน้ำมันชนิดนี้หล่อลื่น ใช้ "สูตรเดิม" เหมือน โฟล์ค ฯ ระบายความร้อนด้วยอากาศครับ คือ เฝ้าระวังและเจาะจงให้ใช้ "น้ำมันเฟืองท้าย" เท่านั้น รถเครื่องยนต์หน้าขับเคลื่อนล้อหลังบางรุ่นแทนที่จะใช้น้ำมันเกียร์ "ธรรมดา" แบบทั่วไป หรือ GL-4 (ผมใช้มาตรฐานดั้งเดิม ซึ่งแม้จะเก่าแก่ แต่จำง่ายกว่ามาตรฐานใหม่ ที่มีทั้งพยัญชนะ และตัวเลข ทั้งใหม่และบางทีก็มากจนจำยากครับ และในประเทศเราก็ยังคงเป็นที่รู้จักคุ้นเคยกันมากกว่าแบบอื่น) ผู้ผลิตกำหนดให้ใช้น้ำมันเกียร์อัตโนมัติ (ATF) เพราะความหนืด (ความข้น) ของน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ ต่ำกว่าน้ำมันเกียร์ธรรมดา โดยต้องการให้เข้าเกียร์ง่าย ไม่หนักแรงตอนที่น้ำมันเกียร์ยังไม่ร้อน โดยเฉพาะในประเทศที่หน้าหนาวอุณหภูมิต่ำมาก ถึงเราจะเป็นประเทศที่อากาศร้อนกว่ามาก ก็ต้องใช้น้ำมันเกียร์ตามที่ผู้ผลิตเขากำหนดครับ เพราะระยะห่าง ช่องว่างต่างๆ ผู้ออกแบบเกียร์เขาเลือกมาให้เหมาะสมกับความใสของน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ ส่วนเกียร์อัตโนมัติ แบบต่างๆ ก่อนแบบซีวีที ก็ใช้น้ำมันเกียร์แตกต่างกันมากมาย ดูเพียงชื่อหน้าเหมือน เช่น DEXRON ยังไม่พอครับ ต้องให้เลขต่อจากคำนี้ถูกต้องด้วย แค่นี้ก็ยังไม่พอ เพราะมีพยัญชนะต่อจากตัวเลขอีก ซึ่งต้องตรงกันหมด กับรุ่นที่ผู้ผลิตรถกำหนดไว้ ถึงจะใช้ได้โดยไม่มีผลเสีย ใช้หลักเดียวกับที่ผมแนะนำไว้สำหรับเกียร์ซีวีทีไว้ก่อนครับ จะได้ไม่เดือดร้อนเสียเงินโดยไม่จำเป็น จากความเสียหายโดยเพียงใช้น้ำมันเกียร์ผิดรุ่น ง่ายๆ ครับ ถ้าเป็นเริ่มเติมหรือเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ และเราไม่มีความรู้เพียงพอ ให้ศูนย์บริการอย่างเป็นทางการ เฉพาะบแรนด์ของรถเราจัดการเท่านั้น
เรื่องโดย : เจษฎา ตัณฑเศรษฐี
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2559
คอลัมน์ Online : รอบรู้เรื่องรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/124968