จากชื่อที่ไม่มีใครเคยได้ยิน และไม่รู้ว่าอยู่ตรงส่วนไหนของโลก วานูอาตู (VANUATU) กลับกลายเป็นคำฮิทติดปาก เพียงชั่วข้ามคืน เมื่อสถาบัน NEW ECONOMIC FOUNDATION (NEF) ของอังกฤษ ประกาศว่า เกาะกลางทะเลใต้เจ้าของชื่อพิลึกนี้ คือ ประเทศที่ประชาชนมีความสุขที่สุดในโลก

จากชื่อที่ไม่มีใครเคยได้ยิน และไม่รู้ว่าอยู่ตรงส่วนไหนของโลก วานูอาตู (VANUATU) กลับกลายเป็นคำฮิทติดปาก เพียงชั่วข้ามคืน เมื่อสถาบัน NEW ECONOMIC FOUNDATION (NEF) ของอังกฤษ ประกาศว่า เกาะกลางทะเลใต้เจ้าของชื่อพิลึกนี้ คือ ประเทศที่ประชาชนมีความสุขที่สุดในโลก สาธารณรัฐวานูอาตู เป็นประเทศหมู่เกาะ อยู่ทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิค ห่างจากออสเตรเลียไปทางตะวันออกราว 1,750 กิโลเมตร มีพื้นที่เพียง12,000 กว่าตารางกิโลเมตร มีประชากรแค่ 200,000 คน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรายย่อย และอาชีพที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว วานูอาตู ครองแชมพ์เพราะ สถาบัน เอนอีเอฟ วัดระดับความสุขของประชาชน จากมาตรฐานความเป็นอยู่ ความพึงพอใจ และความคาดหวังในชีวิต ผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม และปริมาณการใช้สิ่งแวดล้อมในการดำเนินชีวิต ไม่ใช่จาก จีดีพี จำนวนหุ้น รถยนต์ หรือตัวเลขในธนาคาร ฉะนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่อันดับ 2 ถึง 5 จะได้แก่ ประเทศโคลัมเบีย คอสตาริกา โดมินิกัน และปานามา ในขณะที่ประเทศอุตสาหกรรม หล่นไปอยู่อันดับกลางๆ ถึงท้าย เช่น อิตาลี อันดับ 66 เยอรมนี 81 สเปน 87 ญี่ปุ่น 95 อังกฤษ 108 สวีเดน 119 ฝรั่งเศส 129 และสหรัฐอเมริกา 150 จากทั้งหมด 178 ประเทศ ประเด็นที่อาจไม่ใช่ประเด็น คือ ประเทศเหล่านี้ ล้วนเป็นมหาอำนาจในโลกรถยนต์ แสดงว่า การเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ ไม่ได้ช่วยให้ประชาชนมีความสุขแต่อย่างใด ใช่หรือไม่ ? ลองจับแพะชนแกะดูทีครับ แล้วพี่ไทยเราจะได้คิดไหมว่า เพราะเรายังเป็นประเทศเกษตรกรรม และประชาชนส่วนใหญ่ยึดปรัชญาแห่งความ "พอเพียง" ของในหลวง เป็นแนวทางดำเนินชีวิต ดัชนีความสุขของเราจึงอยู่ในอันดับที่ 32 ไม่ขี้เหร่เกินไป การพยายามเป็นดีทรอยท์แห่งเอเชีย หรือผลิตรถปีละ 2 ล้านคัน รวมทั้งการสนับสนุนให้ประชาชนซื้อรถใช้กันมากๆ จะทำให้ดัชนีความสุขของเราพุ่งสูงขึ้นกว่านี้หรือไม่ เป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ และ ไม่น่าถามให้เสียบรรยากาศการลงทุน ในภาวะราคาน้ำมันขาขึ้น สวนกับเศรษฐกิจขาลง แม้ผมเองยังแอบคิดในใจ ช่างแม่ง...วานูอาตู !