พิเศษ
นายกสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย กับ บีเอมดับเบิลยู 503 คูเป
ในเมืองไทยก็มีผู้นิยมสะสมและอนุรักษ์รถโบราณจำนวนไม่น้อย และได้รวมตัวกันก่อตั้งเป็นสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2516 กระทั่งมีสมาชิกเป็นจำนวนมาก และมี ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธาน บริษัท สื่อสากล จำกัด เป็นนายกสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย คนปัจจุบัน
ฟอร์มูลา : อะไรคือจุดเริ่มต้นของการเข้ามาร่วมกับสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย ?
ขวัญชัย : ความจริงเรื่องรถโบราณโดยส่วนตัวแล้วเป็นสิ่งที่ชอบอยู่ในใจมานานแล้ว และก็ทวีความชอบขึ้นมาเรื่อยๆ หลังจากนั้นได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกในสมาคม ฯ โดยได้รับเลือกให้เป็นเลขาธิการสมาคม ฯ ซึ่งในช่วงนั้นยังไม่มีรถเป็นของตัวเองด้วยซ้ำ เนื่องจากตัวผมเองมีธุรกิจเกี่ยวกับการทำนิตยสารรถยนต์ และยังไม่มีเวลาพอสำหรับการดูแล เพราะรถโบราณนั้นอันดับแรกต้องมีการบูรณะ และต้องดูแลอย่างดี จึงได้แต่ชื่นชมอยู่ในใจเฉยๆ
จนกระทั่งสุดท้ายเมื่อผมได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกของสมาคม ฯ เลือกให้เป็นนายกสมาคม ทำให้เกิดความคิดว่าถึงแวลาแล้วที่จะต้องมีรถโบราณสักคันหนึ่ง ประกอบกับมีกรรมการหลายท่าน เช่น คุณศิริพงษ์ บูรณะพันธุ์ ที่เป็นอุปนายกสมาคม ฯ และคุณอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการสมาคม ฯ อาสาที่จะเป็นที่ปรึกษา หากมีปัญหา รวมถึงจะช่วยบูรณะรถให้ ทำให้สนใจมากขึ้น
ฟอร์มูลา : เมื่อมีความคิดว่าจะมีรถสักคัน ไปหารถจากที่ไหน ?
ขวัญชัย : เป็นช่วงของความพอดีที่คุณศิริพงษ์ไปพบรถ บีเอมดับเบิลยู 503 คูเป คันหนึ่งเข้า ส่วนตัวผมด้วยความรักที่มีต่อรถ บีเอมดับเบิลยู มาตั้งแต่ในอดีตก็เลยเกิดความอยากได้ และตัดสินใจว่าจะต้องเป็นเจ้าของให้ได้ จึงได้ตัดสินใจซื้อ
ฟอร์มูลา : ตอนซื้อมารถมีสภาพเป็นอย่างไรบ้าง ?
ขวัญชัย : รถนับว่าอยู่ในสภาพดีพอสมควร เพราะเจ้าของเดิมดูแลเป็นอย่างดี แต่ก็ต้องมีการบูรณะใหม่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างบูรณะ ซึ่งก็ได้คุณศิริพงษ์ และคุณอรรถวิชช์ อีกเช่นกันที่ช่วยประกอบ ตกแต่ง รวมถึงให้คำแนะนำต่างๆ ไม่ว่าจะเรื่องของการไปซื้ออะไหล่
หรือของต่างๆ ที่จะนำมาใส่เข้าไปในรถคันนี้ ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง
ขณะนี้ได้ลงทุนกับรถคันนี้ไปแล้วประมาณ 3 ล้านบาท คิดว่าเสร็จสมบูรณ์คงต้องใช้เงินอีกประมาณ 1 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นการลงทุนที่สูงมากคือ 4 ล้านบาท แต่ถ้าถามว่าหากมีคนมาขอซื้อแล้วให้ 10 ล้านบาท ขายไหม ผมตอบได้คำเดียวคือ ไม่ขาย หรือแม้แต่จะให้ 100 ล้านบาทก็ไม่ขาย
เพราะการลงทุนสำหรับรถ บีเอมดับเบิลยู 503 คูเป คันนี้ เป็นความตั้งใจอย่างมาก และอยากที่จะเก็บรถคันนี้ไว้ให้ลูกหลานได้ดู ให้ประเทศชาติได้ชื่นชม และคนเอเชียได้ภูมิใจ ไม่ได้อยากเก็บไว้เฉพาะตัวเอง เพราะเหลืออยู่เพียงคันเดียวในเอเชีย
รถรุ่นนี้ผลิตเพียง 412 คันเท่านั้น แล้วก็เลิกผลิต ครึ่งหนึ่งของรถรุ่นนี้จะไปอยู่ที่อเมริกา ในเอเชียมีน้อยมาก เนื่องจากในช่วงนั้นญี่ปุ่นยังไม่ฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ทำให้รถรุ่นนี้ในญี่ปุ่นแทบจะไม่มีเลย ทำให้พูดได้ว่าเหลือเพียงคันเดียวในเอเชีย
ฟอร์มูลา : ก่อนหน้าที่จะได้รถคันนี้ รู้สึกชอบรถหรืออยากได้รถอะไรมากที่สุด ?
ขวัญชัย : ตอนเป็นหนุ่มรถที่ชอบมากที่สุดคือ รถสปอร์ท เอมจี จนถึงปัจจุบันก็ยังชอบอยู่ ซึ่งถ้ามีโอกาสก็อยากที่จะซื้อมาเป็นเจ้าของเหมือนกัน แต่ที่ไม่ได้ซื้อเพราะขนาดจะเล็กเกินไปสำหรับเรา ซึ่งถ้าเข้าไปนั่งอยู่ใน เอมจี คงจะดูตลกไปหน่อย เพราะตอนนี้ตัวเราใหญ่ และก็บังเอิญได้ บีเอมดับเบิลยู 503 คูเป คันนี้มาก่อน ซึ่งขนาดของเขามันเหมาะสมพอดีและก็เป็นรถรุ่นหลังสงครามที่หรูหรามากคันหนึ่งของโลกในสมัยนั้น ตัวถังก็ออกแบบได้อย่างดีเยี่ยม คือในสมัยนั้นต้องถือว่า บีเอมดับเบิลยู 503 คูเป คันนี้เป็นรถที่เด่นที่สุดในโลก ซึ่งในตอนนั้นประมาณปี 2498 ซึ่งถือว่าเป็นวัยที่ใกล้เคียงกัน ปินินฟารีนา เคยวิจารณ์ว่ารถคันนี้เป็นรถที่สวยที่สุดในโลก เพราะฉะนั้นก็เลยคิดว่าน่าจะเหมาะกับเรามากที่สุด
ฟอร์มูลา : รถคันนี้เคยอยู่ที่ไหนมาก่อน ?
ขวัญชัย : เจ้าของเดิมเป็นคนไทย ที่ซื้อมาโดยถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง โดยเข้ามาตั้งแต่เริ่มเปิดตัว ผมถือว่าเป็นเจ้าของคนที่สอง
ฟอร์มูลา : หลังจากที่นำมาบูรณะแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้างกับรถคันนี้ ?
ขวัญชัย : รู้สึกภูมิใจมาก เพราะผมเป็นคนที่ชอบรถ บีเอมดับเบิลยู อยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสเป็นเจ้าของรถเก่าคันนี้ มันก็เหมือนเป็นเนื้อคู่ คือเหมือนเกิดมาเพื่อกันและกัน และถ้าคันนี้เป็นคันเดียวในเอเชียอย่างที่ว่า มันก็ยิ่งเป็นความภูมิใจอย่างมาก
ฟอร์มูลา : รถคันนี้มีเครื่องยนต์ขนาดเท่าไหร่ ?
ขวัญชัย : เครื่องยนต์ขนาด 3,200 ซีซี 8 คิว อลูมิเนียม ตัวถังเป็นอลูมิเนียม โครงสร้างเป็นเหล็ก ในสมัยนั้นต้องถือว่าทันสมัยมาก เพราะโครงตัวถังที่เป็นอลูมิเนียมก็หายาก แล้วมีระบบไฟฟ้า เช่น กระจกไฟฟ้า หน้า-หลัง โดยขั้นตอนการบูรณะรถคันนี้คือ ต้องนำรถไปโชว์ในงาน "มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 21" ซึ่งจะจัดให้มีขึ้นระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคมนี้ หลังจากนั้นก็จะมีงาน หัวหิน วินเทจ คาร์ ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 16-18 ธันวาคม ที่หัวหิน ซึ่งการบูรณะรถคันนี้ครั้งแรกทำเพื่อให้อยู่ในสภาพพอดูได้ หลังจากนั้นก็จะนำมารื้อใหม่หมดเพื่อแต่งให้ละเอียดอีกครั้ง
ฟอร์มูลา : รถคันนี้ใช้เวลาบูรณะนานเท่าไหร่ ?
ขวัญชัย : เริ่มบูรณะมาตั้งแต่เดือนตุลาคม ซึ่งนับว่าเร็วมากสำหรับเวลาเพียง 2 เดือน ซึ่งหลังจากนี้จะใช้เวลานานเท่าไหร่ไม่ใช่เรื่องสำคัญแต่ตั้งใจจะทำให้ดีที่สุด ซึ่งตอนนี้ได้ ROBERT HOLNSTEINER กรรมการสมาคม ฯ อีกท่านหนึ่ง มาช่วยดูแลเครื่องยนต์ ช่วงล่าง และยังแนะนำร้านผลิตชิ้นส่วนของรถเก่า แต่จะมีราคาแพงเนื่องจากมีจำนวนน้อย และหายาก
ฟอร์มูลา : รถคันนี้เดิมมีสีอะไร ?
ขวัญชัย : สีเดิมเป็นสีขาว แต่ผมคิดว่าจะเปลี่ยนเป็นสีเงิน เพราะรถ บีเอมดับเบิลยู ในใจผมจะต้องเป็นสีเงิน ที่ผ่านมารถที่ผมใช้ส่วนใหญ่จะเป็นสีเงิน และรถ บีเอมดับเบิลยู คันนี้ถือเป็นคันที่ 7 แล้ว
ฟอร์มูล่า : คันที่ 8 จะมีไหม ?
ขวัญชัย : ถ้ามีที่ถูกใจมาอีกก็คงจะมีแน่นอน
ฟอร์มูลา : โดยส่วนตัวแล้วคุณเป็นคนชอบรถ บีเอมดับเบิลยู ใช่หรือไม่ ?
ขวัญชัย : ผมชอบรถ บีเอมดับเบิลยู ตั้งแต่อยู่เมืองนอกแล้ว เพราะมีความรู้สึกว่าเป็นรถที่ขับแล้วสนุกเกาะถนนดี มีอัตราเร่งที่ดีเมื่อเทียบกับรถยี่ห้ออื่นแล้วคนละเรื่อง เป็นรถที่สร้างมาเพื่อขับจริงๆ ไม่ได้สร้างมาเพื่อนั่ง ซึ่งตอนนี้เริ่มมีอายุแล้วก็ต้องนั่ง แต่ก็นั่งได้นะ ถ้าไม่ชอบจริงคงไม่เลือกเป็นคันที่ 7 อย่างแน่นอน
ฟอร์มูลา : บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ฯ ได้เข้ามาช่วยเหลืออะไรในการบูรณะบ้างหรือเปล่า ?
ขวัญชัย : ก็มีบ้างในเรื่องของข้อมูลโดย บีเอ็มดับเบิลยู ฯ ได้ส่งแคทาลอกมาให้ มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ซึ่งก็ได้ให้ความช่วยเหลือตามที่ขอไป ส่วนหนึ่งก็ไปหาเองในตลาด ดูจากรถโมเดล แคทาลอก ซึ่งราคาแพงมากแผ่นละประมาณ 4-5 พันบาท โดยนำมาศึกษาเปรียบเทียบว่าของเดิมเป็นอย่างไร
ฟอร์มูลา : คุณมีความคิดเห็นอย่างไรที่คนหันมาสนใจรถโบราณ และรถคลาสสิคมากขึ้น ?
ขวัญชัย : นับว่าดีนะ เพราะถ้าว่ากันตามกฎหมายการนำรถเข้ามาเมืองไทยค่อนข้างยาก คือ ต้องเป็นคนที่มีภูมิลำเนาอยู่ในต่างประเทศเกิน 2 ปี หรือเป็นเจ้าของรถคันนั้นเกินปีครึ่งถึงจะมีสิทธิ์นำรถเข้ามาได้ ต้องเสียภาษีตามพิกัด ไม่เหมือนรถโชว์ที่เสียภาษีพิเศษ แต่ว่าทางออกของรถเหล่านี้มันเหมือนเป็นหม้อเป็นไห คือตอนนี้รถขายได้โดยอิสระ จึงมีคนจากทั่วโลกที่เห็นแล้วชอบก็มาซื้อไป เจ้าของเห็นว่าได้ราคาดีก็ขายไปสิ่งเหล่านี้ก็จะหายไปเรื่อยๆ แต่ปัจจุบันนับว่าดีที่คนรุ่นใหม่มีความรู้สึกอยากอนุรักษ์มากขึ้น ซึ่งก็ลำบากหน่อยเพราะต้องไปหารถเหล่านี้แล้วนำมาบูรณะ จากนั้นต้องพยายามรักษาให้อยู่เมืองไทยให้นานที่สุด เพราะสิ่งเหล่านี้นอกจากจะเป็นทรัพย์สมบัติของตัวเองแล้วยังเป็นของมีค่ากับประเทศและโลก
ฟอร์มูลา : การดูแล และบำรุงรักษา และราคา จะแตกต่างจากรถทั่วไปหรือไม่ ?
ขวัญชัย : ต้องแตกต่างจากรถทั่วไปอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นรถเก่าที่นำมาบูรณะใหม่ ต้องลงทุนมากกว่ารถใหม่ รวมถึงราคาก็จะเป็นไปตามความนิยม อย่างรถที่ซื้อมาถ้าอยู่ในมาตรฐานทั่วไปในต่างประเทศ รุ่น และปีเดียวกัน และอยู่ในสภาพที่ดีจะมีราคาประมาณล้านกว่าบาท แต่ผมซื้อมาในสภาพไม่ค่อยดีนักแต่มีราคาสูงกว่า ซึ่งสิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่กับความรัก ความชอบ และมีกำลังเงินที่พอซื้อได้ แต่ถ้าสู้ไม่ได้ก็อย่าบีบบังคับตัวเอง
ฟอร์มูลา : การอนุรักษ์ การเก็บรักษา และการดูแลเป็นอย่างไร ?
ขวัญชัย : อยากให้คนรุ่นใหม่หันมาดูแลรถโบราณ หรือรถคลาสสิคมากขึ้น คือ พยายามมีจิตใจอนุรักษ์ไว้ เพราะสิ่งเหล่านี้จะไม่มีเกิดขึ้นใหม่อีกแล้ว ทุกอย่างที่มีมาในอดีตมีจำนวนจำกัด และก็มีอยู่แค่นั้น ไม่มีการผลิตใหม่แล้ว สิ่งที่อนุรักษ์ และสามารถบูรณะได้ก็ช่วยกันทำดีกว่า ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะส่งผลให้เกิดความภูมิใจ ความมีศักดิ์ศรี โดยจะเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ
ฟอร์มูลา : สำหรับรถคันนี้ต้องมีการสร้างที่เก็บใหม่ด้วยหรือไม่ ?
ขวัญชัย : สำหรับผมคงไม่ถึงกับต้องทำขนาดนั้น เพียงแค่เอาผ้าคลุมไว้ก็พอแล้ว นำมาวิ่งอาทิตย์ละครั้งสองครั้ง ผมไม่อยากบูชา เพราะตามหลักที่ถูกต้องรถเหล่านี้จะต้องนำมาใช้งาน ไม่ใช่จอดเอาไว้ดูสวยๆ ต้องนำมาวิ่งบ้าง ไม่อย่างนั้นก็จะมีสภาพเหมือนรถใหม่ที่ไม่ใช้งาน ทำให้เสื่อมสภาพ
ฟอร์มูลา : ในส่วนของเครื่องยนต์มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ?
ขวัญชัย : มีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากของเดิมไม่ใช่ของแท้ ต้องไปหาซื้อของแท้มาใส่เข้าไป ซึ่งต้องเป็นคาบูเรเตอร์ของ เซนิก
ฟอร์มูลา : หลังจากบูรณะคันนี้แล้วจะมีคันที่สองไหม ?
ขวัญชัย : เรื่องนี้กำหนดไม่ได้ เพราะถ้ามีของที่ชอบ ถูกใจ สู้ราคาได้ก็อาจจะมี รถไม่ใช่ภรรยา ถ้าเป็นภรรยาต้องมีคนเดียว แต่ถ้าเป็นของสะสมอย่างนี้มีได้เรื่อยๆ ถ้าถูกใจ และสามารถเป็นเจ้าของได้
ฟอร์มูลา : นอกจากรถโบราณแล้วยังชอบของเก่าประเภทอื่น หรือสะสมอะไรอีกหรือเปล่า ?
ขวัญชัย : ผมชอบสะสม ไพพ์ ตอนนี้มีอยู่ 200 กว่าอัน อีกอย่างเป็นของที่เกี่ยวกับม้า และช่วยกันสะสมกับลูกคือ รถเล็ก
เรื่องการสะสมนี่เป็นความชอบ อย่างไพพ์ที่สะสมเพราะว่าเดินทางไปต่างประเทศบ่อย ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะซื้อของที่ระลึก แต่เราคิดว่าซื้อไพพ์ดีกว่า น่ารักดี เพราะมีรูปแบบ ราคาที่ต่างกัน แล้วก็ติดไปเองจนเป็นความชอบจนสะสมมาถึงปัจจุบัน
ส่วนของที่เกี่ยวกับม้า เริ่มจากตอนที่ไปจีน เห็นม้าแกะสลักหิน 12 ตัว สีชมพู ชอบมาก คิดว่าราคาคงเป็นแสน แต่ปรากฏว่า 25,000 บาท เลยตัดสินใจซื้อ แล้วแบกกลับมาด้วยความยากลำบาก ถึงกรุงเทพ ฯ ม้าหักแตกเป็นสองส่วน ผมกับลูกต้องช่วยเอากาวทาต่อทุกอย่างให้เหมือนเดิม ทำให้เกิดความผูกพัน ตั้งแต่นั้นมาเห็นม้าทีไรก็ซื้อเรื่อย
ฟอร์มูลา : เริ่มรู้สึกชอบรถมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
ขวัญชัย : รู้สึกชอบมาตั้งแต่เด็ก เป็นความผูกพัน และเคยเป็นนักแข่งรถด้วย โดยตอนกลับจากต่างประเทศใหม่ๆ จะแข่งแรลลี แต่ที่ดูเหมือนจะเป็นนักแข่งอาชีพตอนที่ อีซูซุ จัดไปแข่งที่ ปารีส-มอสโค-ปักกิ่ง ซึ่งมีโอกาสไปร่วมด้วย แต่การแข่งขันถูกยกเลิกเพราะมีปฏิวัติที่รัสเซีย เลยไม่ได้แข่ง แต่ได้ไปสำรวจทางแล้วเกิดปัญหา เกิดอุบัติเหตุมีคนในทีมเสียชีวิต และคนที่เสียชีวิตเป็นเพื่อนเรา เราเป็นคนชวนเขาไปด้วย เลยรู้สึกผิดอยู่ในใจ กลับมาก็เลยเลิก
ฟอร์มูลา : กิจกรรมของสมาคมรถโบราณจะมีอะไรบ้าง ?
ขวัญชัย : งานประจำปี คืองานประกวดรถโบราณ ในเดือนพฤษภาคม ที่เดอะมอลล์ ส่วนงานอื่นๆ ส่วนใหญ่จะได้รับเชิญไปมากว่า แต่จะเลือกงานที่ทำเพื่อสังคม เช่น งานสุพรรณหงส์ทองคำ งานฉลอง 220 ปี กรุงเทพ ฯ, งานกรุงเทพ ฯ เมืองแฟชัน ฯลฯ หรืองานที่สอดคล้องกับอดีต และความหลัง
ฟอร์มูลา : ขณะนี้สมาคม ฯ มีสมาชิกจำนวนเท่าไหร่ ?
ขวัญชัย : ปัจจุบันมีสมาชิกอยู่ประมาณ 600 กว่าคน แต่ที่ร่วมแรงแข็งขันมีอยู่ประมาณ 150 คน ล่าสุดผมขอความร่วมมือไปร่วมงานที่หัวหิน ซึ่งต้องการรถ 60 คัน ขณะนี้รถเต็มแล้ว ซึ่งมีสมาชิกสนใจสมัครเข้าร่วมงานเกือบ 80 คัน จึงต้องคัดเลือกให้เหลือ 60 คัน
นอกจากนี้สมาคมยังมีการติดต่อกับประเทศใกล้เคียง เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ซึ่งในงานที่หัวหินครั้งนี้ก็จะมาชมงานด้วย และคนก็ชื่นชมในฝีมือของคนไทย ล่าสุดเจ้าชายจากคูเวตติดต่อมาเพื่อชมรถโบราณ คณะกรรมการพาไปชมรถที่บ้านคุณอรรถวิชช์ ท่านชมว่าฝีมือการบูรณะรถของคนไทยดีมาก และอย่างโรเบิร์ต ที่ทำเรื่องเกี่ยวกับเครื่องยนต์ให้ท่านก็ชวนให้ไปอยู่ด้วย แต่โรเบิร์ตไม่ไป บอกว่าทำเครื่องทำที่นี่ก็ได้
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน มกราคม ปี 2548
คอลัมน์ Online : พิเศษ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/7910