ธุรกิจ
-
มาตรวัด กค. 47
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์
เดือนกรกฎาคม ปี 47 กับ 46
ตลาดโดยรวม ลด 0.5
รถยนต์นั่ง เพิ่ม 4.5
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ เพิ่ม 9.6
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) ลด 25.8
รู้จักไหมครับ ชื่อเรื่องหนนี้
ก่อนจะไปเฉลย ขอแว่บไปหายอดการขายในเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมาสักหน่อยว่า ในรอบเดือนนี้
จากราคาน้ำมันแพงหูฉี่ แต่รถยนต์นั่งพวกที่ต้องเติมน้ำมันเบนซิน ยังมียอดการขายเพิ่มสูง 4.5 %
ยอดรวมทั้งตลาดใกล้เคียงปีที่แล้ว ขายได้ 45,430 คัน รวมแปดเดือนยังเพิ่มอยู่ 17.8 % ขาย 344,128 คัน
นี่เพียงเอามาเล่าสู่กันฟังเท่านั้น ว่าราคาน้ำมันลิตรละยี่สิบสองบาทนี่ ไม่ได้เป็นที่ยี่หระกับคนไทยหรอกเลยนะครับ
ก่อนไปเฉลยข้อคำถาม ขอแว่บเรื่องสั้นๆ นิดเดียว เรื่องเอธานอล
ก็เตรียมการกันแล้วว่า ประเทศไทยและบราซิล จะร่วมกันจัดประชุมสัมมนาเชิงวิชาการด้านเอธานอลโดยฝ่ายบราซิลจะนำคณะผู้ประกอบการเอธานอล และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง มาบรรยายถึงประสบการณ์ของบราซิล รวมทั้งแสดงนิทรรศการด้านเทคโนโลยีเอธานอลต่างๆ จากสมาคมชาวไร่อ้อยกลุ่มผู้ผลิตเอธานอล และบริษัทรถยนต์จากประเทศบราซิล
แต่จากประสบการณ์ของบราซิลนั้น พบว่าการนำเอธานอลมาใช้เชื้อเพลิง จะให้ประโยชน์ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม โดยด้านเศรษฐกิจนั้น จะช่วยลดการนำเข้าน้ำมัน เสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานแก่ประเทศ สร้างมูลค่าเพิ่มในสินค้าเกษตร สร้างงานสร้างรายได้ให้เกษตรกร ลดการสูญเสียเงินตราต่างประเทศ และเพิ่มเงินหมุนเวียนในประเทศ
ด้านสิ่งแวดล้อม จะช่วยลดมลพิษที่เกิดขึ้นจากการเผาไหม้ของน้ำมันเชื้อเพลิง เช่น ฝุ่นละออง
และเขม่าควันดำ ลดสารก่อเรือนกระจก ด้านสังคม จะเป็นการสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร
เป็นการกระจายรายได้ให้สู่ชนบท
คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะสามารถจัดประชุมดังกล่าวได้
ส่วนตอนนี้ ท่านผู้นำท่านไปเยี่ยมเยือนอิตาลี ก็เรื่องนี้ด้วยเหมือนกันแหละครับ
เฉลยชื่อเรื่องกันเลยนะครับ ว่าคืออะไร
ก็ไม่รู้ว่าคนที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้ ไปอยู่ที่ไหนมาเสียตั้งนาน พอมีเรื่องมีราวความไม่สงบในสามจังหวัดภาคใต้ ส่วนกลางหวดไม้เรียวลงไปว่า ให้หาทางพัฒนาอาชีพ และสร้างรายได้ของประชาชนในสามจังหวัดภาคใต้ ก็เลยเพิ่งจะมีการสำรวจกันว่า ในจังหวัดนราธิวาส มีดินขาว ปริมาณมากถึง 800,000 ตัน ที่สามารถนำมาแปรรูป เพิ่มคุณค่าในเชิงพาณิชย์ได้
ก็เลยเกิดโครงการ "ดินขาวพัฒนา เมืองนราก้าวไกล" เพื่อนำดินขาวจาก อำเภอเจาะไอร้อง
อำเภอสุไหงปาดี มาพัฒนาเพื่อผลิตภัณฑ์เครื่องเคลือบดินเผาเบญจรงค์ "ลายยาวอ"
ที่มีตลาดแน่นอนอยู่แล้ว
ลวดลายพื้นบ้านของชาวใต้ บวกกับทักษะภูมิปัญญาของคนในพื้นที่ที่มีอยู่มากมาย
ซึ่งจะปรับปรุงตามรูปแบบตามภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยนำลายพื้นบ้านที่มีการเขียนบนเรือกอและ
หรือตามเชิงชายหลังคาบ้านเรือนพี่น้องชาวมุสลิมที่มีชื่อเรียกว่า "ลายยาวอ" มาทำลวดลายเบญจรงค์
เริ่มต้นด้วยอุตสาหกรรมจังหวัด จัดฝึกอบรมหลักสูตรเครื่องเคลือบดินเผาเบญจรงค์
ไปแล้วเมื่อเดือนสิงหาคม มีราษฎรสนใจสมัครเข้ารับการฝึกอบรมมากกว่า 50 คน
แต่คัดเลือกผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมเข้าฝึกอบรม จำนวน 37 คน
หมดสตางค์ค่าดำเนินการไปเกือบสามแสนบาท และอบรมไปแล้วสองรุ่น
รอบที่สอง เพื่อให้ราษฎรที่เข้ารับการฝึกอบรมมีความรู้ และทักษะฝีมือในการผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องเคลือบดินเผาเบญจรงค์ "ลายยาวอ" ได้อย่างมีประสิทธิภาพ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ก็เตรียมอบรมเพิ่มทักษะอีกรอบหนึ่ง
ขณะเดียวกัน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ก็เตรียมงบประมาณ 6 ล้านบาท สร้างโรงงานอุตสาหกรรมเครื่องเคลือบดินเผาต้นแบบ เพื่อให้ผู้ประกอบการมาเช่าพื้นที่ดำเนินธุรกิจและใช้เครื่องจักรในการผลิต พร้อมกับรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต รวมทั้งการจัดจ้างที่ปรึกษาเพื่อให้คำปรึกษาแนะนำ จนสามารถจะแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเองแล้ว ก็จะให้ไปตั้งโรงงานของตนเอง
แล้วรับผู้ประกอบการรายใหม่ มาบ่มเพาะธุรกิจต่อไป
คาดว่าจะสามารถเริ่มต้นรายการนี้ได้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2548 เป็นต้นไป
เอาละ เตรียมบ่มเพาะทางธุรกิจไปแล้ว ก็ต้องสนับสนุนด้านอื่นด้วยเช่นกัน คือการสร้างตราสัญลักษณ์ หรือ BRAND NAME โดยกำหนดตราสัญลักษณ์เป็น "เซรา-ปาดี" CERA-PADI
ซึ่งเป็นคำที่มาจากเซรามิค กับสุไหงปาดี ซึ่งเป็นชื่อของอำเภอที่มีดินขาวอยู่มาก
แหล่งหนึ่งในจังหวัดนราธิวาส
นอกจากนั้น ยังรวบรวมลายในท้องถิ่นดั้งเดิมมาสร้างต้นแบบผลิตภัณฑ์ เพื่อให้รองรับกับความต้องการของตลาด เป้าหมาย คือ กลุ่มประเทศที่นับถือศาสนาอิสลาม ทั้งที่เป็นประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ มาเลเซีย/อินโดนีเซีย/บรูไน และประเทศในตะวันออกกลาง
อีกอุตสาหกรรมหนึ่ง จะเรียกว่าอุตสาหกรรมต่อเนื่องก็ได้ คือการนำเอาวัตถุดิบเศษดินขาวที่มีดินทรายปะปนจากการล้างดินขาว ซึ่งเหลือทิ้งสูญเปล่าอยู่เป็นจำนวนมาก นำกลับมาใช้เพื่อการผลิตผลิตภัณฑ์บลอคประสาน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาตามเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่กำลังมีความนิยมเพิ่มมากขึ้น
เจ้าอุตสาหกรรมบลอคประสาน เป็นวัสดุก่อสร้างบ้านในยุคใหม่ที่ไม่ต้องก่อสร้างเสาและฉาบปูน
แต่ใช้รูปแบบของผลิตภัณฑ์บลอคที่กดยึดเข้าด้วยกัน เป็นโครงสร้างที่มั่นคงแข็งแรง
และยังไม่มีการผลิตในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ก็ไม่ทราบว่า แต่ก่อนร่อนชะไร บรรดาผู้มีหน้าที่ทั้งหลาย เอาหูไปนา เอาตาไปไร่
กันจนมองไม่เห็นเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้เลยหรือครับ
วังเวงดีนะครับ ประเทศนี้
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2547
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/7793