ทั่วไป
-
สั่นสะเทือนลั่นเลื่อนกันไปทั้งบาง เมื่อยักษ์ใหญ่ขยับตัว ออกกระบะรุ่นใหม่เป็นครั้งแรกในโลก อันนี้
เขาว่านะครับ เปิดขุมสรรพกำลัง ฮือฮากันถ้วนหน้า เชิญสื่อมวลชนเกินพันคนมาร่วมแถลงข่าว ทั้งจากหัวเมืองต่างจังหวัด จากเมืองนอก ใหญ่โตมโหระทึก
แถมด้วยงานใหญ่โตสารพัด มีครบทุกประเภท ทดสอบ ทางเรียบ 4X4 คอนเสิร์ท เทคโนโลยี เมือง
จำลอง แข่งจอมพลัง ขาดก็แต่กระเช้าสวรรค์อย่างเดียวแหละครับ ก็จะครบสูตร
งานนี้หนุ่มสำโรงกะทุ่มเทเต็มที่ หวังให้แซงหญิงเหล็กแห่งวิภาวดีให้ได้ ได้สักเดือนก็ยังดี ก็เล่นทุ่ม
โฆษณาเต็มหน้า 4 สีเป็นเดือนก่อนเปิดตัว แค่ค่าโฆษณาอย่างเดียวก็มหาศาลแล้วเนี่ย
นอกเหนือจากสองค่ายที่ว่าแล้ว ค่ายอื่นก็ได้แต่นั่งมองกันปริบๆ เพราะเม็ดเงินเล็ก ไม่มีพอจะทำขนาดนั้นได้ แถมด้วยประชุมกันสนั่น แต่เช้าจรดเย็น ว่าจะทำอย่างไรกันดี เพื่อบรรเทาผลกระทบที่กำลังจะตามมาระลอกใหญ่
ค่ายที่เพิ่งไมเนอร์เชนจ์ ก็ยังงงๆ อยู่ ค่ายที่กำลังจะไมเนอร์เชนจ์ ก็ยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่ แต่เชื่อได้เลยว่า อาฟเตอร์ชอค หนนี้ ตลาดรถกระบะเป็นได้สะเทือนเลื่อนลั่นแน่ เรื่องลดแหลกแจกแถม ประกันภัยชั้นหนึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานนี่ เชื่อได้เลยครับ มีแน่
ก็ต้องลองดูสักพัก ว่าช้างชนช้างงวดนี้ จะออกหัวหรือก้อย แล้วจะรีบนำมารายงานโดยเร็วครับ
คุยเรื่องของชาวบ้านอย่างอื่นมั่งนะครับ
ประเทศสยามนามประเทืองว่าเมืองทองนี้ มีพัฒนาการด้านยานยนต์มานานเกือบ 40 ปีแล้ว ยังเดิน
หน้าไปไม่ถึงไหน แต่ก็ยังดี ที่เพิ่งเริ่มมีแนวโน้มว่า จะเริ่มขึ้นเวทีฟิทซ้อม ให้สู้กับชาวบ้านเขาได้ในเร็ววัน เริ่มต้นจากการพัฒนาทรัพยากรบุคคลกันก่อน พัฒนาว่าคนของเรา จะสามารถพัฒนาขีดความสามารถในด้านวิศวกรรมยานยนต์ได้ขนาดไหน
ที่นี่เอง เดือนธันวาคม ที่ เมืองทองธานี เราก็มีส่วนในการสนับสนุนการพัฒนาด้านนี้ด้วยครับ แต่เราก็ไม่ค่อยอยากจะส่งเสียงดังสักเท่าไร
อ้อ ทำมาหลายหนแล้วด้วย
ฟากทางภาครัฐ สถาบันยานยนต์ ได้รับการสนับสนุนผ่านกันมาจาก 4 องค์กรใหญ่ JICA/JETRO/JODC และ NEDO องค์กรของคนญี่ปุ่นทั้งนั้นแหละครับ เพื่อให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ของไทย สามารถพัฒนาให้แข่งขันได้ในตลาดโลก โดยพัฒนาศักยภาพทางเทคโนโลยี มี 4 ด้าน พัฒนาอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์/พัฒนาทรัพยากรบุคคล/การใช้ชิ้นส่วนในประเทศ และการบริการข้อมูล
ผู้ประกอบการในด้านต่างๆ 12 สาขา ได้ร่วมทำงานกับผู้เชี่ยวชาญ ที่มาร่วมอบรม มีผู้ประกอบการเข้าร่วม 106 บริษัท ทำการพัฒนากัน 2 ปี
งานนี้ได้หลักสูตรการรับรองทักษะฝีมือ 5 สาขา คือ การขึ้นรูปโลหะแผ่น/การทำแม่พิมพ์ฉีด/
การทำแม่พิมพ์โลหะ/การขึ้นรูปเชิงกล และการหล่อโลหะ
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของพลาสติคที่ต้องใช้ในรถยนต์ การเลือกใช้วัสดุ การออกแบบพื้นฐานแม่พิมพ์
การออกแบบด้วยซอฟท์แวร์ CAD/CAM และ CAE
แต่ที่แน่นอนสุด คือ คนที่มาร่วมพัฒนาวงการชิ้นส่วนยานยนต์ของไทย คนญี่ปุ่นนั่นแหละครับ ได้ข้อมูลจากภาคเอกชนของเราไปบานตะเกียง พอจะวางแผนอะไรใหม่ ๆ ได้สบาย ก็ต้องแลกกันนะครับเรื่องอย่างนี้
อยากได้ความรู้ของเขา ก็ต้องยอมเสียข้อมูลของเรา
กรุณาสังเกตเล็กน้อย ว่าไม่มีส่วนไหนที่เกี่ยวข้องกับเครื่องยนต์เลย ว่าจะมีแนวทางในการพัฒนาไป
อย่างไรบ้าง ใครพอรู้บ้าง ยกมือขึ้น
ในเมื่อไม่มีเรื่องเครื่องยนต์ เรามาถึงเรื่องถนนก็แล้วกัน
ถนนสายใหม่ที่อนุมัติกันมาแล้ว เป็นเส้นทางพิเศษสายรามอินทรา วงแหวนรอบนอก ที่การทางพิเศษ จะต้องลงทุนราวๆ 13,708 ล้านบาท และคาดว่าจะเก็บค่าผ่านทาง 40 บาท/คัน ตลอดเส้นทาง
เส้นทางนี้เริ่มต้นต่อเชื่อมกับทางพิเศษฉลองรัช รามอินทรา-อาจณรงค์ มุ่งหน้าทิศเหนือ แล้วข้ามถนนอีกหลายสาย ไปสิ้นสุดที่ด้านทิศใต้ของแยกต่างระดับลำลูกกา ระยะทางราวๆ 9.5 กม.
เส้นทางเป็นทางยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร มีทางแยกต่างระดับ 3 แห่ง รามอินทรา/กม. 11 และวงแหวนรอบนอก
คาดว่าจะสามารถเปิดใช้บริการได้ในปี 2551 และคาดว่าปริมาณจราจรจะหนาแน่นประมาณ 22,122 คัน และเพิ่มเป็น 50,409 คัน/วันในปี 2572 แหม ! ช่างคำนวณกันเก่งจริงอย่างนี้นี่เล่า ถึงรับโบนัสกันเพลิน
เอ๊ะ ! สงสัยจะผิดเรื่องครับ
กลับมาเรื่องค่าลงทุนในโครงการ ค่าที่ปรึกษา 115 ล้านบาท ค่าก่อสร้าง 6,582 ล้านบาท ที่เยอะสุดก็คือค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 7,011 ล้านบาท แถมต้องใช้เวลาตั้ง 24 เดือน ก่อสร้างอีก 24 เดือน ใครอยู่ในแนวทางก่อสร้างก็ทำใจล่วงหน้าไว้ก่อนได้เลย
เรื่องของเรื่องก็คือว่า การทางพิเศษ มีสตางค์ไม่พอ ต้องร้องขอจากรัฐบาล ให้อุดหนุนการดำเนินการเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็ยังดี
เรื่องง่ายๆ ว่า หากจะดำเนินโครงการโดยมิให้กระทบต่อสถานการณ์เงินของ กทพ. มากไปกว่า
ปัจจุบัน รัฐบาลต้องให้การอุดหนุนโครงการ เพื่อเป็นค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งหมด และค่าก่อสร้างบางส่วน 58 % ก็จะทำให้ต้องกู้เพิ่มเติม อันจะทำให้โครงการสามารถแล้วเสร็จ และนำเงินส่งเข้ารัฐได้ ประมาณ ปี 2557
ดีนะครับ เอาเรื่องงินนำส่งเข้าคลังมาแสดง จะให้ดีหรือเปล่าน้อ...ติ๊กต๊อก...ติ๊กต๊อก
ว่าเรื่องถนนอีกเรื่องนะครับ เส้นนี้กระทบกับคนเมืองทางฟากเหนือเต็มๆ ก็ที่ทางลอดแยกเกษตร
ศาสตร์นั่นแหละ
หลังจากเปิดซองประกวดราคาแถมต่อรองแล้ว งานส่วนของกรมทางหลวง เป็นเงิน 299 ล้านบาท
ส่วนของ การไฟฟ้า การประปา 55 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลาง 1.88 % ก็ได้รับการอนุมัติไปเรียบร้อย คาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาว่าจ้างได้ในเร็ววันนี้
ก็เรียนมาถึงประชาชนผู้เกี่ยวข้องแถวๆ นั้น หรือผู้จะเดินทางผ่านด้านนั้น เริ่มทางเส้นทางสำรอง
หรือเตรียมทำใจเอาไว้ก่อนก็ได้ เร็วสุดก็ 2 ปีแหละครับ
กระผมเองน่ะ ทำใจเอาไว้แล้ว ย้ายไปเช่าแฟลทอยู่ใกล้ๆ ที่ทำงานดีกว่า เอาแบบเดินไปทำงานได้พอดี ค่าเช่าแฟลทคงพอหักลบกลบหนี้กับค่าน้ำมันลิตรละเกือบ 22 บาทได้มั่งละน่า
ไม่ได้คุยให้ใครเอาอย่างน่ะ แค่พูดไม่ออกเลยเอามาระบายไว้ตรงนี้เท่านั้นเอง
เรื่องโดย : "มือบ๊วย
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2547
คอลัมน์ Online : ทั่วไป
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/7778