พิเศษ
เสน่ห์แห่งธรรมชาติ มีมนต์ขลังเสมอ แม้ก่อนได้สัมผัสกับความงาม จะต้องผ่านบททดสอบอันหฤโหด แต่ก็ไม่ทำให้นักเดินทางย่อท้อ
เสน่ห์แห่งธรรมชาติ มีมนต์ขลังเสมอ แม้ก่อนได้สัมผัสกับความงาม จะต้องผ่านบททดสอบอันหฤโหด แต่ก็ไม่ทำให้นักเดินทางย่อท้อ
ประเทศไทยเราเคยถูกปกคลุมไปด้วยผืนป่าราวร้อยละ 80 ของพื้นที่ เมื่อมีการทำสัมปทานป่าไม้ในปี 2524 ป่าไม้ก็ค่อยๆ ร่อยหรอลงไป จนกระทั่งถึงปี 2535 จึงมี พรบ. ปิดป่า จาก
นั้นธรรมชาติก็กลับฟื้นคืนความอุดมสมบูรณ์
เส้นทางบางแห่งที่เคยเป็นทางชักลากไม้เก่า หลังปิดป่า ก็เลยรกร้างไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าไม่เหลือเค้าของเดิม บางเส้นทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ใช้เป็นเส้นทางตรวจป่า และลำเลียง
เสบียง รวมถึงชาวบ้านใช้เดินเท้าสัญจรไป/มา นอกจากนี้บางครั้งยังเป็นเส้นทางขับรถท่องป่าของนักเดินทางที่ชอบความท้าทายอีกด้วย
ภาคเหนือ มีสภาพเส้นทางสวยงาม ซึ่งได้รับการขนานนามว่า "ธิดาดอย" แต่แฝงไว้ด้วยอันตรายจากหุบเหวสองข้างทาง บางทีเรียก "ทางลอยฟ้า" ด้วยว่าเส้นทางของภาคเหนือนั้น
แต่ละเส้นทาง ส่วนใหญ่ลัดเลาะไปตามเทือกเขาสูงชัน ซึ่งถือว่าอันตราย ยิ่งเมื่อไหร่ที่ฝนมาเยือน จากดินสีแดง ก็จะกลายเป็นดินหนังหมู และดินมันปู ที่มีความลื่น ต่อให้ยางรถจะดีสักแค่ไหน แต่ตัวรถมันก็ยังจะไหลลงไปทางหน้าผา หากพลาดเพียงนิดเดียว ก็คงต้องทิ้งรถไว้ใต้หุบเหวแห่งนั้น
เส้นทางที่ได้รับการกล่าวขวัญ หากไล่ย้อนจากภาคเหนือตอนล่าง ก็จะมี ดอยสอยมาลัย หลังคาของจังหวัดตาก นิยามแห่งความ สวยเจ็บ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น สาม
หมื่นทุ่ง บ้านห้วยสินา ฯลฯ ล้วนแล้วแต่อุดมไปด้วยเส้นทางที่โหด มัน ฮา แทบทั้งสิ้น
ส่วนเส้นทางที่ขึ้นชื่อ ติดอันดับความโหดต้นๆ นั้นคือ เส้นทางในป่าแถบอำเภออมก๋อย บ้านขุนสอง ตะกอคะ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งหฤโหดสุดๆ เปรียบดังขุนโจร ที่พร้อมจะ
ปล้นทุกสิ่งทุกอย่างไปจากรถของท่าน หรือที่เรียกกันว่า "มหาโจรบนขุนเขา" นอกจากนี้ยังมี ดอยช้าง จังหวัดเชียงราย ดอยผาจิ จังหวัดน่าน และ แก่งเสือเต้น จังหวัดแพร่ เป็นต้น
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สภาพเส้นทางส่วนใหญ่จะเป็นเขาหินดินดานผสมดินทราย ปกคลุมด้วยป่าเต็งรัง และเส้นทางที่มีชื่อเสียง ได้รับการยอมรับ ติดอันดับทอพเทน ก็คือ
บ้านหลังสันทะลุ ออกถ้ำงูเหลือม เส้นทางนี้ขึ้นชื่อเรื่องของดินน้ำซับ และโคลนตม ตั้งอยู่บนเทือกเขาพังเหย ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรทอง จังหวัดชัยภูมิ นอกจากนี้ก็มี
วังมะนาว จังหวัดนครราชสีมา ล้วนแล้วแต่เป็นที่รู้จักกันดี
เส้นทางของภาคตะวันออก ภาคนี้ก็ไม่น้อยหน้า มีเส้นทางที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น เขาสิบห้าชั้น จังหวัดระยอง ช่องเขาขาด จังหวัดจันทบุรี น้ำตกบ่อทอง
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จังหวัดฉะเชิงเทรา กลีบสมุทร แก่งหินเพิง น้ำตกเหวอีอ่ำ จังหวัดปราจีนบุรี แก่งยายมาก จังหวัดสระแก้ว เขาฟ้าแลบ จังหวัดลพบุรี
เป็นต้น เส้นทางแถบนี้ส่วนใหญ่เป็นหินพร้อมที่จะทุบรถของท่านให้บุบบี้ได้ตลอดเวลา
ขยับลงมาตอนล่างอย่างเพชรบุรี ต่อเนื่องไปจนถึงประจวบคีรีขันธ์ ก็มีเส้นทางแบบเจ็บๆ คันๆ ที่ขึ้นชื่อก็มี บ้านพุระกา หุบกาฮัง และ ป่าหมาก ที่เคยฝากรอยแค้นไว้ให้กับหลายๆ กลุ่ม ยังไม่นับรวมกับน้ำตกแพรกตะคร้อ น้ำตกป่าละอู ส่วนดินแดนด้ามขวานทองที่มีฝน 8 ร้อน 4 เดือน ความสมบูรณ์ของทรัพยากรอย่างป่าไม้ ไม่อาจเป็นรองภาคไหนๆ เนื่องจากมีฝนตกชุกเกือบตลอดทั้งปี เส้นทางเด่นๆ ก็มี พะโต๊ะ จังหวัดชุมพร บ้านบางจำ ต้นน้ำแก่งกรุง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทุ่งหราแลนด์ จังหวัดพังงา เส้นทางน้ำตกกระทู้-หาดป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ฯลฯ
ส่วนผืนป่าตะวันตก เพียงกาญจนบุรีจังหวัดเดียว ก็สามารถสื่อความหมายของเส้นทางในภาคนี้ได้เป็นอย่างดี เส้นทางส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในเขตป่าอนุรักษ์แทบทั้งสิ้น จุดเด่นของเส้นทางในป่าเมืองกาญจน์ มีลักษณะเป็นโคลนตม ดินมันปู และดินหนังหมู ขับข้ามลำห้วย ส่วนใหญ่ เข้าขั้นหฤโหดเมื่อมีฝนมาเยือน มีชื่อเสียงมากที่สุดของภาคนี้ต้องยกให้ "ปิเต็ง" และ "ทุ่งใหญ่นเรศวร"
ซึ่งทุ่งใหญ่ ฯ นี้ แยกออกเป็น 2 เส้นทางด้วยกัน คือ สะเน่พ่อง-เกาะสะเดิ่ง-ทิไล่ป้า-พุจือ-จะแก-เซซาโว่ และอีกเส้นทาง คือ ทิคอง-ทินวย-แม่น้ำโจน-ซ่งไท้-ดงวี่-เซซาโว่ นอกจากที่กล่าวมา ก็ยังมีอีกหลายเส้นทางด้วยกัน เช่น คลิตี้ล่าง บ้านปิล็อกคลี่ ลำคลองงู น้ำตกผาสวรรค์ล่าง-บน เหมืองเต่าดำ โป่งตะแบก กุยละว้า บ้านขนุนคลี่ สาละวะ กองม่องทะ แม่น้ำน้อย ฯลฯ เป็นต้น ส่วนพื้นที่ติดๆ กันอย่างจังหวัดสุพรรณบุรี และอุทัยธานี ก็มี ป่าสนสามใบของอุทยานแห่งชาติพุเตย เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง และหมู่บ้านตะเพินคี่ ซึ่งล้วนมีความงดงามตามธรรมชาติแทบทั้งสิ้น
หลายเส้นทาง คุณคงเคยได้สัมผัสกับตนเอง อาจผ่านตาจากนิตยสาร หรือสื่อต่างๆ มาแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครฟันธงได้ว่า ที่ไหนโหดกว่ากัน เพราะทุกเส้นทางย่อมมีจุดเด่น รวมทั้งความสวยงามแตกต่างกันออกไป
ในโอกาสที่ 4 WHEELS ก้าวสู่ปีที่ 18 ทีมงานจึงเลือกเส้นทางที่คิดว่าไม่ไกลจากกรุงเทพ ฯ และเป็นที่นิยมจากนักท่องเที่ยวชาวกรุง นำมาเป็นของกำนัลแด่ผู้รักชีวิตอิสระ และต้องการความท้าทาย
ลองดู เผื่อฝนนี้จะได้ไปสัมผัสกัน
ตะเพินคี่
"ตะเพินคี่" เป็นภาษากะเหรี่ยง มีความหมายว่า "ต้นน้ำ หรือต้นกำเนิดของสายน้ำ" ที่นี่มีหมู่บ้านของชาวกะเหรี่ยงด้ายเหลือง ที่อาศัยมากว่า 200 ปี อยู่บริเวณพื้นที่บนภูเขาสูง
เป็นแนวเขาที่ติดต่อกับเทือกเขาตะนาวศรี ตั้งอยู่ในเขตอำเภอด่านช้าง บนรอยต่อพื้นที่ 3 อำเภอ ของ 3 จังหวัด ประกอบด้วย อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี อำเภอบ้านไร่
จังหวัดอุทัยธานี และอำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี
ผืนป่า และต้นน้ำตะเพินคี่ ยังคงสภาพสมบูรณ์ เนื่องจากอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติพุเตย และติดกับแนวกันชนของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ที่ได้รับการจดทะเบียนเป็น
มรดกโลกจากองค์การยูเนสโก ซึ่งเป็นผืนป่าอนุรักษ์ต่อเนื่องกับพื้นที่ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร มีพื้นที่รวมกันกว่า 4 ล้านไร่ ทำให้เป็นผืนป่าอนุรักษ์ที่มีขนาดใหญ่
ที่สุดในประเทศไทย และในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เส้นทางเริ่มจากอำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ถึงบ้านกล้วยป่าผาก ซึ่งเป็นปากทางเข้า ระยะทางประมาณ 120 กม. จากจุดนี้ถึงโรงเรียนตะเพินคี่อีกประมาณ 13 กม.
จะเป็นถนนลูกรังเลี้ยวลดขึ้นไปตามไหล่เขา หากมีฝนเมื่อไรก็จะแปรสภาพเป็นดินหนังหมู เส้นทางถึงโรงเรียนยังไม่ถือว่าสาหัส แต่หากลงไปที่หน่วยพิทักษ์ป่าตะเพินคี่ด้านใน
ซึ่งมีระยะทางประมาณ 5 กม. ขากลับเป็นทางชันขึ้นเขาตลอด สภาพดินมีทั้งหนังหมู และมันปู คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณมากนักสำหรับผู้ที่เคยเจอมา แม้จะเดินขึ้นอย่างเดียวยังเหนื่อยเลย ไม่ต้องพูดถึงตอนลากวินช์ว่าจะสาหัสขนาดไหน รับรองว่าได้เหงื่อแน่นอน
ผาสวรรค์
หากใครชอบเล่นโคลน ก็ต้องสถานที่แห่งนี่ "น้ำตกผาสวรรค์" ในนิยามของทะเลโคลน ซึ่งเป็นน้ำตกที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ทางเข้าน้ำตกมีอยู่หลายเส้นทาง
ถ้าจะให้ถึงใจพระเดชพระคุณก็ต้องเข้าทางหมู่บ้านลิ้นถิ่น ซึ่งเป็นดินป่าไผ่ และปลักโคลนตลอดเส้นทาง แต่ถ้าจะให้สะดวกหน่อยก็เข้าทางหมู่บ้านสหกรณ์นิคม ที่อยู่ห่างจากตัวเมืองกาญจน์ ประมาณ 150 กม. ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 323 มุ่งหน้าสู่อำเภอทองผาภูมิ
ทางเข้าไปยังตัวน้ำตกนั้น เป็นถนนลูกรังประมาณ 13 กม. หากแต่ว่าเป็นช่วงฤดูร้อนรถขับเคลื่อน 2 ล้อ ก็สามารถไปได้ แต่ความสวยงามก็จะลดน้อยลงตามปริมาณน้ำ แต่ถ้าอยากจะชมความงดงามอย่างเต็มที่ของตัวน้ำตกแล้วละก็ คงต้องเป็นช่วงฤดูฝน แต่คงต้องใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อที่ได้รับการปรับแต่งมาพอสมควร หรืออาจเดินเท้า ซึ่งสภาพเส้นทางส่วนใหญ่ จะเป็นดินมันปู และดินป่าไผ่ และจะกลายสภาพเป็นปลักโคลนทันทีเมื่อฤดูฝนมาเยือน
คลิตี้
หากยังไม่สะใจกับทะเลโคลนของน้ำตกผาสวรรค์ ก็ต้องไปที่นี่เลยครับ "น้ำตกคลิตี้" เส้นทางสู่ตัวน้ำตกมีอยู่ 2 เส้นทาง ทางแรกแยกขวามือก่อนถึงหมู่บ้าน มีระยะทางประมาณ 7 กม.
ส่วนอีกทางจะวิ่งผ่านหมู่บ้าน ระยะทางประมาณ 4 กม. ตลอดทางจะต้องเจอกับทะเลโคลน และปลักเลน ที่ทั้งลึกและเหนียว พร้อมจะทำลายลูกปืนล้อและเฟืองได้ทุกขณะ รวมถึง
ป่าไผ่ที่จะสร้างรอยแผลให้กับสีรถคุณ ทั้ง 2 เส้นทาง จึงเป็นที่กล่าวขวัญของนักเดินทาง เพราะหลายคนเคยเอารถราคาแพงมาสิ้นชื่อที่นี่มานักต่อนักแล้ว
การเดินทางเข้าทางหมู่บ้านสหกรณ์นิคม ใช้เส้นทางเดียวกับไปน้ำตกผาสวรรค์ ผ่านหมู่บ้านห้วยเสือเจอสามแยก ซึ่งหากเลี้ยวขวาก็จะเป็นเส้นทางที่ไปน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น เลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปบ้านทุ่งเสือโทน ขับรถไปอีกสักระยะก็จะเห็นป้ายบอกทางสู่ทุ่งใหญ่นเรศวรอยู่ด้านซ้ายมือ ให้ขับตรงไปอีกสักอึดใจก็จะเห็นช่องทางเข้าไปในป่าไผ่ทางด้านขวามือ ซึ่งมีอยู่หลายไลน์ ให้เลือกเอาตามใจชอบ
ทุ่งใหญ่นเรศวร
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี บนพื้นที่กว่า 2,000,000 ไร่ ที่ทอดตัวอยู่ระหว่างรอยต่อของเทือกเขาถนนธงชัยตอนปลาย และเทือกเขา
ตะนาวศรีตอนต้น ที่ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าน้อยใหญ่จำนวนมาก ผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ผืนนี้ ยังคงมีมนต์เสนห์ยั่วยวนใจนักเดินทาง
ด้วยสภาพของทุ่งใหญ่ ฯ ที่เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ด้วยความหลากหลายของป่าในทุ่งใหญ่ ฯ เช่นนี้ จึงเป็นแหล่งอาหารอันอุดมสมบูรณ์ของสัตว์นานาชนิดได้อาศัย สำหรับผู้ที่มีความ
ประสงค์จะเดินทางไปเยือนทุ่งใหญ่ ฯ ต้องขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้ หรือขอหนังสือรับรองจากกรมป่าไม้ เพื่อนำไปยืนยันถึงวัตถุประสงค์ในการเดินทาง ส่วนเส้นทางเข้ามีอยู่ 2 เส้นทาง คือ เข้าทางด่านสะเน่พ่อง-เกาะสะเดิ่ง-ทิไล่ป้า-พุจือ-จะแก-แม่กะสะ-เซซาโว่ และอีกเส้นทาง คือ ด่านทิคอง-ทินวย-แม่น้ำโจน-ซ่งไท้-ดงวี่-เซซาโว่
เส้นทางทุ่งใหญ่ ฯ จะใช้เส้นทางเดียวกับของเจ้าหน้าที่ ฯ ที่ใช้ในการขนส่งเสบียง เป็นดินลูกรัง สลับหินลอย หากเข้าทางด่านสะเน่พ่องก็จะต้องข้ามลำห้วยก่อนถึงด่านเกาะสะเดิ่ง
เกือบ 20 ลำห้วย มีความสวยงาม และอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอย่างแท้จริง แต่ถ้าหากมีสายฝนมาเยือน เส้นทางก็จะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที เส้นทางที่ว่าง่ายๆ ก็
ยังสามารถเรียกเหงื่อท่วมตัวได้เหมือนกัน
เส้นทางในทุ่งใหญ่ ฯ นั้น ดูเหมือนไม่สาหัสนัก แต่ด้วยระยะทางในป่าที่มีความยาวเป็น 100 กม. ห้ามประมาทเด็ดขาด หากเผลอเพียงนิดเดียว รับรองว่าได้กินข้าว
ลิงแน่นอน ยิ่งโดยเฉพาะเนินเทวดา หากมีฝนเมื่อไหร่ ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เหมือนที่หลายๆ คน มักเรียกสถานที่นี้ว่า "สุสานออฟโรด"
ปิเต็ง
ปิเต็ง เจ้าของฉายา เสือซ่อนเล็บ ในบรรดาผู้ใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อ น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักชื่อนี้ หลายคนที่เคยได้สัมผัสถึงกับเลิกเที่ยว เลิกเล่นรถ แต่ยังมีจำนวนอีกไม่น้อย
ที่หลงใหลกับเส้นทางหฤโหดสายนี้ พร้อมที่จะกลับมาเยี่ยมเยือนทุกครั้งเมื่อมีโอกาส แม้รู้ว่าพังแน่นอน
ปิเต็ง ในอดีตมีการทำเหมืองแร่ดีบุกและวุลแฟรม แถบนี้ยังมีเหมืองใหญ่ๆ ที่มีชื่อเสียงอยู่หลายเหมือง เมื่อเหมืองปิดตัวลง เส้นทางที่เคยใช้เป็นทางลำเลียงแร่ก็ปล่อยร้าง
ร่องที่ถูกน้ำกัดเซาะทุกปี นานวันเข้าเกิดเป็นร่องวีขนาดใหญ่ และกลายเป็นเอกลักษณ์ของเส้นทางนี้ไปในที่สุด การเข้าสู่ปิเต็ง สิ่งที่ต้องเจอ คือ ร่องวีขนาดใหญ่ เส้นทาง
บังคับให้รถต้องพิงผนังที่เต็มไปด้วยหินลูกรัง ทั้งซ้ายและขวาสลับกันไป เหมือนเอารถใส่กล่องแล้วเขย่าให้รถกระแทกด้านข้างสลับซ้าย/ขวาไปตลอดทาง
เส้นทางนี้ ได้ถูกยกขึ้นหิ้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ความหฤโหดมีมากน้อยขนาดไหนก็ลองจินตนาการดูกันเอาเองว่าระยะทางประมาณ 6 กม. หากเป็นช่วงฤดูฝน ต้องใช้เวลาเดินทางอย่างน้อย 2 วัน ส่วนขากลับก็คูณ 2 เข้าไป ในกรณีที่รถไม่พัง หากรถพังเมื่อไหร่ ก็คงต้องนอนรอให้เด็กกะเหรี่ยงแบกอะไหล่เข้ามาให้ จะใช้เวลาอีกซักกี่วันก็สุดแล้วแต่ว่าจะซ่อมเสร็จตอนไหน
ABOUT THE AUTHOR
ก
กองบรรณาธิการบทความและสารคดี 4wheels@autoinfo.co.th
นิตยสาร 4wheels ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2552
คอลัมน์ Online : พิเศษ