รถใหม่
สิงห์เผ่นเจเนอเรชันใหม่แกะกล่อง
เปอโฌต์ (PEUGEOT) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 2 ของเมืองน้ำหอม นับเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายเก่าแก่ มีประวัติความเป็นมาย้อนหลังไปได้ไกลกว่า 1 ศตวรรษ ผู้ผลิตรถยนต์เจ้าของเครื่องหมายการค้า "สิงห์เผ่น" รายนี้ เริ่มการผลิตรถยนต์เป็นครั้งแรกเมื่อปี 1889 เป็นรถ 3 ล้อขับเคลื่อนด้วยพลังจากเครื่องจักรไอน้ำ ออกแบบโดยวิศวกรชาวฝรั่งเศสเจ้าของนาม ลีอง แชร์โปลเลต์ (LEON SERPOLLET)
ปัจจุบัน ผู้ผลิตรถยนต์รายนี้ มีสินค้ารถยนต์ให้เลือกใช้อย่างหลากหลาย ตั้งแต่รถยนต์นั่งขนาดมีนีอย่าง เปอโฌต์ 107 (PEUGEOT 107) ไปจนถึง MPV หรือ รถอเนกประสงค์ อย่าง เปอโฌต์ 807 (PEUGEOT 807) และ SUV หรือ รถกิจกรรมกลางแจ้ง อย่าง เปอโฌต์ 4007 (PEUGEOT 4007)
เช่นเดียวกับค่าย "ดาวสามแฉก" และค่าย "ใบพัดเครื่องบินสีฟ้าขาว" ของเยอรมนี ค่าย "สิงห์เผ่น" ใช้ระบบตั้งชื่อรุ่นของรถด้วย "เลข 3 ตัว" แต่ "เลข 3 ตัว" ของค่าย "สิงห์เผ่น" มีความหมายแตกต่างไปจาก 2 ค่ายแรก กล่าวคือ "เลข 3 ตัว" ของ เปอโฌต์ จะอยู่ในรูปฟอร์มของ X0Y โดยที่ X เป็นตัวเลขที่บ่งบอกขนาดของรถ (ตัวเลขสูงกว่าแสดงว่าขนาดตัวถังใหญ่กว่า) และ Y เป็นตัวเลขที่บ่งบอกความเก่าความใหม่ของรถ (ตัวเลขสูงกว่าแสดงว่าเป็นรถรุ่นใหม่กว่า)
ดังนั้น เมื่อเปรียบเทียบระหว่างรถ เปอโฌต์ 407 (PEUGEOT 407) กับ เปอโฌต์ 206 (PEUGEOT 206) ก็จะทราบได้ทันทีว่า คันแรกเป็นรถที่มีขนาดโตกว่า และเป็นรถรุ่นใหม่กว่าคันหลัง มีข้อยกเว้นอยู่บ้างก็ในบางกรณี ตัวอย่างเช่น เปอโฌต์ 309 (PEUGEOT 309) เป็นรถที่ออกจำหน่ายก่อนรถ เปอโฌต์ 306 (PEUGEOT 306) ค่าย "สิงห์เผ่น" เริ่มใช้ระบบนี้เมื่อปี 1929 กับรถ เปอโฌต์ 201 (PEUGEOT 201)
เปอโฌต์ จดทะเบียนสิทธิบัตรรหัสโมเดลไว้ทั้งหมด ตั้งแต่ 101 จนถึง 909 เล่าขาน และยืนยันกันว่า เมื่อปี 1963 ยอดผู้ผลิตรถสปอร์ทของเมืองเบียร์อยากจะตั้งชื่อรถรุ่นใหม่ของตนว่า โพร์เช 901 (PORSCHE 901) แต่ก็ทำไม่ได้เพราะสิทธิบัตรที่ว่านี้ ที่สุดก็ต้องจำใจเปลี่ยนเป็น โพร์เช 911 (PORSCHE 911)
นอกจากระบบ "เลข 3 ตัว" ดังกล่าวแล้ว เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เอง ค่าย "สิงห์เผ่น" ก็เริ่มนำระบบใหม่ คือระบบ "เลข 4 ตัว" มาใช้ โดยเริ่มทดลองใช้เป็นครั้งแรกกับรถแนวคิด เปอโฌต์ 4002 (PEUGEOT 4002) หลังจากนั้นจึงใช้อย่างจริงๆ จังๆ กับรถตลาด 2 อนุกรม คือ รถอเนกประสงค์ขนาดมีนี เปอโฌต์ 1007 (PEUGEOT 1007) กับรถกิจกรรมกลางแจ้งแบบแรกในประวัติศาสตร์ เปอโฌต์ 4007 (PEUGEOT 4007)
แล้ว เปอโฌต์ 308 (PEUGEOT 308) ที่เห็นอยู่นี้ล่ะ มีความหมายอย่างไร ? ตอบได้อย่างสั้นๆ ว่า เป็นรถอนุกรมใหม่ล่าสุดของค่าย "สิงห์เผ่น" และเป็นรถตลาดแบบแรกของค่ายนี้ที่มีชื่อรุ่นลงท้ายด้วยเลข 8 หรือเป็นรถ "เจเนอเรชันที่ 8" แบบแรกนั่นเอง
รถติดตรา "สิงห์เผ่น" อนุกรมนี้ เป็นรถยนต์นั่งอย่างที่เรียกกันในภาษาฝรั่งว่า "SMALL FAMILY CAR" หรือ "COMPACT CAR" มีตัวถังให้เลือกใช้รวม 3 แบบ คือ ตัวถัง 3 ประตูแฮทช์แบค ตัวถัง 5 ประตูแฮทช์แบค และตัวถัง 5 ประตูตรวจการณ์
ตัวถัง 3 และ 5 ประตูแฮทช์แบค ซึ่งมีขนาดโตเท่ากันในทุกมิติ คือ ยาว 4.276 ม. เท่ากัน กว้าง 1.815 ม. เท่ากัน และสูง 1.498 ม. เท่ากัน ปรากฏตัวอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกที่กรุงปารีสเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2007 และเริ่มจำหน่ายในฝรั่งเศสกับอีกหลายประเทศในยุโรปเมื่อวันที่ 20 กันยายน ปีเดียวกัน ส่วนตัวถัง 5 ประตูตรวจการณ์ ซึ่งมีชื่อโดยเฉพาะว่า เปอโฌต์ 308 เอสดับเบิลยู (PEUGEOT 308 SW) และมีขนาดตัวถังยาว 4.500 ม. กว้าง 1.815 ม. และสูง 1.555 ม. เพิ่งปรากฏตัวต่อที่งานมหกรรมยานยนต์เจนีวาครั้งที่ 78 เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้เอง
เป็นรถที่ค่าย "สิงห์เผ่น" บรรจุเข้าสู่สายการผลิตแทนที่รถรุ่นเดิม คือ เปอโฌต์ 307 (PEUGEOT 307) และ เปอโฌต์ 307 เอสดับเบิลยู (PEUGEOT 307 SW) ซึ่งนับได้ว่าเป็นรถติดตรา "สิงห์เผ่น" ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เพราะสามารถขายในตลาดทั่วโลกได้มากกว่า 3 ล้านคัน
การออกแบบ และพัฒนารถอนุกรมใหม่นี้ เปอโฌต์ บอกว่า ใช้ความพยายามอย่างมาก และทุ่มเทอย่างเต็มกำลังในด้านการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และลดไอพิษ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็เป็นดังที่หวัง คือสามารถลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง และปริมาณแกสคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึงร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับรถรุ่นก่อน คือ เปอโฌต์ 307
ทั้งตัวถังแฮทช์แบค และตัวถังตรวจการณ์ มีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้อย่างจุใจถึง 7 ขนาด มีทั้งเครื่องเบนซิน และเครื่องดีเซล
เครื่องเบนซินซึ่งมีอยู่ 4 ขนาด ประกอบด้วยเครื่อง DOHC 4 สูบเรียง 1,397 ซีซี 95 แรงม้า เครื่อง DOHC 4 สูบเรียง 1,598 ซีซี 120 แรงม้า เครื่อง DOHC 4 สูบเรียง 1,598 ซีซี 140/150 แรงม้า และเครื่อง DOHC 4 สูบเรียง 1,598 ซีซี 175 แรงม้า ทั้งหมดเป็นเครื่องยนต์ที่ เปอโฌต์ ร่วมกันพัฒนากับ บีเอมดับเบิลยู
ส่วนเครื่องดีเซลซึ่งมีอยู่ 3 ขนาด ประกอบด้วยเครื่องเทอร์โบฉีดตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,560 ซีซี 90 แรงม้า เครื่องเทอร์โบฉีดตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,560 ซีซี 110 แรงม้า และเครื่องเทอร์โบฉีดตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,997 ซีซี 136 แรงม้า
ระบบเกียร์ก็มีให้เลือกใช้อย่างจุใจถึง 5 แบบ คือ เกียร์ธรรมดา 5 หรือ 6 จังหวะ กับเกียร์อัตโนมัติ 4 หรือ 5 หรือ 6 จังหวะ
สนนราคาค่าตัวที่ซื้อขายกันในเมืองน้ำหอม ตัวถังแฮทช์แบค อยู่ระหว่าง 16,850-29,750 ยูโร หรือเท่ากับประมาณ 0.84-1.49 ล้านบาทไทย ส่วนตัวถังตรวจการณ์แพงกว่ากันนิดหน่อย คือ อยู่ระหว่าง 18,050-30,850 ยูโร หรือเท่ากับประมาณ 0.90-1.54 ล้านบาทไทย
เรื่องโดย : ชูศักดิ์ ชมจินดา chusak@autoinfo.co.th
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2551
คอลัมน์ Online : รถใหม่
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/26813