ค่าย เมร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมจะเปิดตัว เมร์เซเดส-เบนซ์ อาร์-คลาสส์ (MERCEDES-BENZ R-CLASS) รถเอมพีวีสำหรับครอบครัวรุ่นล่าสุดใ นรูปแบบที่ถึงพร้อมด้วยคุณสมบัติเด่นๆ ของรถเอสยูวี มีนีแวน และสเตชัน แวกอน ภายในจุผู้โดยสารได้ถึง 6 คน โดยแบ่งที่นั่งออกเป็น 3 แถว แต่ละแถวรับผู้โดยสารได้ 2 คน

ค่าย เมร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมจะเปิดตัว เมร์เซเดส-เบนซ์ อาร์-คลาสส์ (MERCEDES-BENZ R-CLASS) รถเอมพีวีสำหรับครอบครัวรุ่นล่าสุดใ นรูปแบบที่ถึงพร้อมด้วยคุณสมบัติเด่นๆ ของรถเอสยูวี มีนีแวน และสเตชัน แวกอน ภายในจุผู้โดยสารได้ถึง 6 คน โดยแบ่งที่นั่งออกเป็น 3 แถว แต่ละแถวรับผู้โดยสารได้ 2 คน อาร์-คลาสส์ จะถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกในสหรัฐ ฯ ประมาณปลายปีนี้อย่างแน่นอน โดยมีรูปทรงไม่ต่างจากรถแนวคิด วิชัน จีเอสที (VISION GST หรือ GRAND SPORT TOURER) ที่ได้เปิดตัวในงานมหกรรมยานยนต์อเมริกาเหนือ เมื่อปี 2002 (รถแนวคิดใช้ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว และเครื่องยนต์เบนซิน วี 8 สูบ ของเอเอมจี ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 360 แรงม้า อย่างไรก็ตามข่าววงในคาดว่า อาร์-คลาสส์ จะมีเครื่องยนต์มาสนองความต้องการได้อย่างช้าในปี 2007) อาร์-คลาสส์ จะถูกแบ่งออกเป็น 2 รุ่นตามความจุของเครื่องยนต์ โดยแบ่งออกเป็นรุ่น อาร์ 350 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน วี 6 สูบ 3.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 268 แรงม้า ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวกับที่อยู่ในฝากระโปรงของ เอสแอลเค และเอม-คลาสส์ ส่วนอีกรุ่นหนึ่ง คือ อาร์ 500 ใช้ขุมพลังเบนซิน วี 8 สูบ 3 วาล์ว/สูบ ความจุ 5.0 ลิตร ให้พลังสูงสุด 302 แรงม้า ส่วนระบบถ่ายทอดกำลังที่ใช้กับทั้งสองรุ่นนี้เป็นนวัตกรรมใหม่ของค่าย คือ เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ที่สามารถถ่ายทอดพลังจากเครื่องยนต์ทั้ง 2 รุ่นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แม้ทั้ง 2 รุ่นจะมีพิกัดน้ำหนักค่อนข้างมาก คือ อาร์ 350 หนัก 4,750 ปอนด์ และรุ่น อาร์ 500 หนัก 4,850 ปอนด์ แต่เครื่องยนต์ที่อยู่ในฝากระโปรงของ อาร์ 500 ให้แรงบิดมากถึง 46.8 กก.-ม. ขณะที่เครื่องยนต์ของ อาร์ 350 ให้แรงบิด 34.5 กก.-ม. ถ่ายทอดลงพื้นด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ฟูลล์ไทม์ ทำให้ อาร์ 350 ทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ได้ 7.8 วินาที และอาร์ 500 สามารถทำได้ 6.5 วินาที สำหรับความเร็วสูงสุดของทั้ง 2 รุ่นถูกลอคอยู่ที่ 208 กม./ชม. สัดส่วนของ อาร์-คลาสส์ มีความยาวถึง 203 นิ้ว จัดว่าใหญ่ที่สุดในกลุ่มเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น แคดิลแลค เอสอาร์เอกซ์ ที่สั้นกว่า 8 นิ้ว และแคดิลแลค เอสกาเลด ที่สั้นกว่า 4 นิ้ว แต่ อาร์-คลาสส์ กลับมีพิกัดน้ำหนักที่ใกล้เคียงกับทั้ง 2 รุ่น ระบบขับเคลื่อน ไม่ได้ออกแบบสำหรับการใช้งานในเส้นทางวิบาก แต่เป็นการเน้นการยึดเกาะที่ดีที่สุด ด้วยเฟืองขับ 3 ชุดคือ ชุดหน้า หลัง และเซนเตอร์ ในสภาวะปกติแรงบิดจะถูกแบ่งจ่ายสู่ล้อหน้าและหลัง ในสัดส่วน 50:50 แต่เมื่อมีอาการลื่นไถล พลังขับเคลื่อนจะถูกจ่ายไปสู่ล้อที่ยังสามารถยึดเกาะได้ ซึ่งเป็นการทำงานประสานกันของระบบอีเลคทรอนิค ทแรคชัน คอนทโรล (ELECTRONIC TRACTION CONTROL), สตาบิลิที คอนทโรล (STABILITY CONTROL), เบรค แอสซิสต์ (BRAKE ASSIST) และระบบเบรคจาน 4 ล้อพร้อมระบบเอบีเอส จึงทำให้ผู้โดยสารทุกคนมั่นใจในความปลอดภัยของ อาร์-คลาสส์ ได้อย่างเต็มที่ อาร์-คลาสส์ ได้ติดตั้งระบบรองรับอิสระสี่ล้อ พร้อมคอนทโรลอาร์มในล้อหน้า และเหล็กยึด 4 จุดในล้อหลัง นอกจากนั้นระบบรองรับแบบถุงลม สามารถปรับการใช้งานได้ 3 ระดับ คือ ระดับปกติ สำหรับการใช้งานในความเร็วต่ำกว่า 123 กม./ชม. เมื่อความเร็วเกินกว่า 123 กม./ชม. จะลดระดับความสูงลง ? นิ้ว หากใช้งานในสภาพถนนขรุขระ หรือวิบาก ก็สามารถยกระดับความสูงเพื่อเพิ่มระยะห่างใต้ท้องขึ้น 3 นิ้ว ผ่านทางสวิทช์ควบคุมความสูงที่ติดตั้งอยู่บนหน้าปัด ส่วนระบบบังคับทิศทางต้องระบบฟันเฟืองและตัวหนอน ที่แม่นยำ และถ่ายทอดความรู้สึกได้ดี อาร์ 350 หรูหราลงตัวจากการบุภายในห้องโดยสารด้วยหนังแท้ ไม้เมเปิล หรือวอลนัท พร้อมกรอบอลูมิเนียม การจัดวางอุปกรณ์ภายใน และเกจวัดวางอยู่ในตำแหน่งพร้อมใช้งาน คันเกียร์เป็นรูปแบบเดียวกับที่ใช้ใน บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์ 7 โดยติดตั้งคันเกียร์ในตำแหน่งด้านขวาหลังพวงมาลัย ควบคุมการขับเคลื่อนโดยโยกขึ้นสำหรับถอยหลัง โยกลงสำหรับเดินหน้า กดปุ่มที่ปลายก้านบังคับสำหรับการจอด ส่วนปุ่มเปลี่ยนเกียร์แบบแมนวล อยู่ที่หลังพวงมาลัย เบาะนั่งในด้านหน้ากว้างขวางสะดวกสบาย ที่นั่งแถวที่ 2 เป็นที่นั่งแยกระดับเฟิร์สต์คลาสส์ ที่สามารถปรับหมุนได้เพื่อความสะดวกสำหรับการผ่านไปยังที่นั่งแถวที่ 3 ซึ่งเป็นที่นั่งแบบ บิสซิเนสส์คลาสส์ ที่ให้ความสบายเกินพอสำหรับผู้ที่มีความสูงไม่เกิน 6 ฟุต ถัดไปด้านหลังเป็นช่องเก็บสัมภาระที่มีเนื้อที่ถึง 9.4 ลูกบาศก์ฟุต ภายในห้องโดยสารมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเกินพอ เช่น มีที่วางแก้วน้ำ ถึง 8 ที่ และมีช่องเก็บของในแผงประตูอีก 4 ที่ พร้อมกับ BOTTLE HOLDER อีกเบาะละ 2 ที่ นอกจากนั้นยังมีออพชัน สำหรับระบบความบันเทิงแยกเฉพาะสำหรับผู้โดยสารในแถวที่ 2 สามารถแยกใช้งานได้โดยไม่เกี่ยวข้องกัน ระบบเครื่องเสียงมาตรฐาน ติดตั้งลำโพงถึง 8 ตัว หากต้องการความพิเศษที่เหนือกว่า ก็มีออพชันลำโพง 11 ตัวให้เลือก นอกจากนั้นยังมีระบบ IPOD และ MP3 เชื่อมต่อกับระบบสเตริโอ และสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศภายนอก สามารถเลือกติดตั้งซันรูฟ ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบธรรมดา และหลังคากระจกที่มีความยาวถึง 5 ฟุตครึ่ง โดยสามารถเลื่อนสไลด์ได้ถึงครึ่งบาน ซึ่งออพชันนี้ต้องจ่ายเงินเพิ่มราว 3 หมื่นบาทจากราคาซันรูฟปกติ เบาะนั่งแถวที่ 2 และแถวที่ 3 สามารถพับเก็บได้ ทำให้ด้านหลังมีพื้นที่สำหรับสัมภาระได้ถึง 4x8 ฟุต เพิ่มความจุห้องสัมภาระได้ถึง 85 ลูกบาศก์ฟุต ส่วนระบบความปลอดภัยภายในได้ติดตั้งถุงลมนิรภัยแบบม่านควบคุมด้วยระบบอีเลคทรอนิคส์ กินเนื้อที่ไปถึงเบาะแถวที่ 3 สำหรับ อาร์ 350 ในรุ่นมาตรฐาน จะติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานให้อย่างเพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นล้ออัลลอย 7 ก้านขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางขนาด P235/65 R17 และสำหรับรุ่น อาร์ 500 ติดตั้งล้ออัลลอย 5 ก้าน ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง P255/55 R18 พร้อมเบรคจานที่มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย ภายในติดตั้งซีดี เชนเจอร์ 6 แผ่น และ TELEAID หรือระบบติดต่อเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น นอกจากนั้นยังมีชุดเอนเตอร์เทนเมนท์ สำหรับผู้โดยสารแถวที่ 2 ระบบผ่อนแรงเปิด/ปิดประตูหลัง วิทยุผ่านดาวเทียม ระบบนำทาง DVD ระบบเตือนเข้าจอด ไฟหน้าซีนอน ชุดเครื่องเสียงของ HARMAN/KARDON และระบบรองรับถุงลมที่กล่าวไปแล้ว และสำหรับผู้ที่ต้องการสมรรถนะที่เหนือกว่า จะมีชุดแต่งของ AMG ด้วยล้ออัลลอย พร้อมยางขนาด 20 นิ้ว และชุดกันชนหน้า/หลัง ส่วน อาร์-คลาสส์ ที่จะคลอดออกจากสำนักแต่ง AMG ทั้งคัน คาดว่าจะวางตลาดได้ประมาณปี 2007 พร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน วี 8 สูบ ความจุ 6.3 ลิตร