ทั่วไป
ระเบิดศึกทางฝุ่น บนดินแดนจังโก
ศึกแรลลีโลก สนามที่ 3 จัดขึ้นที่ประเทศเมกซิโก ในทวีปอเมริกาเหนือ ทางคณะผู้จัดได้เก็บสั่งสมประสบการณ์ของสนามในปีที่ผ่านมา เพื่อนำข้อมูลและรายละเอียดมาใช้ในการจัดการแข่งขันในปีนี้ เส้นทางการแข่งขันแรลลีครั้งนี้ ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยหลุมบ่อ และผ่านทางที่เป็นภูเขาสูงบางช่วง ผ่านที่ราบรอบๆ ภูเขากูอานาฮูอาโต (GUANAJUATO) ในเมืองเลอน (LEON) สนามแห่งนี้จะมีความกระชับ รัดกุม และน่าตื่นเต้นมากกว่า เมื่อเทียบกับปีก่อน
เส้นทางการแข่งขัน ภูมิประเทศของเมกซิโกจะมีพื้นที่หลากหลาย นอกจากจะมีสภาพทั้งปีนป่ายขึ้นยอดเขาที่สูงชันแล้ว ยังมีการไต่ลงสู่ทางราบด้านล่าง และผ่านหุบเหวในบางช่วง แล้วย้อนกลับไปอีกฝั่งของภูเขา พื้นผิวถนนจะเป็นเส้นทางลูกรังแห้งๆ แถมมีก้อนกรวดเล็กใหญ่สลับเป็นบางช่วง นักแข่งต้องมีฝีมือ และอาศัยความระมัดระวังในการขับผ่านเส้นทางนั้นๆ เป็นอย่างมาก
เมืองเลอน ที่ใช้เป็นสนามแข่งแรลลีในครั้งนี้ เป็นเมืองใหญ่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองหลวง ระยะทางประมาณ 400 กม. เป็นเมืองที่มีความทันสมัยมาก พรั่งพร้อมทั้งด้านสาธารณูปโภค และอุปโภค และมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยว
สำหรับผลการแข่งขันของสนามนี้ สีสันความมันเริ่มเกิดในช่วง เอสเอส 2 ระยะทางการแข่งขัน 29.06 กม. จาก โอร์เตกา (ORTEGA) ไปยัง ลา เอสเปรันซา (LA ESPERANZA) ในวันศุกร์ช่วงเช้า ด้วยเส้นทางที่ผู้ชมสามารถมองจากทางด้านบนลงสู่ด้านล่างในมุมมอง "เบิร์ด อายส์ วิว"...นักแข่งขันจะขับรถวิ่งไปบนทางคู่ขนานตรงเข้าไปในเมืองแล้วขับขึ้นเขาอ้อมไปอีกฝั่ง และจอดพักรอเวลาอยู่ทางด้านบนของภูเขา หลังจากนั้นรอเวลาในตอนบ่ายจึงค่อยขับลงมาเข้าสู่จุดฟินิช
ในวันเสาร์ปล่อยรถเข้าสู่ เอสเอส 8 ระยะทางการแข่งขัน 24.23 กม. จาก ดูอาร์เต โอตาเตส (DUARTE OTATES) เป็นเส้นทางที่ราบ หลังจากที่วิ่งผ่านเส้นทางบนภูเขามาเมื่อวานนี้ เส้นทางแรลลีที่วิ่งผ่านนั้นขับลักษณะเป็นวงแหวน หลังจากนั้นเข้าสู่เส้นทางลูกรังผ่านเข้า เอสเอส 12 มาสิ้นสุดที่ ซาน โฮเซ เด ปีโนส (SAN JOSE DE PINOS)
สำหรับวันสุดท้ายในวันอาทิตย์ของการแข่งขันแรลลีครั้งนี้นั้น เหลืออีกเพียง 2 สเตจเท่านั้น โดยเฉพาะสเตจสุดท้ายจาก อัลฟาโร (ALFARO) ไปยัง เอล เอสตาบโล (EL ESTABLO) ระยะทางประมาณ 46 กม. เป็นช่วงที่ยาวที่สุดในการแข่งขัน นักแข่งขันต้องเอาชนะกับความกดดันที่ได้รับเป็นอย่างมาก
ส่วนไฮไลท์ของงานแต่ละเอสเอสนั้น เราเจาะรายละเอียดมานำเสนอแล้ว เริ่มจากเอสเอส 1 เพทเทร์ โซลเบร์ก (PETTER SOLBERG) อดีตแชมพ์ปี 2003 ออกสตาร์ทโดยทำเวลาได้ดีที่สุดในสเตจแรกของเลกแรก ซีตรอง ของ เซบัสเตียง โลบ์ (SEBASTIEN LOEB) ทะยานตามหลังมาติดๆ เป็นอันดับ 2 ทิ้งห่างกันเพียง 2.2 วินาที เท่านั้น สำหรับ คริส แอทคินสัน (CHRIS ATKINSON) เด็กหนุ่มเพื่อนร่วมทีม ซูบารุ สามารถทำเวลามาเป็นอันดับที่ 3 ด้วยระยะทาง 22.56 กม. จาก อีบาริลญา (IBARILLA) ไปยัง เอล ซาอูโก (EL ZAUCO) เขาทำเวลาทิ้งห่างจาก โซลเบร์ก ถึง 5.5 วินาที เพราะมีฝนตกลงมาก่อนที่จะมีการแข่งขัน จึงทำให้ผิวของถนนไร้ซึ่งก้อนกรวดเล็กใหญ่ หลงเหลือไว้แต่เพียงผิวถนนยางมะตอยเท่านั้น ส่วนผู้ที่ขับตามติดมาเป็นที่ 4 คือ ฟรองซัวส์ ดือวาล (FRANCOIS DUVAL) ช้ากว่า แอทคินสัน ถึง 0.7 วินาที สำหรับอันดับที่ 5 และ 6 เป็นของทีม เปอโฌต์ ขับโดย มาร์คุส โกรนโฮล์ม (MARCUS GRONHOLM) และ สโกดา ที่ขับโดย จานี ปาโซเนน (JANI PAASONEN)
เอสเอส 3 มาร์คโค มาร์ทิน (MARKKO MARTIN) ในรถ เปอโฌต์ เป็นผู้ที่สามารถเข้าไปถึงรอบชนะเลิศได้ถึง 3 ครั้งใน 3 สเตจของสนามนี้ แต่ในขณะที่ ซูบารุ ของ โซลเบร์ก ยังคงรักษาผู้นำเป็นจ่าฝูง โดยนำหน้าทิ้งห่าง โกรนโฮล์ม ถึง 9.3 วินาที หลังจากที่เขาทำเวลาได้ดีที่สุดในอันดับที่ 3 ของสเตจนี้
มาร์ทิน ควบ เปอโฌต์ 307 ดับเบิลยูอาร์ซี จาก ซานตานา ไปยัง กูวีเลเต (CUVILETE) รวมระยะทาง 21.80 กม. ด้วยความเร็วที่สามารถทำให้เขานำหน้าทิ้งห่าง โกรนโฮล์ม ถึง 4.7 วินาที สำหรับหนุ่มน้อย โทนี การ์เดไมสเตอร์ (TONI GARDEMAISTER) สามารถทำเวลาได้ดีที่สุดเป็นที่ 2 ของสเตจนี้ ด้วยรถ ฟอร์ด ทำให้เขาสามารถไต่อันดับขึ้นมาจาก 11 มารั้งตำแหน่งที่ 9
เอสเอส 7 โลบ์ กลับมาผงาดอีกครั้ง เพื่อที่จะเป็นแชมพ์ของสนามที่เมกซิโก โดยขึ้นเป็นวินเนอร์ในสเตจแรกของเลกที่ 2 นี้ บนเส้นทางจาก เอล ซาอูโก ไปยัง เมซา (MESA) ระยะทาง 25.45 กม. ผู้นำยังคงเป็น โซลเบร์ก อยู่ ในขณะที่ โกรนโฮล์ม ตามมาเป็นที่ 2 ด้วยการทำเวลาได้เร็วที่สุด อันดับที่ 3 เป็นรถ ซีตรอง ของ โลบ์ สามารถทำเวลาได้เร็วกว่า ซูบารุ ของ โซลเบร์ก ถึง 2.4 วินาที และเปอโฌต์ ของ โกรนโฮล์ม ก็ทำเวลาช้ากว่าอันดับ 2 ถึง 0.7 วินาที แม้ว่าเมื่อวานนี้ โลบ์ จะมีปัญหากับเรื่องของแดมเพอร์ แต่วันนี้ โลบ์ สามารถขับได้ดีจนไล่บี้ โซลเบร์ก มาอย่างติดๆ
เอสเอส10 โซลเบร์ก กลับมาเร็วสุดอีกครั้ง เขาสร้างปรากฏการณ์ให้กับสนามเมกซิโก เมื่อเขาสามารถชนะในสเตจที่ 4 ของวันนี้ ในขณะที่ โลบ์ กลับทำเวลาเร็วสุดได้แค่อันดับ 2 เท่านั้น ส่วนอันดับ 3 เป็นของ โกรนโฮล์ม ทีม เปอโฌต์
ซูบารุ ของ โซลเบร์ก เร็วกว่า โลบ์ เพียงครึ่งวินาทีเท่านั้น แต่ดีกว่า โกรนโฮล์ม ที่ทำเวลามาเป็นที่ 2 โอเวอร์ออลล์ถึง 7.6 วินาที สเตจนี้ โลบ์ ตกลงไปเป็นที่ 8 แต่ก็ยังนำ สโกดา ของ อาร์มิน ชวาร์ซ (ARMIN SCHWARZ)
เอสเอส 11 โซลเบร์ก ยังคงรักษาอันดับได้ดีอยู่ แม้ว่าจะได้รับความกดดันอย่างหนักจาก โกรนโฮล์ม ที่ควบ เปอโฌต์ 307 ดับเบิลยูอาร์ซี ขับตามมาติดๆ แต่ โซลเบร์ก ยังคงทำความเร็วปกป้องตำแหน่งของตัวเองได้ดีอยู่ โดยที่ โกรนโฮล์ม ทำเวลาทิ้งห่างจาก โซลเบร์ก เพียงแค่ 25.7 วินาทีเท่านั้น จากสเตจนี้จะเหลืออีกเพียง 3 สเตจ ก็สิ้นสุดการแข่งขันแล้ว
เอสเอส 12 สเตจนี้เป็นของ โลบ์ แต่กลับเป็นวันของ โซลเบร์ก ความพยายามที่จะก้าวขึ้นเป็นแชมเพียนในสนามเมกซิโกแห่งนี้ให้ได้ ก็เข้าใกล้ความเป็นจริงสำหรับสเตจสุดท้ายนี้ ในเลกที่ 2 เมื่อ โลบ์ สามารถไต่อันดับขึ้นมาเป็นอันดับที่ 6 ได้ และเมื่อรวมคะแนนหลังสิ้นสุดการแข่งขัน ในวันรุ่งขึ้นเขาจะได้เป็นที่ 4 ส่วน โซลเบร์ก ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำขับแบบม้วนเดียวจบ และทำเวลาได้ดีเป็นอันดับที่ 2
โลบ์ สามารถทำเวลาได้เร็วกว่า โซลเบร์ก ถึง 8.5 วินาที บนเส้นทางจาก เดร์เรเมเดโร (DERREMEDERO) ไปยัง ชีชีเมกูอิลญาส (CHICHIMEQUILLAS) ระยะทาง 23.56 กม.
เอสเอส 14 แชมพ์เป็นของ โซลเบร์ก แม้ว่า โลบ์ จะพยายามควบรถ ซีตรอง ทำเวลาให้ดีที่สุด แต่เขาก็ทำได้แค่เพียงขยับจากอันดับที่ 6 มาเป็นอันดับที่ 4 ชัยชนะของ เมกซิโก แรลลี สนามนี้ตกเป็นของ โซลเบร์ก
หลังสิ้นสุดการแข่งขัน อันดับ 1 เป็นของ เพทเทร์ โซลเบร์ก แห่งทีม ซูบารุ ตามติดมาด้วย มาร์คโค มาร์ทิน ทีม เปอโฌต์ และโทนี การ์เดไมสเตอร์ ทีม ฟอร์ด ส่วน เซบัสเตียง โลบ์ ทีม ซีตรอง พยายามเต็มที่แต่ทำได้แค่อันดับ 4 เท่านั้น ส่วนอันดับที่ 5 เป็นของ มาร์คุส โกรนโฮล์ม ทีม เปอโฌต์
สรุปผลคะแนนการแข่งขัน สนาม 1-3 ประเภทผู้ขับ
อันดับ ผู้ขับ คะแนนรวม
ชนะเลิศ เพทเทร์ โซลเบร์ก 26
รองอันดับ 1 เซบัสเตียง โลบ์ 25
รองอันดับ 2 มาร์คโค มาร์ทิน 23
สรุปผลคะแนนการแข่งขัน สนาม 1-3 ประเภททีมผู้ผลิต
อันดับ ทีม คะแนนรวม
ชนะเลิศ เปอโฌต์ 43
รองอันดับ 1 ซีตรอง 31
รองอันดับ 2 ซูบารุ 28
เรื่องโดย : วิโชค ควรรักษ์เจริญ
นิตยสาร 4wheels ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2548
คอลัมน์ Online : ทั่วไป
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/13141