ทั่วไป
เปิดตัวไปแล้ว สำหรับรถไฮบริด พลังสะอาด รุ่นอาร์เอกซ์ (แฮร์ริเออร์) ในสายพันธุ์ของ เลกซัส ในอเมริกาเหนือ อัตราเร่งของรุ่นนี้เหนือกว่ารุ่นพื้นฐาน และ วี 6 แถมยังมีอัตราการประหยัดเชื้อเพลิงที่สูสีกับรถคอมแพคท์ซีดาน แล้วระบบไฮบริดซึ่งเป็นไม้เด็ดของ โตโยตา ก็ทำให้เราได้เห็นขอบฟ้าใหม่ของรถเอสยูวี !
เปิดตัวไปแล้ว สำหรับรถไฮบริด พลังสะอาด รุ่นอาร์เอกซ์ (แฮร์ริเออร์) ในสายพันธุ์ของ เลกซัส ในอเมริกาเหนือ อัตราเร่งของรุ่นนี้เหนือกว่ารุ่นพื้นฐาน และ วี 6 แถมยังมีอัตราการประหยัดเชื้อเพลิงที่สูสีกับรถคอมแพคท์ซีดาน แล้วระบบไฮบริดซึ่งเป็นไม้เด็ดของ โตโยตา ก็ทำให้เราได้เห็นขอบฟ้าใหม่ของรถเอสยูวี !
ยอดจองทะลุหมื่นคัน !
รถ "ไฮบริด" เสน่ห์แรง
รถไฮบริด ได้รับการเสริมเข้าไปเป็นรุ่นแรกในสายการผลิตของ เลกซัส ซึ่งเป็นยี่ห้อรถระดับพรีเมียมของ โตโยตา ในอเมริกาเหนือ โดยรถที่วางระบบไฮบริดครั้งแรกคือ อาร์เอกซ์ (ในญี่ปุ่นใช้ชื่อว่า แฮร์ริเออร์) เป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดของ เลกซัส และได้รับการตั้งชื่อว่า "อาร์เอกซ์ 400 เอช"
อักษร "เอช" ที่พ่วงท้ายชื่อรุ่น เป็นเครื่องยืนยันถึงระบบไฮบริด ส่วนความหมายที่ซ่อนอยู่ของตัวเลข "400" นั้น หมายถึง 330 (3.3 ลิตร) ของเครื่องยนต์ กับส่วนที่เหลืออีก 70 เป็นพลังของมอเตอร์ มันไม่เพียงมีคุณสมบัติที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังมีพลังโดดเด่นไม่แพ้คู่แข่งที่เป็นเครื่องยนต์ วี 8 ทั้งนี้ อาร์เอกซ์ 400 เอช ยังเป็นรถที่ถูกจับตามองของนักเล่นรถทั่วโลก
สร้างผลงานต่างจากคู่แข่ง
ด้วยเทคโนโลยีไฮบริด
ระบบไฮบริดของ อาร์เอกซ์ 400 เอช เหมือนของ ปรีอุส ในส่วนที่มีการแบ่งกำลังของเครื่องยนต์เบนซินกับมอเตอร์โดยใช้ระบบเกียร์ซีวีที แต่มีการเพิ่มกลไกเข้าไปเพื่อทำให้เกียร์ตัวใหม่
ทำหน้าที่เป็นเกียร์ลดกำลังของมอเตอร์ด้วย คือ มีโครงสร้างในลักษณะที่สามารถคำนวณหาแรงต่างๆ เช่น แรงบิดที่เพิ่มในยามเร่งความเร็วจากการเปลี่ยนเกียร์ถ่ายทอดกำลังของมอเตอร์ เป็นต้น เมื่อเทียบกับ ปรีอุส จะเห็นว่ามีการบรรจุมอเตอร์มากขึ้นอีก 1 ตัว รวมเป็น 3 ตัว โดยมีการใช้ "MG 1" เป็นทั้งสตาร์เตอร์ และเจเนอเรเตอร์ ส่วน "MG 2" ซึ่งให้รอบหมุนสูงถึง 12,400 รตน. และให้กำลังไฟสูงถึง 123 กิโลวัตต์ จะกำเนิดกำลังไฟฟ้าและกำลังขับเคลื่อนเชื่อมต่อกับเครื่องยนต์เบนซิน วี 6 หรือเป็นมอเตอร์หลักนั่นเอง และมอเตอร์ตัวที่สาม ที่ได้รับการติดตั้งเป็นหนึ่งเดียวกับดิฟฟ์หลังไว้ตรงกลางคือ "MGR" จะทำงานเป็นเอกเทศในการขับเคลื่อนล้อคู่หลัง โดยให้กำลังไฟถึง 50 กิโลวัตต์ ส่วนแหล่งกำเนิดไฟฟ้าที่ให้กำลังขับแก่มอเตอร์ทั้งสามตัวนี้ คือ แบทเตอรีแบบนิคเกิล เมทัล ไฮไดรด์ ขนาดแรงดันไฟ 288 โวลท์ เก็บอยู่ข้างใต้ที่นั่งแถวหลัง
เครื่องยนต์พื้นฐานแบบ วี 6 ความจุ 3.3 ลิตร ที่ให้กำลัง 230 แรงม้า และมีการเปลี่ยนแปลงโพรแกรมการจ่ายเชื้อเพลิงแบบควบคุมด้วยอีเลคทรอนิคส์ เพื่อให้เหมาะกับระบบไฮบริด และเมื่อรวมกับกำลังของมอเตอร์ทั้งหมดจะมีกำลังสูงสุดถึง 268 แรงม้า แม้จะเป็นรถ 4x4 แต่มีการแยกมอเตอร์สำหรับขับเคลื่อนล้อคู่หลังออกไปเป็นเอกเทศอยู่ในส่วนของดิฟฟ์หลัง และเพลาขับเคลื่อน ที่ทะลุผ่านด้านหน้า/หลังหายไป ขณะที่มีแบทเตอรี และถังน้ำมันเบนซินเก็บอยู่ใต้ที่นั่งแถวหลัง จึงไม่ต้องเอาพื้นที่โดยสารและพื้นที่เก็บของใต้พื้นเข้าแลก
จุดที่น่าจับตามองของ อาร์เอกซ์ 400 เอช ไม่ได้มีเฉพาะระบบไฮบริดเท่านั้น แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เรียกเสียงฮือฮาได้ คือ ระบบวีดีไอเอม (เวฮิเคิล ไดนามิคส์ อินทิเกรเทด แมเนจเมนท์) ที่ผ่านมา มีใช้เฉพาะในรถขับเคลื่อนล้อหลังเท่านั้น ขณะที่ระบบเอบีเอส ทีอาร์ซี และวีเอสซี ต่างเริ่มทำการควบคุมในช่วงที่เกือบจะสุดขีดจำกัดของรถ แต่ระบบวีดีไอเอม จะประมวลอาการของรถจากผู้ขับขี่ ทั้งการควบคุมคันเร่ง พวงมาลัย และเบรค แล้วคำนวณหาช่องว่างที่มีผลต่อรถตามข้อมูลที่รวบรวมมา มันจึงเป็นระบบที่ควบคุมระบบต่างๆ เช่น เอบีเอส ทีอาร์ซี วีเอสซี พวงมาลัยเพาเวอร์ ฯลฯ
ไปกันได้ดี ทั้งพละกำลัง
และอัตราความสิ้นเปลืองที่น้อยมาก
สิ่งที่โดดเด่นในช่วงออกตัว คือ มอเตอร์ "MG 2" ให้แรงบิดสูงสุดช่วง 0-1,500 รตน. ตัวถังที่หนักสองตันนั้น ถ้าใช้มอเตอร์อย่างเดียว จะเร่งได้นุ่มนวลเป็นธรรมชาติจนถึงระดับความเร็ว 30 กม./ชม. และแน่นอน ในกรณีที่จำเป็นต้องเร่งความเร็วอย่างกะทันหัน เมื่อเหยียบคันเร่งลงไปตามส่วน มอเตอร์ "MG 1" จะไปกระตุ้นให้เครื่องยนต์เริ่มทำงาน ความรู้สึกในการเร่งนั้น มีความไวมากพอที่จะทำให้เรายอมรับในค่าที่ผู้ผลิตประกาศว่า มีอัตราการเร่ง 0-60 ไมล์/ชม.(หรือประมาณ 97 กม./ชม.) ได้ 7.3 วินาที ซึ่งเร็วกว่ารุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 0.5 วินาที
ส่วนอัตราการเร่งความเร็วถึง 100 ไมล์/ชม. ไม่ทราบว่าเป็นเพราะมอเตอร์ได้ชดเชยแรงบิดในช่วงรอบเครื่องยนต์ต่ำให้หรืออย่างไร มันจึงให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ วี 6 พร้อมซูเพอร์ชาร์เจอร์แรงสูงและเครื่องยนต์ วี 8 ที่ตอบสนองอย่างว่องไว บนทางราดยางนั้น เราใช้งานอย่างโหด โดยเหยียบคันเร่งบ้าง เบรคบ้างอย่างกะทันหันขณะเลี้ยวโค้ง แต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีการวิ่งออกนอกเส้นทางเลย
ด้านอัตราความสิ้นเปลือง จากการวิ่งบนทางด่วนประมาณ 11.1 กม./ลิตร ซึ่งประหยัดขึ้น 10 % และจากการวิ่งในเมือง ประมาณ 12.5 กม./ลิตร จะประหยัดขึ้น 67 % ทีเดียว ด้วยอานิสงส์ของระบบไฮบริด มันเป็นค่าที่สูงกว่าของเอสยูวีระดับเดียวกันกว่าสองเท่าทีเดียว และเป็นตัวเลขที่น่าดีใจสำหรับผู้ใช้รถในสหรัฐอเมริกา ที่ต้องวิ่งระยะทางไกลๆ ในกิจกรรมประจำวันและการไปเที่ยวพักผ่อน
ส่วนความเปลี่ยนแปลงของภายนอก มีการฝังไฟตัดหมอกทรงกลม และใช้กันชนแบบเปิดช่องลม ส่งผลให้ความยาวรวมเพิ่มขึ้น 1 นิ้ว นอกจากนี้ ก็มีเพียงกระจังหน้ากับไฟหน้าที่ได้รับการปรับแต่งอย่างประณีต ชุดไฟท้ายที่เปลี่ยนเป็นแบบ LED และล้ออลูมิเนียมขนาด 18 นิ้ว ส่วนการตกแต่งภายใน แผงหน้าปัดแต่งด้วยอลูมิเนียม ทำให้ดูมีรสนิยมที่สปอร์ทและทันสมัย พร้อมมาตรวัดต่างๆ ที่มีการใส่เพาเวอร์ มิเตอร์
ถึงมันจะเป็นรถที่มีขนาดใหญ่ แต่ใช้งานง่าย แถมยังมีพลังที่ทัดเทียมกับของเครื่องยนต์ความจุสูง และความสะดวกในการใช้งานอย่างไม่ทำให้สูญเสียมาตรฐานของเอสยูวี กับอุปกรณ์ภายในที่ให้ความรู้สึกหรูพิเศษ ในระดับพรีเมียม แค่นี้ก็ถือว่ามีเสน่ห์มากพอแล้ว !
ข้อมูลจำเพาะ
เลกซัส อาร์เอกซ์ 400 เอช
มิติ และน้ำหนัก
ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 4,755/1,845/1,687
ความยาวฐานล้อ (มม.) 2,715
ความกว้างฐานล้อ (หน้า/หลัง) (มม.) 1,575/1,555
ความสูงท้องรถ (มม.) 180
น้ำหนักรถ (กก.) 1,980
ขนาดยางรถยนต์ 235/55VR18
เครื่องยนต์
ชนิด เบนซิน วี 6 สูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ
ความจุ (ซีซี) 3,311
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 208/5,600
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 29.3/4,400
ความจุถังน้ำมัน (ลิตร) 65
มอเตอร์ด้านหน้า
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 167/4,500
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 34.8/0-1,500
มอเตอร์ด้านหลัง
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 68/4,618-5,120
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 13.2/0-610
แบตเตอรีหลักสำหรับขับเคลื่อน
ชนิด นิคเกิล เมทัล ไฮไดรด์
แรงดันไฟฟ้า (โวลท์) 288
กำลังไฟฟ้า (กิโลวัตต์) 45
ระบบรองรับ
หน้า แมคเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง
หลัง ดูอัลลิงค์สตรัท คอยล์สปริง
ระบบห้ามล้อ
หน้า จาน พร้อมช่องระบายความร้อน
หลัง จาน
เรื่องโดย : กองบรรณษธิการ
นิตยสาร 4wheels ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2548
คอลัมน์ Online : ทั่วไป
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/13120