ทดสอบ(formula) 25 May 2014
TOYOTA COROLLA ALTIS/NISSAN SYLPHY/MITSUBISHI LANCER EX
ซีดาน ระดับ ซี เซกเมนท์ หนึ่งในกลุ่มรถที่มีความหลากหลายที่สุด ด้วยขนาดเครื่องยนต์ ตั้งแต่ 1.6, 1.8 และ 2.0 ลิตร ซึ่งแตกต่างกันไปตามที่ค่ายรถแต่ละแห่งจะเลือกทำตลาด โดยรุ่น 1.6 ลิตร มักจะถูกวางตำแหน่งให้เน้นความประหยัด ออพชันพอเพียง ขณะที่รุ่น 2.0 ลิตร ถูกวางตำแหน่งเป็นตัวทอพ เน้นความสปอร์ท ออพชันเต็ม ดังนั้นรุ่น 1.8 ลิตร ดูจะเป็นทางสายกลางที่พอเหมาะสำหรับรถเซกเมนท์นี้ เราคัดเลือกมา 3 รุ่น ได้แก่ โตโยตา โคโรลลา อัลทิส/นิสสัน ซิลฟี และ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอกซ์ เพื่อดูลีลาของเหล่า 1.8 ลิตร พ่วงเกียร์ซีวีทีกันหน่อย
EXTERIOR ภายนอก
หันมาด้าน โตโยตา โคโรลลา อัลทิส ก่อน กับรุ่นล่าสุดที่เปิดตัวได้ไม่นาน รูปโฉมเรียกได้ว่าเปลี่ยนแปลงจาก 2 รุ่นก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง เส้นสายดูทันสมัย สันเหลี่ยมคม แต่ออกแบบให้ตัวรถมีความหนา เสริมมาดหรูอย่างได้ผล ด้านหน้าใช้กระจังหน้าทรงกว้างจรดกับชุดไฟหน้าทั้ง 2 ข้าง อีกทั้งกระจกข้างรถรูปทรงปราดเปรียว เห็นได้ชัดว่าค่าย โตโยตา เพิ่มสัดส่วนความสปอร์ทให้ อัลทิส รุ่นนี้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังขยายฐานล้อถึง 2,700 มม. เท่ากับ นิสสัน ซิลฟี ขนาดตัวของ อัลทิส จึงใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
นิสสัน ซิลฟี มาในแนวทางที่แตกต่าง ด้วยตัวถังที่มีขนาดใหญ่ไม่แพ้กัน แต่เน้นเส้นสายคมเข้ม สันเหลี่ยมโค้ง ไหลลื่นตั้งแต่ด้านหน้าจรดด้านท้าย ทำให้ตัวรถมีความหรูหรา ภูมิฐาน กว่าใคร นอกจากนี้ยังประดับชุดไฟด้วยหลอดไฟ แอลอีดี มากถึง 54 ดวง ทั้งไฟหน้า และไฟท้าย ดังนี้แล้ว ซิลฟี จึงเป็น ซี เซกเมนท์ ที่มีความหรูหรามากที่สุดรุ่นหนึ่งก็ว่าได้ ในบางมุมมอง รถคันนี้ดูภูมิฐาน ไม่แพ้รถซีดานราคาแพงกว่าด้วยซ้ำ
สำหรับ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอกซ์ แม้ทำตลาดมาพักใหญ่แล้ว แต่รูปทรงโดยรวมยังดูดี มีเอกลักษณ์ ตัวถังทรงลิ่ม ด้านหน้าเรียวแหลมราวกับปลาฉลาม ช่วยให้รถรุ่นนี้ดูดุดันเอาเรื่อง รุ่นที่เรานำมาทดสอบ คือ จีแอลเอส ลิมิเทด ไร้ชุดแต่งใดๆ เราจึงมีความเห็นว่า แลนเซอร์ อีเอกซ์ เป็นรถที่เหมาะสมกับการนำมาเสริมชุดแต่งมาก บุคลิกจะดูโดดเด่นขึ้นอย่างผิดหูผิดตา เผลอๆ จะสวยไม่แพ้ตัวแรงอย่าง เอโวลูชัน เลยทีเดียว !
INTERIOR ภายใน
ภายในของ โคโรลลา อัลทิส กลับออกแบบให้มีกลิ่นอายของความย้อนยุค คอนโซลหน้าทรงตั้งฉากกับพื้นรถ พร้อมชุดแต่งลายไม้รอบคัน ยิ่งทำให้ความรู้สึกของห้องโดยสาร เหมาะสำหรับผู้สูงวัยซะงั้น ถึงอย่างนั้นอุปกรณ์ใช้สอย ยังให้มาครบตามสไตล์ตัวทอพ ทั้งระบบครูสคอนทโรล เบาะหลังพับได้แบบ 60:40 เครื่องเล่นดีวีดี เนวิเกเตอร์ จุดที่โดดเด่น คือ ความกว้างขวางของห้องโดยสาร ทำได้ดีมาก มีความสะดวกสบายมากกว่ารุ่นก่อนหน้าพอสมควร
นิสสัน ซิลฟี ออกแบบภายในอย่างเรียบง่าย มีความกว้างขวาง สะดวกสบายขณะโดยสาร โทนสีที่ใช้จึงเป็นสีเบจ ตกแต่งด้วยลายไม้ คอนโซลหน้าทรงโค้ง ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในรถขนาดใหญ่ น่าเสียดายที่อุปกรณ์ใช้สอยโดยรวม ไม่มีความแปลกใหม่เท่าใดนัก มีเพียงระบบพวงมาลัยมัลทิฟังค์ชัน และแอร์อัตโนมัติเท่านั้น ที่ช่วยเรื่องความหลากหลาย และความสะดวกสบายอีกเล็กน้อย เหมาะสำหรับผู้ที่เน้นความกว้าง และสบาย โดยไม่ใส่ใจเรื่องการใช้สอยมากนัก
ทางด้าน มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีเอกซ์ ยังคงเส้นคงวาด้านความสปอร์ท ไม่แพ้รูปแบบของเส้นสายภายนอก หน้าปัด 2 วง วางตัวลึกแบบ 3 มิติ เบาะนั่งที่ติดตั้งในระดับต่ำลงมาเล็กน้อย คล้ายรถสปอร์ท แผงคอนโซลที่เรียบง่าย แต่ลงตัว มาพร้อมระบบครูสคอนทโรล รุ่นที่เรานำมาทดสอบใช้โทนสีเบจ แต่ลูกค้าสามารถเลือกการตกแต่งเป็นโทนสีดำได้ตามใจชอบ ซึ่งเรามีความเห็นว่า โทนสีดำดูจะเข้ากันกับห้องโดยสารอารมณ์สปอร์ทของรถรุ่นนี้ได้ดีกว่า สิ่งต่างๆ ที่ว่ามาพอจะชดเชยเรื่องความกว้างขวางของห้องโดยสารได้บ้าง ซึ่งมีน้อยกว่าบรรดาคู่แข่งทั้งหลาย
ENGINE เครื่องยนต์
มาดูเรื่องหัวข้อสมรรถนะจากเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ทั้ง 3 รุ่น โดย อัลทิส พกมา 141 แรงม้า ซิลฟี 131 แรงม้า และ แลนเซอร์ อีเอกซ์ จัดมา 139 แรงม้า ถือว่าใกล้เคียงกัน แม้ซีดานของ โตโยตา จะได้เปรียบเรื่องตัวเลขอยู่เล็กน้อย ทุกรุ่นใช้เกียร์อัตโนมัติแปรผัน ซีวีที ด้วยเหตุนี้ อีกหนึ่งซีดาน 1.8 ลิตร อย่าง ฮอนดา ซีวิค จึงต้องหลบไปก่อน เพราะใช้เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ
เริ่มกันเลยกับอัตราเร่งยอดนิยม 0-100 กม./ชม. อัลทิส 10.9 วินาที ซิลฟี 11.9 วินาที และ แลนเซอร์ อีเอกซ์ คือ 11.4 วินาที ในช่วงตีนต้น อัลทิส ชิงความได้เปรียบออกนำหน้าก่อนใคร แต่คู่แข่งทั้ง 2 คัน ก็ตามมาไม่ห่าง
กดคันเร่งกันต่อแบบยาวๆ กับช่วง 0-1,000 ม. อัลทิส ทำเวลาที่ 32.2 วินาที (ที่ความเร็ว 165.7 กม./ชม.) ซิลฟี 33.5 วินาที (ที่ความเร็ว 157.1 กม./ชม.) และ แลนเซอร์ อีเอกซ์ คือ 32.3 วินาที (ที่ความเร็ว 167.1 วินาที) จะเห็นได้ว่าคู่ที่สูสีกันมาก คือ ซีดานจาก โตโยตา และ มิตซูบิชิ ขณะที่ของ นิสสัน มีอาการแผ่วปลายให้เห็น
อัตราเร่งแบบยืดหยุ่น หากมาเจอกันขณะแล่นอยู่บนท้องถนน ที่ความเร็ว 80-120 กม./ชม. อัลทิส ใช้เวลา 7.1 วินาที ซิลฟี ทำได้ที่ 8.7 วินาที และ แลนเซอร์ อีเอกซ์ ยังไม่ยอมง่ายๆ ที่ 7.3 วินาที ในส่วนนี้เราพบว่า อัลทิส มีการตอบสนองของเกียร์ซีวีที 7 จังหวะที่ดี มีการกระชากพองาม คล้ายเกียร์อัตโนมัติแบบดั้งเดิม ช่วยเพิ่มความสนุกสนานขณะขับขี่ได้ไม่น้อย ผนวกกับแป้นแพดเดิล ชิฟท์ ที่ติดตั้งมาให้ในรุ่นทอพ (และ เอสปอร์ท)
ส่วนคู่แข่งอย่าง ซิลฟี และ แลนเซอร์ อีเอกซ์ การทำงานของเกียร์ซีวีทีจะเป็นแบบดั้งเดิม คือ รอบเครื่องจะค้างไว้ขณะทำอัตราเร่ง ซีดาน 1.8 ลิตร ของ นิสสัน เน้นความนุ่มนวลอยู่แล้ว การตอบสนองจึงไม่หวือหวา ค่อยเป็นค่อยไป อัตราเร่งไม่เด่น ส่วนรถของทาง มิตซูบิชิ มีโหมดบวก/ลบ แบ่งเป็น 6 จังหวะ ผนวกกับแรงม้า ทำให้มีอัตราเร่งสูสีกับหน้าใหม่อย่าง อัลทิส
ปัจจัยสำคัญอีกอย่างคือ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เพราะรถระดับนี้ ยังคงคำนึงถึงการใช้งานในชีวิตประจำวันที่สะดวกสบาย ที่ความเร็ว 60/80/100/120 กม./ชม. อัลทิส อยู่ที่ 23.5/20.5/16.3/13.0 กม./ลิตร ซิลฟี 26.6/22.9/17.7/13.4 กม./ลิตร และ แลนเซอร์ อีเอกซ์ 19.5/18.4/14.5/12.6 กม./ลิตร ผู้นำในส่วนของความประหยัดตกเป็นของ ซิลฟี โดยเฉพาะในความเร็วช่วงต้นที่ทำได้ดีมากๆ ส่วน อัลทิส ถือว่าประหยัดอย่างน่าพอใจเมื่อเทียบกับสมรรถนะที่ดีกว่าใคร และสุดท้ายคือ แลนเซอร์ อีเอกซ์ แม้อัตราเร่งจะทำได้ดี แต่ต้องแลกมาด้วยอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่มากกว่าคู่แข่งพอตัว อย่างไรก็ตามมีอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม นั่นคือรถ 2 รุ่นสามารถรองรับน้ำมัน อี 85 ได้ ได้แก่ อัลทิส และ แลนเซอร์ อีเอกซ์ ขณะที่ ซิลฟี รองรับได้เพียงน้ำมัน อี 20
SUSPENSION ระบบรองรับ
ระบบรองรับด้านหน้าของทั้ง 2 รุ่น เป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังของ อัลทิส และ ซิลฟี เป็นแบบทอร์ชันบีม ต่างจากของ แลนเซอร์ อีเอกซ์ เป็น มัลทิลิงค์ ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีบุคลิกที่แตกต่างกัน
โดย อัลทิส ถูกปรับแต่งมาให้มีความหนึบ และหนักแน่นกว่ารุ่นก่อนหน้า การบังคับควบคุมถูกเพิ่มน้ำหนักมากขึ้นด้วย แต่ยังใช้งานทั่วไปได้อย่างสะดวกสบาย อย่างไรก็ตาม ด้วยการตอบสนองที่ดีของเครื่องยนต์และชุดเกียร์ เราคิดว่าช่วงล่างน่าจะหนึบกว่านี้ได้อีก จะรองรับอย่างสมดุลกับสมรรถนะของ อัลทิส รุ่นนี้ (อาจพบได้ในรุ่นย่อย เอสปอร์ท)
ซิลฟี มีแนวทางที่ชัดเจนอยู่แล้ว ทั้งรูปทรงภายนอก ภายใน และเครื่องยนต์ นั่นคือความหรู สบาย เช่นเดียวกันกับช่วงล่างที่เน้นความนุ่มนวล แต่มีความมั่นคง แฝงอยู่ในระดับที่พอเหมาะ ดูดซับแรงสะท้อนจากผิวถนนได้ดี การเข้าโค้งมีการโคลงในช่วงแรก แต่หลังจากนั้นจะพบว่าตัวรถยังสามารถทรงตัวได้ดี บังคับควบคุมง่าย เบาแรง
แลนเซอร์ อีเอกซ์ มีมาดสปอร์ททั้งภายนอก และภายใน แต่บุคลิกของระบบรองรับเน้นความเป็นกลาง นุ่มพอเหมาะ และ หนึบกำลังดี แม้เราแอบคาดหวังความหนึบแน่นมากกว่านี้ก็ตาม แต่ทางผู้ผลิตคงต้องการเผื่อเหลือให้ความสะดวกสบายบ้าง ส่วนหนึ่งเพราะล้อแมกขนาดเพียง 16 นิ้ว เมื่อเทียบกับตัวทอพ จีที เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ใช้ล้อแมกขนาดใหญ่ถึง 18 นิ้ว
สำหรับสมรรถนะของระบบเบรคที่ความเร็ว 60/80/100 กม./ชม. อัลทิส ทำได้ที่ 15.5/26.4/42.3 ม. ซิลฟี คือ 15.4/27.5/44.2 ม. และตามด้วย แลนเซอร์ อีเอกซ์ 15.6/28.1/43.6 ม. นับว่าสูสี และใกล้เคียงกันพอสมควร แต่ที่ความเร็วเกิน 80 กม./ชม. ขึ้นไป ซีดานของ โตโยตา ดูจะทำได้ดีกว่าคู่แข่ง
แม้มีคุณสมบัติต่างๆ เช่น สมรรถนะ ความกว้างขวาง และบุคลิกของตัวรถ ที่แตกต่างกันบ้าง แต่สุดท้ายแล้ว รถ ซี เซกเมนท์ระดับเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ยังคงถูกแยกแยะด้วยรุ่นย่อยจากออพชันที่ถูกติดตั้ง และระดับราคา อย่างเช่น อัลทิส 1.8 วี เนวี ทำหน้าที่ของการเป็นตัวทอพ แทนที่รุ่น 2.0 เดิม ราคาทะลุ 1 ล้านบาท กับการแลกมาซึ่งอุปกรณ์ใช้สอยแบบครบครัน ด้าน ซิลฟี 1.8 วี เป็นตัวรองทอพของรถรุ่นนี้ ได้ความภูมิฐานที่มากพอ ห้องโดยสารกว้างขวาง และความประหยัดที่ดีกว่าใคร และ แลนเซอร์ อีเอกซ์ จีแอลเอส ลิมิเทด รับบทเป็นรุ่นรอง อุปกรณ์ใช้สอยให้มาค่อนข้างครบ แต่มาดสปอร์ทโดยรวมยังคงน้อยกว่ารุ่น จีที ซึ่งเป็นตัวทอพ เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร โดยจุดจูงใจสำคัญของ 2 รุ่นหลัง คือ ราคาค่าตัวที่ไม่เกิน 9 แสนบาทแบบเฉียดๆ
ในเมื่อสมรรถนะไม่ใช่ทุกสิ่งของการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน ปัจจัยด้านออพชันและราคา ก็มีส่วนไม่น้อยกับการตัดสินใจเลือกรถยนต์สักคัน