ทดสอบ(formula)
DEEPAL S05 REEV ไฮบริดลงตัว ต้อง REEV !
เมื่อตลาดรถยนต์ไฟฟ้ากำลังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง กลับมีคำถามขึ้นมาว่า “รถยนต์ไฟฟ้าล้วนจำเป็นเสมอไปหรือไม่ ?” บางทีทางเลือกของขุมพลังแบบอื่นที่ใกล้เคียงกับรถยนต์ไฟฟ้าอาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน ค่ายรถสัญชาติจีนไม่รอช้า นำเสนอทางเลือกที่แตกต่างกับรถที่ทำตลาดนอกเหนือจากรถยนต์ไฟฟ้า นั่นคือ DEEPAL S05 REEV กับการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ชาร์จไฟฟ้าได้ และมีเครื่องยนต์สันดาปทำหน้าที่ปั่นไฟเท่านั้น ! ทางเลือกนี้จะมีความลงตัวแค่ไหน เรามาพิสูจน์กัน
EXTERIOR ภายนอก
เอสยูวีมาดสปอร์ท สไตล์อนาคต
เส้นสายของ DEEPAL S05 REEV (ดีพอล เอส 05 อาร์อีอีวี) มีความเป็นเอสยูวีขนาดกะทัดรัด แต่เมื่อดูรอบคันจะพบว่ามีความใหญ่โตเกินหน้า B-SUV ทั่วไปอยู่พอสมควร ไฟหน้าทรงเรียว เส้นสายที่เน้นความเรียบง่าย แฝงความสปอร์ทในระดับที่พอเหมาะ ตัวถังดูกระชับจากการออกแบบให้มีระยะโอเวอร์แฮงที่สั้นทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ส่วนหน้าของตัวรถแบบปิดทึบ มีช่องรับอากาศบริเวณด้านล่างของกันชนพร้อมช่องเปิด-ปิดอัตโนมัติตามสภาวะการใช้งานเพื่อรับอากาศมาระบายความร้อนของชุดมอเตอร์ไฟฟ้า ไฟท้ายทรงเรียว พาดยาวตลอดช่วงความกว้างของตัวถัง ให้ความรู้สึกที่ทันสมัย แถมยังดูคล้ายเอสยูวีสัญชาติยุโรปบางรุ่นอีกด้วย รุ่นเรานำมาทดสอบ คือ รุ่นทอพ MAX ติดตั้งล้อแมกขนาด 18 นิ้ว (ดูเล็กไปหน่อยในสายตาของเรา) อย่างไรก็ตาม มีล้อแมกขนาด 20 นิ้ว เป็นอุปกรณ์เลือกติดตั้งที่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม
B-SUV สัญชาติจีนรุ่นนี้ มีความยาว 4,620 มม. และระยะฐานล้อ 2,880 มม. มากกว่าคู่แข่งสัญชาติญี่ปุ่นกับบรรดา B-SUV ขุมพลังไฮบริด เช่น MITSUBISHI XFORCE HEV (มิตซูบิชิ เอกซ์ฟอร์ศ เอชอีวี) มีมิติตัวถังที่ 4,390 และ 2,650 มม. ตามลำดับ เอาเข้าจริง S05 REEV มีขนาดตัวใกล้เคียงกับรถยนต์ระดับ C-SUV แล้วด้วยซ้ำ แต่องค์ประกอบโดยรวม และราคาทำให้ยังคงถูกจัดวางในเซกเมนท์ของ B-SUV แน่นอนว่าการใช้งานทั้งมอเตอร์ไฟฟ้า และเครื่องยนต์สันดาป รถคันนี้จึงมีช่องชาร์จไฟฟ้าอยู่ทางขวามือด้านหลัง และช่องเติมน้ำมันทางซ้ายมือด้านหลัง (การเปิดฝาถังน้ำมันต้องกดจากหน้าจอ ไม่สะดวกเท่าใดนัก)
INTERIOR ภายใน
เรียบง่าย กว้างขวาง จอขนาดใหญ่
ห้องโดยสารของ DEEPAL S05 REEV มีรูปแบบเหมือนกับรถยนต์ไฟฟ้าร่วมสายพันธุ์ การใช้งานต่างๆ ยังคงต้องทำผ่านหน้าจอหลัก จอภาพมีความคมชัดที่น่าพอใจ การตอบสนองของระบบสัมผัสทำได้ดี แต่บางครั้งตอบสนองช้าไปเล็กน้อย รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย (ผ่าน BLUETOOTH) กับระบบ ANDROID AUTO และ APPLE CAR PLAY คุณภาพของเครื่องเสียงค่อนข้างดี แม้ไม่ใช่เครื่องเสียงจากบแรนด์ดังก็ตาม พวงมาลัยแบบ 3 ก้าน มีปุ่มมัลทิฟังค์ชันที่สามารถปรับแต่งการทำงานได้อย่างหลากหลาย มีลักษณะเป็นคันโยกสั้นๆ (สามารถกดลงไปเพื่อยืนยันการสั่งงานได้) นอกจากนี้ S05 จะไม่มีจอแผงหน้าปัดมาให้ การแสดงผลหน้าผู้ขับจะทำผ่านการสะท้อนแสงบนกระจกหน้าเท่านั้น (หรือ HUD-HEAD UP DISPLAY) แม้มีความคมชัดในระดับหนึ่ง แต่เรามีความคิดว่า ทางผู้ผลิตควรจะติดตั้งจอแสดงผลแบบดิจิทอลเข้ามาด้วย เพราะในบางครั้งหากแดดจ้ามากๆ การแสดงผลผ่านกระจกหน้าอาจมองเห็นได้ยาก ส่วนความโปร่งโล่งของห้องโดยสารได้ผลดีจากหลังคาซันรูฟ พาโนรามิค พร้อมม่านบังแดดมาให้ (เปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า) รองรับการสั่งงานด้วยเสียง และตกแต่งห้องโดยสารด้วยวัสดุที่ดูดี เท่านี้ก็จัดเป็น B-SUV ที่ได้ทั้งความหรูหรา และทันสมัย พร้อมความกว้างขวางสบายได้ดีมากแล้ว
ENGINE เครื่องยนต์
ไฮบริด REEV สูตรที่ลงตัว
คำว่า REEV มาจากคำว่า RANGE EXTENDED ELECTRIC VEHICLE กับการขับเคลื่อนที่เป็นหน้าที่ของมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนๆ เครื่องยนต์สันดาปมีหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว (ไม่มีการต่อเพลาขับมายังเครื่องยนต์) นอกจากนี้ ยังมีแบทเตอรีความจุพอสมควร รองรับการชาร์จกระแสไฟฟ้าแบบ DC โดย DEEPAL S05 REEV ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 218 แรงม้า (รุ่นไฟฟ้าล้วนจะมีกำลังสูงสุด 238 แรงม้า) แบทเตอรีความจุ 25.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง ส่วนเครื่องยนต์สันดาป คือ เบนซิน 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 98 แรงม้า ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้าไปยังชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน หรือเก็บไฟฟ้าเข้าสู่ชุดแบทเตอรี (ตามแต่สภาวะการขับขี่ และแบทเตอรี) คู่เปรียบเทียบสมรรถนะอาจยังไม่มีโดยตรง (สำหรับเครื่องยนต์แบบ REEV) แต่แนวคิดการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วน มีรถยนต์รุ่นหนึ่งทำมาก่อนหน้านี้แล้ว นั่นคือ NISSAN KICKS E-POWER (นิสสัน คิคส์ อี-เพาเวอร์) มอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 136 แรงม้า และเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร กับความเหมือนที่แตกต่างเช่นนี้จะมีสมรรถนะเป็นอย่างไร มาดูกันเลย
เริ่มจากอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. DEEPAL S05 REEV ทำเวลาได้ที่ 8.9 วินาที จากการส่งกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ตอบสนองคันเร่งแบบนุ่มนวลในช่วงแรกที่ออกตัว และพละกำลังจะถูกส่งออกมาอย่างต่อเนื่องหลังจากนั้น ส่วน NISSAN KICKS E-POWER มีตัวเลขที่ 9.5 วินาที ถือว่าน่าพอใจสำหรับระบบไฮบริด การส่งกำลังด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ามีการตอบสนองคันเร่งที่ดี แม้จะทำเวลาช้ากว่ารถยนต์สไตล์ REEV เล็กน้อย
ต่อกันที่อัตราเร่งระยะ 0-1,000 ม. DEEPAL S05 REEV มีอัตราเร่งที่ 30.9 วินาที (ที่ความเร็ว 164.3 กม./ชม.) ขณะที่ NISSAN KICKS E-POWER ทำเวลาได้ที่ 31.8 วินาที (ที่ความเร็ว 163.8 กม./ชม.) การส่งกำลังด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าอาจมีการแผ่วในช่วงปลายบ้าง แต่โดยรวมยังทำความเร็วได้ใกล้เคียงกัน
อัตราเร่งยืดหยุ่นที่ความเร็ว 60-100 และ 80-120 กม./ชม. DEEPAL S05 ทำเวลาได้ที่ 4.9 และ 6.1 วินาที ส่วน NISSAN KICKS E-POWER มีตัวเลข คือ 5.6 และ 7.2 วินาที ตามลำดับ มอเตอร์ไฟฟ้าที่มีพละกำลังมากกว่าของ S05 ทำให้มีการตอบสนอของการเร่งแซงที่ดีกว่า การกดคันเร่งสุด ระบบจะควบคุมให้เครื่องยนต์สันดาปป้อนกระแสไฟฟ้ามายังมอเตอร์ขับเคลื่อนโดยตรง เพื่อความรวดเร็วของการตอบสนอง ทำให้อัตราเร่งในหัวข้อนี้มีความแตกต่างกันชัดเจนขึ้น ระบบ REEV ที่มีแบทเตอรีรองรับสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าไปยังชุดมอเตอร์ได้แรงกว่า
ส่วนรายละเอียดของชุดแบทเตอรีสำหรับ DEEPAL S05 REEV คือ แบทเตอรีความจุ 25.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง รองรับการชาร์จแบบ DC สูงสุดที่ 50 กิโลวัตต์ เมื่อชาร์จเต็มจะมีระยะทำการสูงสุดที่ 170 กม. (มาตรฐาน NEDC ตามที่ผู้ผลิตระบุมา) อย่างไรก็ตาม สำหรับการใช้งานจริง แม้ใช้ความเร็วที่เหมาะสม จะสามารถแล่นได้ไกลประมาณ 120-130 กม. ก่อนที่ระบบจะเริ่มการทำงานของเครื่องยนต์สันดาปเพื่อป้อนกระแสไฟฟ้า ถึงอย่างนั้นก็เป็นระยะทางที่มากพอสำหรับการใช้งานในตัวเมืองในแต่ละวัน ใช้งานแทนรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัวได้ ตัวรถยังมีโหมดเน้นการชาร์จไฟฟ้า ระดับของแบทเตอรีจะลดลงไปไม่มาก เครื่องยนต์สันดาปก็จะเริ่มทำงาน (ที่ระดับแบทเตอรีประมาณ 70 %) การใช้งานโหมดนี้เน้นการรักษาระดับแบทเตอรีเอาไว้ แต่จะสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงจากการชาร์จกระแสไฟฟ้า ควรใช้งานเมื่อยามจำเป็นเท่านั้น
SUSPENSION ระบบรองรับ
นุ่มนวล มีระบบเลื่อนรถ
DEEPAL S05 REEV มีระบบรองรับด้านหน้าแบบปีกนกคู่ และด้านหลังแบบมัลทิลิงค์ (ต่างจาก B-SUV ส่วนใหญ่ใช้ระบบรองรับด้านหลังแบบทอร์ชันบีม) การปรับแต่งช่วงล่างโดยรวมเน้นความนุ่มนวลเป็นหลัก มีข้อดียามแล่นผ่านพื้นผิวถนนที่มีความขรุขระ ระบบรองรับสามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดีมาก ให้การขับขี่ที่นุ่มนวล อย่างไรก็ตาม สมรรถนะของมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีอัตราเร่งที่ฉับไวในระดับหนึ่ง ระบบรองรับอาจมีความนุ่มนวลมากเกินไป หากเป็นได้ทางผู้ผลิตควรเพิ่มความหนึบแน่นให้กับช่วงล่างให้มากกว่านี้อีกเล็กน้อย เพื่อความมั่นคงขณะขับขี่โดยไม่สูญเสียความนุ่มนวลโดยรวมแต่อย่างใด นอกจากนี้พวงมาลัยสามารถปรับน้ำหนักได้ แม้ใช้โหมด SPORT การหักเลี้ยวยังทำได้ง่ายดาย แต่ได้เรื่องความมั่นคงขณะขับขี่ช่วงความเร็วสูงอีกเล็กน้อย S05 REEV ยังติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่หลายรายการ ระบบที่น่าสนใจ คือ การเลื่อนรถในแนวตรงหน้า-หลังผ่านกุญแจรีโมทของตัวรถ เพียงเปิดการใช้งานระบบดังกล่าวจากหน้าจอหลัก กดปุ่มเปิดประตูบานท้ายค้างไว้ประมาณ 6-7 วินาที เมื่อไฟฉุกเฉินของตัวรถกะพริบแสดงว่าระบบเริ่มใช้งานได้แล้ว กดปุ่มปลดลอค (ซ้ายมือ) เพื่อเลื่อนรถไปข้างหน้า และกดปุ่มลอค (ขวามือ) เพื่อเลื่อนรถไปข้างหลัง ระบบนี้มีประโยชน์ยามต้องจอดในที่แคบ เข้า-ออกห้องโดยสารยาก อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนรถต้องใช้ความระมัดระวังพอสมควร เพราะไม่มีเซนเซอร์หยุดรถระหว่างควบคุมรถด้วยกุญแจรีโมทแต่อย่างใด (อุปกรณ์นี้มีติดตั้งทุกรุ่นย่อย)
การใกล้เคียงรถยนต์ไฟฟ้าอีกขั้น
รถยนต์ไฟฟ้าอาจมีจุดเด่นหลายประการ แต่ก็มีจุดอ่อนในเรื่องระยะทำการที่น้อยกว่าเครื่องยนต์สันดาป การชาร์จไฟฟ้าที่อาจมีราคาถูก แต่ต้องแวะชาร์จค่อนข้างถี่ อาจทำหลายคนลังเลในการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว ทางเลือกของขุมพลังแบบ REEV นับว่าน่าสนใจ กับความรู้สึกของการขับขี่ที่ใกล้เคียงรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว เพราะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเหมือนกัน การทำงานของเครื่องยนต์สันดาปทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้าเมื่อแบทเตอรีลดลงถึงจุดหนึ่ง การใช้งานในตัวเมืองจึงประหยัดค่าใช้จ่ายของพลังงาน เพราะแล่นได้กว่า 100 กม./การชาร์จเต็ม 1 ครั้ง หากต้องใช้งานทางไกลก็อาศัยการเติมน้ำมันก็แล่นได้เป็นระยะทางไกลแล้ว (หากชาร์จแบทเตอรีเต็ม และเติมน้ำมันเต็มจะแล่นได้กว่า 1,000 กม. หากขับขี่อย่างเหมาะสม) เป็นอีกทางเลือกของรถยนต์ที่เข้าสู่ยุคของการเปลี่ยนผ่านอีกรูปแบบ ก่อนที่จะหันไปใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัวในภายหลัง
