ทดสอบ(formula)
HYPTEC HT กางปีกทะยาน ! กับรถยนต์ไฟฟ้าที่เหนือชั้น
บแรนด์รถยนต์จากประเทศจีนหันมาทำตลาดกลุ่มรถยนต์หรูมากขึ้น เพื่อการนำเสนอเทคโนโลยี และความแตกต่างจากค่ายรถอื่นๆ (ในราคาที่ใกล้เคียงกัน) กลุ่มรถยนต์ GAC จึงนำเสนอทางเลือกอีกหนึ่งบแรนด์ นั่นคือ HYPTEC (ไฮพ์เทค) ยกระดับจากบแรนด์ร่วมค่ายอย่าง AION (ไอออน) ครั้งนี้เรามาทดสอบรถยนต์ไฟฟ้าระดับหรู มาพร้อมความแปลกใหม่ และการใช้งานที่ไม่เหมือนใคร กับ HYPTEC HT (ไฮพ์เทค เอชที) มาดูกันว่าความหรูล้ำจากค่ายรถสัญชาติจีนจะน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน
EXTERIOR ภายนอก
ประตูปีกนกสุดโดดเด่น
ตัวถังภายนอกของ HYPTEC HT โดยรวมแล้วอาจเป็นเอสยูวีขนาดใหญ่ เส้นสายโค้งมน แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่กับรุ่นทอพ 620 LUXURY (620 ลักชัวรี) คือ ความโดดเด่นของประตูด้านหลัง มีรูปแบบการเปิด-ปิดแบบปีกนก ซึ่งหาได้ยากในรถยนต์ทั่วไป (ยกเว้นซูเพอร์คาร์ราคาหลายสิบล้านบาท !) สร้างความแตกต่างจากรถยนต์หลายรุ่น เราสังเกตว่าการเปิด-ปิดประตูแบบปีกนก ใช้เวลาไม่นานเกินไป และมีความมั่นคงจากระบบไฮดรอลิค ทางผู้ผลิตระบุว่าได้ทำการทดสอบความทนทานของระบบเปิด-ปิดประตูปีกนกมาเป็นอย่างดี ใช้งานได้ดีระยะยาว ลักษณะการเปิดประตูปีกนก ในระยะแรกประตูจะแนบกับตัวถัง หลังจากยกตัวขึ้นมา ระบบจะค่อยๆ กางประตูอกมา มีข้อดี คือ โอกาสที่ประตูจะกระทบกับรถยนต์ หรือกำแพงด้านข้าง มีน้อยมากๆ (โดยระยะห่างด้านข้างที่เหมาะสม คือ 400 มม. ขึ้นไป) ผนวกกับการทำงานของเซนเซอร์หลายตำแหน่ง หากตรวจพบสิ่งกีดขวางขณะระบบทำการเปิด-ปิดประตู ระบบไฮดรอลิคจะหยุดการทำงานโดยอัตโนมัติ พูดง่ายๆ คือ นอกจากความแปลกใหม่แล้ว ยังมีความปลอดภัยในแง่ของการใช้งานด้วยสำหรับประตูปีกนกของ HYPTEC HT อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องแลกกับการใช้ประตูลักษณะดังกล่าวในรุ่นทอพ คือ ขนาดของหลังคาซันรูฟจะเล็กกว่ารุ่นพื้นฐาน 620 PREMIUM (620 พรีเมียม) เนื่องจากต้องแบ่งพื้นที่ด้านบนเป็นส่วนหนึ่งของประตูปีกนก
นอกเหนือจากประตูปีกนกแล้ว HYPTEC HT รุ่นทอพ มีการติดตั้งประตูด้านหน้าแบบไฮดรอลิคด้วย แม้การเปิด-ปิดจะเป็นรูปแบบปกติ แต่สามารถเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า จากการกดปุ่มด้านนอก หรือเมื่อเข้ามานั่งในห้องโดยสารแล้วผู้ขับกดแป้นเบรค ประตูบานหน้าจะปิดโดยอัตโนมัติ เป็นหนึ่งในออพชันที่สร้างความแตกต่างได้อย่างน่าสนใจ แน่นอนว่า ประตูด้านหน้ามีเซนเซอร์ติดตั้งเช่นกัน การเปิด-ปิดแบบอัตโนมัติจึงยังมีความปลอดภัยเช่นกัน รายละเอียดตัวถังส่วนอื่นๆ คือ ล้อแมกขนาด 20 นิ้ว ไฟหน้า/ไฟท้ายแบบแอลอีดี ส่วนหลังคากระจกบานท้ายมีลักษณะที่ลาดเท ไม่มีที่ปัดน้ำฝนด้านหลังมาให้ แม้เป็นเอสยูวีขนาดใหญ่
INTERIOR ภายใน
กว้างขวาง ล้ำสมัย
ตัวถังที่มีขนาดใหญ่ของ HYPTEC HT ส่งผลดีต่อห้องโดยสารในแง่ของความกว้างขวาง จุดเด่นย่อมหนีไม่พ้นพื้นที่ของผู้โดยสารด้านหลังที่มีให้อย่างเหลือเฟือ การเข้า-ออกห้องโดยสารมีความสะดวก จากประตูปีกนกที่เปิดออกได้กว้าง การเปิด-ปิดจากภายในห้องโดยสารจะมีปุ่มกดด้านในบริเวณเสาบี (และมีอีกหนึ่งปุ่มบริเวณขอบด้านล่างของประตู) พื้นที่เหนือศีรษะมีให้เหลือเฟือมากๆ ตัวเบาะโอบสรีระอย่างเหมาะสม แม้เรามีความรู้สึกว่าพื้นที่ช่วงขาควรจะมีมากกว่านี้อีกสักนิดก็ตาม ขณะที่เบาะคู่หน้ามีความกว้างขวางเช่นกัน มีความโดดเด่นในแง่ของระบบใช้งานต่างๆ รวมถึงโหมดการทำงานที่เน้นความผ่อนคลาย มีเสียงเพลง และเสียงสังเคราะห์เสมือนธรรมชาติ สำหรับผู้โดยสารที่ต้องการความผ่อนคลายขณะรถจอดอยู่ (หรือขณะกำลังทำการชาร์จกระแสไฟฟ้ากับตัวรถ) การตกแต่งโดยรวมใช้วัสดุที่ดี เน้นความเรียบหรู และทันสมัย อาจยังไม่ถึงกับหรูหราแบบรถยนต์สัญชาติยุโรปที่เราคุ้นเคยกันมา แต่ในแง่การเป็นรถยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ การออกแบบห้องโดยสารถือว่าทำได้น่าพอใจไม่น้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม แม้ระบบการใช้งาน และระบบเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชันจะมีความทันสมัย แต่ในแง่ของระบบเชื่อมต่อกับ ANDROID AUTO ยังต้องรอการอัพเดทจากทางผู้ผลิตอยู่ เราคิดว่าฟังค์ชันดังกล่าวน่าจะมีมาให้จากโรงงานแล้ว เพราะค่ายรถสัญชาติจีนหลายเจ้าก็ไม่มีปัญหาในการเชื่อมต่อแต่อย่างใด
ENGINE เครื่องยนต์
แรงเหลือเฟือ ขับคลื่อน 2 ล้อหลัง
HYPTEC HT รุ่นที่ทำตลาดในบ้านเราจะมีทางเลือกของมอเตอร์ไฟฟ้า และชุดแบทเตอรีเพียงแบบเดียว นั่นคือ มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 250 กิโลวัตต์/340 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวทันเมตร/43.9 กก.ม. ส่งกำลังสู่ 2 ล้อคู่หลัง (กับน้ำหนักตัวรถที่ 2,250 กก.) คู่เปรียบเทียบสมรรถนะ คือ อีกหนึ่งทางเลือกรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาใกล้เคียงกัน (ระดับ 1.7 ล้านบาท) นั่นคือ KIA EV5 (เกีย อีวี 5) รุ่น EARTH EXCLUSIVE AWD กำลังสูงสุด 230 กิโลวัตต์/308 แรงม้า มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. HYPTEC HT ทำเวลาที่ 6.8 วินาที ส่วน KIA EV5 คือ 6.5 วินาที แม้ทาง HYPTEC จะมีระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง แต่การส่งกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ไหลลื่นต่อเนื่อง ทำให้มีอัตราเร่งสูสีกับรถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา การกดคันเร่งในช่วงแรกจากการออกตัวอาจไม่หวือหวา แต่เมื่อพ้นช่วงความเร็ว 30-40 กม./ชม. การส่งกำลังจะต่อเนื่องดีมาก ไม่มีอาการล้อหมุนฟรีแม้แต่น้อย
ส่วนช่วงความเร็วตีนปลายที่ระยะ 0-1,000 ม. HYPTEC HT มีอัตราเร่งที่ 27.6 วินาที (ที่ความเร็ว 187.2 กม./ชม.) ขณะที่ KIA EV5 ทำตัวเลขได้ที่ 26.8 วินาที (ที่ความเร็ว 190.1 กม./ชม.) แม้ทางรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติเกาหลีใต้จะมีความได้เปรียบจากระบบส่งกำลัง และความเร็วปลายที่ดีกว่าเล็กน้อย แต่ HYPTEC HT ก็ทำได้น่าพอใจมาก มีอัตราเร่งที่ตามมาไม่ห่างแม้ในช่วงความเร็วตีนปลาย
ขณะที่อัตราเร่งยืดหยุ่นช่วง 60-100 และ 80-120 กม./ชม. HYPTEC HT ทำเวลาได้ที่ 3.0 และ 4.1 วินาที ตามลำดับ ถือว่าฉับไวไม่น้อยสำหรับเอสยูวีขนาดใหญ่เช่นนี้ ส่วนทาง KIA EV5 มีตัวเลข คือ 3.0 และ 3.8 วินาที เรียกได้สูสีเท่ากันในบางช่วง และเฉือนกันเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น ! บ่งบอกการเป็นเอสยูวีพลังงานไฟฟ้าระดับหรูจากทั้ง 2 ค่ายรถ ที่มีความฉับไวของอัตราเร่ง โดยทาง HYPTEC HT มีการตอบสนองคันเร่งที่รวดเร็ว การเร่งแซงทำได้ทันใจ ไม่แพ้รถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา
ส่วนคุณสมบัติของแบทเตอรีจาก HYPTEC HT กับความจุที่ 83.3 กิโลวัตต์ชั่วโมง แต่จุดที่น่าสนใจไม่ใช่เพียงความจุเท่านั้น เอสยูวีพลังงานไฟฟ้าระดับหรูรุ่นนี้ใช้ระบบไฟฟ้าแบบ 800 โวลท์ รองรับการชาร์จไฟฟ้าได้สูงมาก ทีมงานของเราลองทำการชาร์จกับสถานีชาร์จไฟฟ้ากำลังสูง กำลังไฟฟ้าที่ถูกส่งเข้ามาสูงสุดถึง 270-280 กิโลวัตต์ ใกล้เคียงกับสเปคที่ทางผู้ผลิตระบุมา โดยแรงไฟฟ้าดังกล่าวจะคงอยู่ถึงช่วงระดับแบทเตอรีประมาณ 60 % หลังจากนั้นจะลดกำลังไฟฟ้าลงเล็กน้อย แม้จะชาร์จเกินระดับ 80 % แต่กำลังไฟฟ้าจากจุดชาร์จยังคงทำได้มากอยู่ ทำให้เวลาในการชาร์จไฟฟ้าไม่นานเกินไป (หากสถานีชาร์จรองรับ) ภายใต้ระยะทำการสูงสุดเมื่อชาร์จเต็ม คือ 620 กม. (มาตรฐาน NEDC) ภายใต้การทดสอบจริงบนถนนทั่วไป เราคำนวณคร่าวๆ แล้วพบว่า ระยะทางที่แล่นได้จริงของ HYPTEC HT จะอยู่ที่ 500 กม. ขึ้นไป ถือว่ารองรับการใช้งานทั่วไปได้ดีมาก ขณะที่ KIA EV5 รุ่น EARTH EXCLUSIVE AWD มีความจุแบทเตอรี คือ 88.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง แต่รองรับการชาร์จไฟฟ้าแบบ DC ที่ 141 กิโลวัตต์ การชาร์จอาจไม่รองรับกำลังไฟฟ้าเท่า HYPTEC HT แต่ระยะทำการตามที่ผู้ผลิต คือ KIA ระบุมา คือ 620 กม. แต่การใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาจากมอเตอร์ 2 ชุด อาจทำให้มีการสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้ามากกว่า
SUSPENSION ระบบรองรับ
หนึบนุ่ม ขับสบาย
ระบบรองรับของ HYPTEC HT ด้านหน้าแบบอิสระ ปีกนกคู่ และด้านหลังแบบมัลทิลิงค์ 5 จุดยึด การปรับแต่งโดยรวมยังคงเน้นความนุ่มนวลตามสไตล์รถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน แต่การเป็นเอสยูวีระดับหรูของ HYPTEC HT ทำให้มีการปรับแต่งระบบรองรับให้มีความหนึบแน่นในระดับที่เหมาะสม รวมถึงการดูดซับแรงสั่นสะเทือนจากความขรุขระบนถนนที่แล่นผ่าน ทำได้เหนือกว่ารถยนต์ไฟฟ้าร่วมเครืออย่าง AION อย่างเห็นได้ชัด ขณะขับบนถนนจริงบางช่วง เราแล่นผ่านพื้นผิวขรุขระ มีฝาท่อระบายน้ำบริเวณฝั่งซ้ายของตัวรถ (ขณะที่ฝั่งขวาเป็นถนนลาดยางตามปกติ) ภายใต้สภาวะพื้นผิวถนนที่มีความไม่สมดุลเช่นนี้ การตอบสนองของระบบรองรับจาก HYPTEC HT ทำได้น่าพอใจเกินคาด ตัวรถสามารถแล่นผ่านได้อย่างมั่นคง แรงสั่นสะเทือนมีเพียงเล็กน้อย และยังบังคับควบคุมได้สบาย เรามีความเห็นว่า บุคลิกของระบบรองรับจากรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้เหมาะสำหรับการขับขี่ที่เน้นความสะดวกสบายได้อย่างลงตัว
ทางเลือกที่แตกต่าง และลงตัว
HYPTEC HT จัดเป็นทางเลือกที่น่าสนใจในแง่ของการเป็นรถยนต์ไฟฟ้าระดับหรูจากประเทศจีน มาพร้อมรูปแบบตัวถังที่แปลกตากับระบบประตูปีกนกที่ได้ความโดดเด่นขณะใช้งาน รวมถึงออพชันด้านความสะดวกสบาย และล้ำสมัยที่จัดเต็ม เป็นอีกนิยามความหรูหราที่ไม่จำเป็นต้องมาพร้อมกับความคุ้นเคยเดิมๆ แต่เน้นที่ระบบใช้งานที่ทันสมัย ไม่เหมือนใคร และพละกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่เหลือเฟือ แล่นได้เป็นระยะทางไกล และชาร์จได้ฉับไวจากระบบไฟฟ้าแบบ 800 โวลท์ เท่านี้เป็นคุณสมบัติเบื้องต้นที่หลายคนต้องการจากรถยนต์ไฟฟ้าหนึ่งคัน ภายใต้ราคาของรุ่นทอพที่เรานำมาทดสอบ คือ 1,749,000 บาท ถือว่ายังคุ้มค่ากับความโดดเด่นที่รถยนต์ไฟฟ้าระดับหรูคันนี้มอบให้